สวัสดีค่ะ พี่ป๋องและทีมงาน
ดิฉันเป็นพยาบาล ทำงานสอนนักศึกษาพยาบาลอยู่วิทยาลัยพยาบาลแห่งหนึ่ง ตอนที่ทำงานนี่ก็ไม่เคยพบเหตุการณ์น่ากลัวอะไร แต่ตอนที่ยังเป็นเด็กๆ กำลังจะเข้าเรียนพยาบาลปี1 ใหม่ๆ นี่สิคะ นึกแล้วยังขนลุกไม่หาย... ดิฉันจบมาจากวิทยาลัยพยาบาล ในกรุงเทพฯ แห่งหนึ่ง อายุของมันถ้านับถึงตอนที่ดิฉันเรียนก็เกือบๆ 50 ปีเห็นจะได้ บอกตรงๆ ว่าดิฉันไม่ได้อยากมาเรียนพยาบาลนัก เพราะไม่ถูกกับโรงพยาบาล แล้วยิ่งได้มาเห็นตึกเก่าๆ ในโรงพยาบาล และหอพักพยาบาล รวมทั้งหอพักนักศึกษาพยาบาล ซึ่งเก่ามาก ถ้าคุณเคยดูหนังผี แบบโบราณๆ แล้วคงจะนึกออก ยิ่งทำให้ดิฉันอยากจะกลับบ้านตั้งแต่วันแรกที่เขารับตัวนักศึกษา เพื่อเข้าพัก ในหอพักเลยล่ะค่ะ นอกจากความเก่าแล้ว ประวัติเรื่องที่เกี่ยวกับผีๆ นั้นมากมายไม่รู้จะเล่าอย่างไรหมด ตามธรรมเนียมเมื่อรับมอบตัวนักศึกษา แล้วพวกรุ่นพี่เขาก็จะมีการรับน้อง ถ้าพูดให้ถูกก็คือ แกล้งให้น้องกลัวผีเล่นๆ ซะงั้นแหละ และพยาบาลนี่ก็มีกฏระเบียบเคร่งครัดมาก คือ ห้ามไปโน่น ไปนี่ โดยไม่ได้รับอนุญาต คืนนั้น หลังจากที่พี่ๆ ได้แกล้งน้องจนพอใจแล้ว ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันเข้านอน บรรยากาศในหอพัก จากที่เคยอึกทึกครึกโครมเมื่อตินค่ำ ก็เงียบลง เหมือนป่าช้าดีนี่เองค่ะ มองไปทางซ้ายก็หอพักเก่า มองไปนอกหน้าต่างก็ตึกเก่าของโรงพยาบาล ชะโงกหน้าไปเห็นตึกสีขาวไกลๆ ก็เป็นตึกเก็บศพ... มันยิ่งทำให้ดิฉันนอนไม่หลับค่ะ ก็พยายามข่มตาอยู่ พอเคลิ้มๆ ก็รู้สึกปวดปัสสาวะ ขึ้นมา ตอนนั้นเวลาประมาณตี2 จะเดินไปห้องน้ำก็ไม่กล้า เพราะเกรงว่าพี่จะเคืองเอา(พี่ห้ามไปไหนมาไหนตอนกลางคืนค่ะ) แต่มันทนไม่ไหวจริงๆ จึงค่อยๆ ย่องออกจากห้องนอน ซึ่งเป็นห้องนอนรวม เดินตัดออกไปที่ระเบียงตึกมุ่งหน้าไปที่ห้องน้ำรวม ซึ่งอยู่ด้านท้ายของตึก ไฟห้องนำก็ส่องมาสว่างแบบไม่เต็มใจ โอยมันอึมครึมมากค่ะ จะหันหลังกลับก็ไม่ไหว เลยจำใจก้าวขาเข้าห้องน้ำ ยังไม่ทันที่เท้าจะกดลงบนพื้นห้องนำเลยค่ะ รู้สึกเหมือนเย็นวูบๆ พร้อมๆ กับที่มีเสียงผู้หญิงพูดอะไรบางอย่าง ดิฉันก็พยายามฟังนะคะ ว่าเขาพูดอะไร ก็ฟังไม่ออกค่ะ เพราะมันไม่ใช่ภาษากลาง เหนือ ใต้ หรือ อีสาน และไม่ใช่จีน หรือ อังกฤษแน่ ตอนนั้นก็ก้าวเทาไม่ออก แต่ทำอะไรไม่ถูก ใจนึงก็คิดว่าโดนเข้าแล้ว... แต่อีกใจก็คิดว่าพี่คงแกล้งอำเราแน่ ก็เลยแข็งใจก้าวต่อไปจนถึงประมาณกลางโถงของ ห้องนำแล้วชะโงกหน้าดูเผื่อเจอพี่ในห้องน้ำซักคน เชื่อไหม.. ไม่มีใครเลยค่ะ แต่ว่าเสียงนั้นยังดังอยู่ และมันก็ทั้งยานและเย็นขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นดิฉันไม่คิดอะไรมาก สิ่งที่ทำได้คือ กลับหลังหัน แล้ววิ่งๆๆแบบไม่คิดชีวิตเลยค่ะ วิ่งกลับมาที่ห้องพักซึ่งพักรวมกันกับเพื่อนอีกเป็นสิบคน เปิดปิดประตู จนประตูแทบจะพัง เสียงดังมากค่ะ เสร็จแล้วรีบวิ่งขึ้นเตียงนอนคลุมโปง ภาวนา พุธโทๆ จนเผลอหลับไปเอง เชื่อไหมคะ ตื่นเช้าขึ้นมา ไม่มีเพื่อนคนไหนได้ยินเสียงดังโครมครามๆ เมื่อคืนสักคน ดิฉันอาจคิดไปเองว่ามันดังมาก แต่เพื่อนอาจเหนื่อยและหลับกันหมดก็เป็นได้ พอถามพี่ พี่เขาก็หัวเราะบอกว่าดึกอย่างนั้น ไม่มีใครเขามามัวเล่นอยู่หรอก เพราะพี่เขาต้องขึ้นฝึกที่โรงพยาบาลกันแต่เช้า หรือถ้าจะมีคนเส้นตื้นทำจริงก็คงลงทุนน่าดู เพราะว่า ได้เหยื่อคือดิฉัน เพียงคนเดียว... สรุปว่าไม่มีใครว่างพอมาทำแบบนั้นน่ะค่ะ ดิฉันมาทราบในภายหลังว่า บริเวณห้องน้ำที่ดิฉันไปเข้าคราวนั้น เคยมีคนเจอดีมาบ้างแล้วด้วยค่ะ เรื่องนี้ ดิฉันยังไม่กล้าสรุปว่า จริงๆ แล้วเป็นเสียงของวิญญาณ หรือโดนแกล้ง แต่ที่แน่ๆ ดิฉันก็เคยได้รู้สึกมาแล้วว่า "กลัวและตกใจสุดขีด" มันเป็นยังไง.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น