เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับดิฉันเมื่อประมาณแปดปีก่อน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เด็กๆไม่ควรทำตามเป็นอย่างยิ่งเรื่องมีอยู่ว่าตอนนั้นดิฉันยังเป็นเด็กนักศึกษามหาลัยเอกชนชื่อดัง ในจังหวัด สมุทรปราการ และได้มีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนหนึ่ง จนกระทั่งเกิดตั้งท้องขึ้นมา ดิฉันไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี จึงได้ให้คำตอบกับตัวเองว่า ดิฉันจึงได้ดัดสินใจ "ทำแท้ง" และหลังจากนั้นดิฉันได้ตั้งคำปฎิญาณและสัญญาไว้กับตัวเองในใจว่า "จะไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้" แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ทำบุญให้สักทีเนื่องจาก มัวแต่ไปเที่ยวเตร็ดเตร่ ตามประสาวัยรุ่นทั่วไป จนลืมไปเลยว่าเคยสัญญาอะไรไว้ หลังจากนั้นเอง ดิฉันได้ไปเที่ยวกลางคืนตามปกติกับแฟนหนุ่มและเพื่อนๆโดยขากลับ จากไปส่งเพื่อนที่หอพักมหาลัยเอกชนชื่อดังย่านบางกะปิ แถว มหาลัยรามคำแหง ระหว่างทางที่จะเข้าไปในซอยนั้น
ดิฉันเห็น เงาข้างทาง อยู่ฝั่งซ้ายมือ ทางด้านที่ดิฉันนั่งอยู่ลักษณะหัวโตๆใหญ่ๆ มีรูลักษณะเหมือนปากเล็ก(เหมือนคนทำปากจู๋)แต่ตัวไม่ใหญ่มาก ขนาดสูงประมาณคนทั่วไป (ร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรน่าจะได้) ยื่นมือมาทางถนนฝั่งที่ดิฉันนั่งพอดี จากนั้นดิฉันก็ตกใจ หันถามเพื่อนที่นั่งข้างหลังว่า เห็นอะไรไหม เพื่อนดิฉันอีกสามคนที่นั่งข้างหลังบอกว่า ไม่เห็นมีอะไรนี่ ดิฉันจึงนั่งรถต่อไปตามปกติ ใจก็คิดว่ามันต้องเป็นอะไรสักอย่าง ขณะที่แฟนกำลังจะจอดรถ ดิฉันเห็นเงา ขาวๆ อยู่ใกล้ๆกำแพงที่จอดรถติดกับรั้วมหาลัย เพื่อนจึงบอกว่า เป็นเงาของรูปปั้นที่อยู่ใน มหาลัยหรือเปล่า
ดิฉันก็ไม่เอะใจคิดว่า เราคงจะคิดมากไปเอง จึงไม่ได้คิดมากขณะขึ้นไปข้างบนหอพักของเพื่อนดิฉันก้อเล่าให้เพื่อนฟังว่าดิฉันเห็นอะไร เพื่อนก้อบอกว่าดิฉันเมา สงสัยกินมากไปหน่อยแต่ดิฉันบอกว่า ไม่มีทางไม่ได้เมานะและยังย้ำบอกแฟนให้ขับรถกลับมาทางเดิมที่เราเข้าซอยมา จกนั้นแฟนก็ได้ตอบตกลงเพื่อพิสูจน์ว่า ดิฉันจะตาฝาดเห็นต้นไม้ข้างทางเป็นอย่างอื่นหรือไม่ ขากลับเข้าซอยใจก็เต้น อยากรู้ก็อยากรู้ว่าที่เห็นมันคืออะไรจึงได้บอกแฟนให้ขับรถช้าๆ เมื่อเข้าไปถึงซอย ปรากฏว่า ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้นที่ยื่นกิ่งก้านเข้ามาทางถนน หรือแม้แต่ต้นไม้ข้างทางสักต้นก็ไม่มี มีแต่ริมฟุตบาทและขอบถนน ตามปกติ จากนั้นดิฉันเริ่มใจสั่นบอกแฟนว่าอยากกลับมานอนบ้านแฟนแล้วเราจึงขับรถกลับกันมา ซึ่งบ้านอยู่ติดถนน ศรีนครินทร์
ก่อนถึงซีคอนสแควร์ จากนั้น ดิฉันก้อเข้าห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นสอง มีหน้าต่าง ระเบียง สามารถมองเห็นวิวริมถนนได้ จากนั้นแฟนของดิฉันได้ลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาหลังจากขับรถกลับมา ดิฉันได้ยินเสียงหวิดร้อง วี๊ดๆๆๆๆๆ ก้องอยู่ในหูเป็นเสียงเล็ก แหลม มากๆ ตอนนั้นดิฉันกลัวมากรีบเปิดประตูห้อง บอกแฟนที่กำลังล้างหน้าอยู่ว่าได้ยินไหม ทีนี้แฟนบอกว่าไม่ได้ยินอะไรเลยแต่ดิฉันยังคงได้ยินอยู่ในหัวดังมาก ซึ่งดิฉันไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อนแล้วจึงได้รู้สึกว่าเสียงที่คนเค้าบอกว่าเสียงหวีดร้องของเปรตมันเป็นยังไง ที่นี้ดิฉันก้อบอกแฟนว่าอยู่ไม่ได้แล้วอยากกลับไปนอนบ้านที่อยู่บางนาแต่ดิฉันไม่มีกุญแจบ้านจึงบอกแฟนให้ขับรถไปหาพี่ชายที่บ้านเพื่อนพี่ชายที่อยู่แถว อุดมสุข เปิดเป็นร้านอินเตอร์เน็ต ที่นี้พอขับไปถึงดิฉันเห็นพี่ชายนั่งอยู่บนรถเพื่อนดิฉันก้อกวักมือเรียกพี่ชาย เนื่องจากเห็นว่า เพื่อนพี่ชายนั่งอยู่เบาะหลังของรถใส่เสื้อสีขาวดิฉันจึงเห็นชัดว่ามีคนนั่งอยู่แน่ๆ
เลยไม่อยากจะพูดให้เค้ากลัวจึงได้แต่กวักมือเรียกบอกให้พี่ชายออกมาจากรถ จากนั้นพี่ชายก็ งง งง ว่ากวักมือเรียกทำไมมีไรก็พูดมาเฮียอยู่คนเดียว เราก็บอกว่า"เฮ๊ย แล้วที่นั่งหลังเฮียอ่ะใคร เฮียเลยบอกว่าไม่มี เฮียนั่งเล่นในรถคนเดียว " ดิฉันจึงเดินเข้าไปใกล้ๆรถ เห็นว่ามีพี่ชายคนเดียวจริงๆด้วยแล้วที่ดิฉันเห็นใส่เสื้อขาวอ่ะใคร อีกอย่างรถเป็นรถสองประตู ไม่มีทางที่จะออกไปทางประตูหลังแน่ ดิฉันตกใจมาก หลังจากที่เช็คแล้วก็คุยกับพี่ชายและเพื่อนพี่ชายว่าคืนนี้ได้เห็นทั้งคืนเลย จึงคิดในใจว่าอาจจะเป็นเรื่องที่เราไปทำไม่ดีเอาไว้หรือเปล่าจึงกลับบ้านพร้อมพี่ชาย เมื่อกลับเข้ามาบ้านแล้วดิฉันรู้สึกอุ่นใจ ยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก รู้สึกว่าปลอดภัยอย่างประหลาด จากนั้นวันรุ่งขึ้นดิฉัน ได้ตื่นมาใสบาตรตอนเช้า เล่าให้พระฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น พระท่านบอกว่า การที่จะเห็นเปรตได้ เปรตนั้นต้องเป็นญาติพี่น้องเรา หรือเจ้ากรรมนายเวรของเรา หรือคนที่เคยผูกผันกับเรา เท่านั้น จึงจะสามารถเห็นได้
ดิฉันจึงคิดได้ว่าต้องเป็นเพราะสิ่งที่ดิฉันได้ทำไปตอนนั้นแน่ๆ ดิฉันจึงได้บุญ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เค้า ขอให้เค้าไปอย่างสงบใจก็นึกอยู่อย่างเดียวว่าดิฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้แต่เพราะว่าตอนนี้ยังไม่พร้อมจึงต้องจำใจทำลงไป และหลังจากนั้นดิฉันก็ไม่เคยเจอ อะไรแบบนี้อีกเลยคุณ Mauy1981
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น