วันจันทร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2551

บ้านนี้เจ้าที่แรง

(อาจจะยาวไปสักหน่อย)





ผมกับเพื่อนอีก 3 คนได้มีโอกาสไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่สระบุรี พวกเราตัดสินใจขึ้นรถประจำทางกันไปเพราะว่าจะได้ไม่ต้องขึ้นรถหลายต่อ รถใช้เวลา30นาทีจากตัวเมืองก็มาถึงบ้านของไอ้กิจพวกเรารีบเอาของไปเก็บและรีบมากินข้าว "อ่ะพวกมึงนอนรวมกันที่ห้องนี้นะ" กิจพูด อืมมมก็ได้ จากนั้นเราทั้ง 4 คนได้ไปกินข้าวเย็นกัน


บ้านมึงทำไมไม่ค่อยมีรถผ่านมาเลยว่ะ นานๆทีเห็นมี2-3คัน โต้งพูด กูก็ไม่รู้เหมือนกันว่ะกิจพูด


พอเรากินข้าวเสร็จก็รีบอาบน้ำนอน แล้วพ่อแม่มึงไปไหนว่ะ กรถาม พ่อแม่กูไปงานบวชที่อุบล วันอังศุกร์ถึงจะกลับ จากนั้นเราก็นอน โต้งก็พูดขึ้นมาว่า พวกมึงได้กลิ่นอะไรมั้ยว่ะ กลิ่นเหมือนดอกมะลิ เฮ้ออออกิจบ้านมึงปลูกดอกมะลิหรือเปล่าว่ะ กรถาม ไม่นะไม่ได้ปลูก มึงคิดไปเองหรือเปล่าว่าไอ้โต้ง กรถาม ผมก็เลยพูดขึ้นมาว่า


พวกเรายังไม่ได้ไหว้เจ้าที่บ้านไอ้กิจเลย ดังนั้นเราจึงจุดธูปบอกกล่าว แล้วเราก็กลับขึ้นไปนอน ใครจะไปห้องน้ำกลับกูมั้ย ผมถาม ไม่อ่ะไปคนเดียวเถอะ ผมก็กล้าๆกลัวๆแต่ก็ต้องไป พอทำธุระเสร็จผมสงสัยว่าทำไมห้องพระบ้านมันถึงอยู่ตรงกับห้องน้ำ ผมสงสัยจึงรีบไปถามกิจ กิจเล่าให้ฟังว่า ก็บ้านนี้เป็นบ้านพักของชลประทาน


กูเกิดมากูก็เห็นมาแบบนี้อ่ะ โต้งพูดขึ้นมาว่าแม่เคยเล่าให้ฟังว่า "ถ้าบ้านใครห้องพระตรงกับห้องน้ำบ้านนั้นจะมีผีสิง" โต้งพูดยังไม่ทันขาดคำไฟก็ดับลง ผมก็ร้องเสียงหลงเลยคับ ทุกคนกลัวกันมาก โต้งพูดขึ้นมาว่าถ้าจะไม่ดีแล้ว ไฟก็ติดขึ้นมา กิจบอกว่า ลืมบอกพวกมึงไปว่า บ้านกูเจ้าที่แรงมาก ใครมาบ้านกูจะเจอแบบนี้แหละ กรพูดแทรกขึ้นมาว่า "เจ้าที่หรอ จะมาแรงกว่ากู กูแรงกว่าเจ้าที่อีกจะบอกให้" พอพูดยังไม่ขาดคำพวกเราก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากบันไดพวกเราทั้ง 4 คนจึงลงไปดู ภาพที่เราเห็นนั้นเป็น ชายใส่ชุดสีขาวมือถือไม้เรียว กิจพูดว่าพวกมึงเห็นแบบเดียวกันหรือเปล่าว่ะ พวกเราต่างก็วิ่งไปในห้องนอน พอเรามาถึงห้องนอนกรก็ร้องเสียงดัง แล้วพูดว่า "ใครตบปากกู" ผมบอกว่าใครจะตบมึงล่ะ มึงอย่าทำให้พวกกูคิดมาก ทันใดนั้นกรก็ร้องเสียดัง แล้วพูดว่า "กูหายใจไม่ออก" แล้วก็สลบไป พวกผมทำอะไรกันไม่ถูกเลยคับ ได้แต่เรียกชื่อเพื่อน กิจพูดขึ้นมาว่า กูนึกออกแล้ว พ่อกูมีพระเครื่องอยู่กูจะเอามาใส่ให้มัน เผื่ออะไรจะดีขึ้น มันก็รีบวิ่งไปที่ห้องพระ เอาพระเครื่องมาใส่ที่คอไอ้กร ไม่กี่วินาทีมันก็ตื่นขึ้น แล้วพูดขึ้นมาว่า "กูอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว มีคนจะมาเอาชีวิตกู" โต้งบอกว่าให้กรจุดธูปขอขมา ที่กรพูดไม่ดีอะไรไว้ กิจและผมก็เห็นด้วย พวกเราจึงไปห้องพระ แต่สิ่งที่พวกเราเห็นคือ ห้องที่ว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่แจกัน หรือ ดอกไม้ โต้งพูดขึ้นมาว่า ถ้างั้นพวอเราต้องออกไปจากที่นี่ให้ได้ ผมไม่เห็นด้วย ผมจึงบอกว่า ไม่ได้ถ้าจะไปไอ้กรต้องขอขมาเจ้าที่เจ้าทางก่อน กิจพูดขึ้นมาว่า ถ้างั้น ก็ไปที่ศาลพระภูมิ พวกเราจึงลงไปที่ศาลพระภูมิ กรตัวสั่นมากเลยคับ จากนั่นกรก็พนมมือแล้วก็พูด ขึ้นมาว่า "ผมจะไม่ทำอีกแล้ว ผมกลัวแล้ว ผมกลัวแล้ว ให้อภัยผมเถอะคับ" ทันใดนั้น กิ่งมะม่วงได้หักลงมาทับที่ขาของกร กรขาหักคับ แล้วทุกคนก็ได้ยินเสียง เสียงนั้นมาจากศาลเจ้าที่คับ


พวกเราได้ยินว่า "ถ้าพวกมึงปากดีแบบนี้ต่อไปจะไม่ใช่แค่เจ็บ แต่พวกมึงจะตายโหงตายห่า" แล้วเสียงก็หายไป พวกเรารีบวิ่งไปที่ถนนใหญ่ โบกรถที่ผ่านไปผ่านมา โชคดีคับ มีรถคันนึงจอดรับพวกเราไปส่งที่โรงพยาบาล


เช้าวันต่อมาผมและเพื่อนไปเยี่ยมที่โรงพยาบาล แล้วก็เลยไปวัดทำบุญ


นับว่าเป็นเรื่องที่ผมไม่มีวันลืมได้เลยในชีวิต

ไม่มีความคิดเห็น:

Blog ที่เกียวข้อง