วันอังคารที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เจ้าที่ เจ้าทาง

เหตุเกิดขณะที่ผมศึกษาอยู่ มัธยมปลายแห่งหนึ่งแถบปริมณฑล



จำได้ว่า ม.6 พอดี ระยะนั้นเศรษฐกิจไม่ค่อยดีนัก จึงเกิดการค้าขายที่เรียกติดปากว่า ตลาดนัด หรือ เปิดท้ายขายของเป็นจำนวนมาก พวกผมก็เช่นกัน จะไปเดินกันเป็นประจำ ซึ่งจะมีทุกวันอังคารและศุกร์ เย็นวันนั้น เป็นวันศุกร์หลังจากเตะฟุตบอล ผมได้รอเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นนักดนตรีดุริยางศ์ของโรงเรียน ด้วยความที่อยู่ม.6 เป็นพี่ใหญ่ เพื่อนผมจึงต้องอยู่เก็บของตอนเย็นที่ห้องดุริยางศ์ทุกสัปดาห์ วันนั้นเหตุการณ์อย่างไรไม่ทราบ ผมรอเพื่อนคนนี้ได้สักพัก เห็นว่ายังไม่มาสักที ก็เลยตัดสินใจเดินไปตามกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง ซึ่งพอไปถึง ก็เห็นเพื่อนยืนอยู่หน้าห้องดุริยางศ์นั้นเอง แต่ประตูทางลงได้ถูกล็อกไปแล้ว อาคารนี้เป็นอาคาร3ชั้น เป็นไม้ทั้งหลัง บันไดจะอยู่ริม ซ้ายและขวาของตัวอาคาร



หลังจากไถ่ถามและปรึกษากันได้แป๊บหนึ่งแล้ว ทราบว่า เพื่อนเก็บของอยู่ในห้อง พอลงมาด้านล่าง ประตูถูกปิดแล้ว ผมกับเพื่อนที่เดินมาด้วยกัน จึงตัดสินใจไปตามภารโรงมาเปิดประตูให้ ยังไม่ทันที่จะเดินลอดพ้นตัวอาคาร ผมได้ยินเสียงเพื่อนตะโกนพยายามจะบอกอะไรบางอย่าง เท่าที่ผมจับใจความได้ คือ เร็วๆหน่อยนะโว้ย ผมจึงตะโกนกลับไปว่า เออ แป๊บเดียว ผมจึงรีบเดินไปยังบ้านพักภารโรงซึ่งอยู่ภายในโรงเรียน เมื่อได้พบ จึงเล่าให้ฟังว่าเพื่อนติดอยู่บนอาคาร ซึ่งน้าแกก็เข้าใจดี แถมยังบอกว่า ยังงี้แหละ วันศุกร์ ครูเค้ารีบกลับกัน จากนั้นผมกับเพื่อนก็เดินตามภารโรงมาที่ตึกนี้ พอผมมองขึ้นไปเห็นเพื่อนที่ยืนอยู่ชั้น2 ผมก็ตกใจ เพราะเพื่อนเหมือนจะเกาะระเบียงแน่น ดูแล้วรู้เลยว่า



อยากกระโดดลงมา แต่ไม่กล้า เพราะสูงพอสมควร เมื่อภารโรงแกเปิดประตูแล้ว ผมเดินขึ้นไปจนถึงตัวเพื่อน แต่เพื่อนคนนั้น กลับวิ่งทะยานลงบันได้อย่างรวดเร็ว ผมกับเพื่อนก็ไม่เข้าใจ เพราะปกติก็กลับด้วยกันตลอด ตอนนั้นเห็นว่าแปลกๆ ก็เลยถามน้าภารโรงว่า บนตึกนี้ เคยมีอะไรรึเปล่า น้าแกก็บอกว่าไม่มี จนวันอาทิตย์ ผมผ่านไปแถวบ้านเพื่อนคนนี้ ก็เลยแวะไปหา แล้วคุยกัน จึงได้รู้ความจริง ก็คือ เพื่อนคนนั้น เห็นลุงแก่ๆ ค่อยๆเดินคล้อยหลังลงบันไดไปอีกฝั่งของตัวอาคาร จึงรีบวิ่งไปเพื่อจะออกไปด้วย แต่พอลงบันไดไป ประตูยังปิดอยู่และไม่มีใคร แล้วที่ตะโกนเรียกผมกับเพื่อนตอนที่จะไปหาภารโรงนั้น เพื่อนมันตะโกนว่า ไม่ต้องแล้ว มีคนเปิดประตูแล้ว ...



จนผมกลับมาจึงได้เห็นเพื่อนผิดปกติแล้ววิ่งหนีไป หลังจากรู้เรื่อง ผมกลับไปถามน้าภารโรงอีกที เล่าเรื่องให้แกฟัง แกก็บอกว่าไม่มีนะ แล้วผมกับแกก็เลยสรุปกันไปว่า อาจจะเป็นเจ้าที่เจ้าทางที่คอยดูแลรักษาอาคารแห่งนี้อยู่ก็เป็นได้นี่คือเรื่องจริงที่เพื่อนผมประสบมาครับ

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ลอยตามรถ...

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวัน 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา เป็นเรื่องของพี่ชายค่ะ



จะเรียกพี่เขาว่า "พี่หมี" นะคะทุกคืนวันเสาร์พี่หมีจะไปคลองถมกับพี่ชายของแฟนเขา (ขอเรียกว่า "เฮีย") จะไปเดินซื้อของกัน แล้วก็แวะทานข้าวหลังจากนั้นก็ขับรถกลับกัน พี่หมีเป็นคนขับ ส่วนเฮียก็นั่งข้างๆ พี่หมีก็พูดขึ้นมาว่า "วันนี้พระจันทร์ดูแปลกๆ ไหมเฮีย



มันเต็มดวง สีทองนวลๆ "เฮียเขาก็ตอบ "อืม...." สักพักเฮียเขาก็หลับไป รถวิ่งมาได้เวลาประมาณตี 2 กว่าๆ กำลังจะขึ้นสะพาน (มาจากหน้าห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า มุ่งหน้าออกตลิ่งชัน สะพานที่อยู่หน้าขนส่งสายใต้ บอกแค่นี้น่าจะรู้จักนะคะ..) อยู่ๆ ก็มีหน้าผู้หญิงลอยตามรถมา(....ลอยมาเลยค่ะ พี่เขาขับ 120 เพราะมันดึกแล้ว) แต่หันข้างให้ พี่หมีแกเห็นจากหางตา ก็ไม่กล้าหันไปมอง



มือก็เอื้อมไปหยิบกริชที่เหน็บอยู่ตรงที่บังแดดฝั่งข้างคนขับ สักพักก็หายไป เฮียเขาก็เลยตื่นแล้วถามว่า"มีอะไร" พี่หมีก็เลยเล่าให้ฟัง เฮียเขาก็เลยพูดว่า "ผู้หญิงผมยาว ใส่ชุดดำ สูงประมาณ 160 ใช่ไหม" พี่หมีก็บอกว่า "ใช่"เฮียเขาก็เลยบอกว่า "อืม...เคยเจอแล้ว มาแบบนี้เลย"พอตอนเช้าพี่หมี ก็เลยโทรไปถามเพื่อนอีกคนที่อยู่แล้วนั้น เขาก็เล่าให้ฟังว่า "เคยมีผู้หญิง เขาไปเที่ยวกลางคืนมา



แล้วมาเกิดอุบัติเหตุ เสียชีวิตอยู่บนสะพานนั้น"พี่หมีบอกว่า "ถ้าหันไปมอง วันนั้นคงเสียชีวิตไปแล้ว เพราะข้างหน้าเป็นรถสิบล้อ" (สงสัยว่าเขาจะมาเอาคนไปแทนที่)

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2551

ธูปดอกเดียว

ประมาณปลายปี 49 อยู่ในช่วงหน้าหนาว อาของฉันไปสัมนาที่เชียงใหม่ ซึ่งก็พาญษติไปด้วยได้นิดหน่อยเนื่องจากรถมีที่เหลือ เราไปกันหลายคน ซึ่งก็มีคนที่ทำงานของอา และครอบครัวฉันมีไป 5 คน มีฉัน อา 2คน น้อง และลูกของฉัน อายุ 8เดือน



เราเข้าพักในสนามกีกลางของจังหวัด ซึ่งในนั้นมีที่พักเหมือรโรงแรม น่าจะเป็นบ้านพักนักกีฬา เราแบ่งกันพักประมาณ 4 ห้อง ซึ่งฉันอยู่ห้องริมสุด ห้องติดกับฉันทางด้านขวาไปไม่มีคนพัก และทั้งชั้นก็มีกรุ๊ปเราเพียงกรุ๊ปเดียว ประตูห้องน้ำภ่ยในห้องพักเวลาเปิจะมีเสียงดังมาก เพราะแถบด้านล่างประตูห้องน้ำเป็นเหมือนสังกะสี เวลาเปิดมันเลยสีกัน มีเสียง ตอนเช็คอินเข้ามาอาบอกให้ฉันจุดธูปบอกเจ้าที่เนื่องจากมีเด็กเล็กมาด้วยจะได้ช่วยคุ้มครอง ฉันไม่แน่ใจว่าต้องจุดธูปกี่ดอก เลยนึกได้ว่า ยายของแฟนเหมือนเคยพูดว่าจุดกี่ดอกก็เหมือนกัน ฉันเลยจุดแค่ 1 ดอกแล้วปักไว้ที่หนาระเบียง



จากนั้นเหตุการณ์ก็ปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่ง ฉพวกเรากลับจากไปเที่ยวที่ต่างๆ ก็ประมาณ 4-5 ทุ่ม ทุกคนต่างก็เข้านอนกัน เพราะต้องประชุมแต่เช้า จนกลางดึก ฉันกับอาได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิดปิด ทั้งคืน ฉันกับอาเลยได้แต่นอนมองหน้ากัน ว่าใครกันนะ จะลุกมาเข้าห้องน้ำได้ทั้งคืน ย้ำว่าทั้งคืนจริงๆ แต่ก็คิดไปว่า พวกของฉันข้างห้องอาจจะลุกมาเข้าห้องน้ำเพราะท้องเสียมั้งเลยเข้าทั้งคืน



แต่พอตอนเช้าก็ได้ถามคนที่พักข้างห้องฉันว่า เมื่อคืนเป็นอะไร ลุกมาเข้าห้องน้ำทั้งคืนเลย แต่เขาก็ตอบว่า เมื่อคืนหลับสนิทกันหมดไม่มีใครลุกมาเข้าห้องน้ำนี่ แล้วใครกันที่เปิดปิดประตูห้องน้ำได้ทั้งคื และยังมีเพียงแค่ห้องฉันเท่านั้นที่ได้ยิน หรือเป็นเพราะฉันจุดธูปดอกเดียว ถ้าตอนนี้เข้าใจไม่ผิด จุดธูปดอกเดียวใช้เรียกวิญญาณใช่ไหมคะ ถ้าทุกคนลงความเห็นเดียวกันว่าใช่ คืนนั้นวิญญาณที่ฉันบังเอิญจุดธูปเรียกมาโดยไม่ได้ตั้งใจแม้แต่น้อย



คงเป็นผู้ที่เปิดปิดประตูห้องน้ำทั้งคืนแน่ๆ บรื๋ออออออออ


ขอบคุณข้อมูลจาก www.shockfmclub.com

วันพุธที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2551

บ้าน ที่น่าสะพรึงกลัว

เรื่องเริ่มต้นที่ปกติดิฉันจะเป็นคนที่ไม่เคยปวดท้องเวลามีประจำเดือน



จนกระทั่งรอบเดือนครั้งแรกที่ปวดขึ้น แล้วก็ปวดมากจนต้องเข้า ร.พ. พอไปเค้าก้ตรวจๆ สุดท้ายลงความเห็นว่า ประจำเดือนน่าจะไหลย้อนกลับเข้ามดลูก เลยไม่ติดใจอะไร แต่คนคนนึงที่คิดตรงข้ามกับผลตรวจคือ เพื่อนของดิฉัน เนื่องด้วยขณะนั้น ดิฉันมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับแฟน เพื่อนจึงเข้าใจว่าดิฉันแท้ง ตอนแรกก้ไม่ได้คิดอะไรเพราะ หมอบอกว่าแค่ประจำเดือนไหลย้อนเข้ามดลูกเท่านั้น



แต่พอหลังจากนั้น วันเกิดดิฉันก็มาถึง ทุกอย่างดีไปหมด พ่อไปซื้อขนมเค้กมาให้ น้องเดินเอามามาให้ ปิดไฟทั้งบ้าน ที่อย่างดูดีมาก พ่อได้ถ่ายรุปเก็บไว้ก็ปกติทุกอย่าง แต่พอสองคืนให้หลัง ขณะที่ดิฉันกับแม่และน้องชายนอนกันอยุ่ แม่ได้ปลุกฉันขึ้น ตอนประมาณตี3กว่าๆ แล้วบอกกับดิฉันว่า "น้องพลอยตื่นเร็ว ม้ามีไรจะบอก" ดิฉันมัวแต่งัวเงียๆ "น้องพลอย เมื่อกี้มีเด็กมาดึงขาม้า" ดิฉันตกใจตื่นเต็มตา



เข้าขั้นตะลึงนึกอะไรไม่ออกทีเดียว....แม่บอกว่า แม่นอนตะแคงงอขาอยู่ แล้วรู้สึกได้เลยว่ามีมือเล็กๆ มาดึงขาแม่ขาหนึ่งดึงจนขาตึงทีเดียว แม่รู้สึกได้ว่า การจับ จับแบบกรีดนิ้วจับ คือเหมือนๆว่า ใช้แค่นิ้วชี้กับนิ้วโป้งจับ แล้วดึงจับขาข้างนึงตึงเลย ดิฉันได้แต่งง แล้วขณะนั้นเองพ่อก้ไปทำงานเพอ่งกลับมา เต้าถามว่าทำไมยังไม่นอนกัน แม่ก็เล่าให้ฟัง พ่อจึงเอารูปให้ดู รูปนั้น คือรูปที่ถ่ายในวันเกิดดิฉันเอง



เป็นรูปที่น้องชายถือเค้กเดินเข้ามา ข้างๆน้องชายมีเงาเด็กผู้หญิงยืนอยู่ข้างๆ กำลังยิ้ม เป็นเงาเทาๆ ที่มองเห็นได้ชัดมากๆ เห็นชัดมาว่าเป็นเด็กผู้หญฺงยิ้มเบ้าตาลึกโบ้ว ไม่มีลูกตา ช่สงเป็นภาพทื่น่ากลัวมาก สำหรับเจ้าของวันเกิดอย่างดิฉัน ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมต้องมาเห็นวันเดียวกับที่แม่โดนจับขาอีก......ต่อมาจากนั้น ฉันก็เริ่มได้ยินเสียงกระดิ่งคล้ายๆ กระดิ่งที่ติดกับขาเด็กอ่อนดังเวลาเงียบๆมากๆ จะได้ยิ่งชัดมาก



นั้นทำให้ดิฉันเครียดมากว่า จริงๆแล้วการเข้า ร.พ. ครั้งที่แล้ว ดิฉันแค่ปวดท้องประจำเดือนหรือแท้งกันแน่เท่านั้นยังไม่พอ ดิฉันไปดูดวง เข้าก็บอกว่า มีเด็กอยู่ในบ้านดิฉัน แต่ดิฉันก็ต้องตกใจอีก เมื่อบอกว่าเด็กในบ้านมีอยู่สองตน ขอย้ำว่าสองตน คตนนะค่ะไม่ใช่คน เป็นหญิง1ชายหนึ่ง (ซึ่ง ก่อนหน้านี่ อาของดิฉันได้พบเด็กชายไปแล้ว ซึ่งเคยถกเถียงกันว่าเป็นน้องชายดิฉันเอง) จนกระทั่งตอนนี้ ดิฉันเครียดมากๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น



ไม่รู้ว่ามันอะไรกันแน่ในบ้านดิฉันมีอะไรแปลกประหลาดมากมาย จนยากที่จะบรรยายออกมาได้หมด ดิฉันคงมีเรื่องเล่าอีกมากมาย

ขอบคุณข้อมูลจาก www.shockfmclub.com

วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551

วัวธนู เลี้ยงดีเป็นคุณ เลี้ยงไม่ดีเป็นโทษ

นี่เป็นประสบการณ์ของเพื่อนของผมเล่าให้ฟัง



เรื่องก็มีอยู่ว่าเพื่อนผมมันเป็นคนที่บ้าไสยศาสตร์เอามากๆๆ แล้วมันก็ชอบที่จะหาของมาเลี้ยงเช่น กุมารทอง รักยม และมันยังมีคาถาต่างๆ ที่มันได้มาตอนบวชเรียนอีกเยอะแยะ มีอยู่วันหนึ่ง มันเอาควายธนู ของอาจารย์ท่านหนึ่ง มาเลี้ยงลักษณะเป็นเนื้อโลหะ สีทองอมดำ



ที่ผมเห็นก็เพราะมันเคยโชว์ให้ผมดู มันบอกว่าถ้าเลี้ยงไม่ดีไม่มีคาถากำกับ วัวมันจะไม่อยู่ แต่มันเลี้ยงได้ซักประมาณ เดือน กว่า มันบอกว่ามีเพื่อนผมอีกคนหนึ่งขอไปเลี้ยงเพื่อนผมเลยให้ไปเลี้ยง แต่พอให้ไปได้ อาทิตย์เดียวก็มีเหตุเกิดขึ้น คือ กลางดึกแม่ของเพื่อนผมตื่นออกมากลางดึก



แล้วแม่เพื่อนผมคนนี้เค้าเป็นคนไม่ทานเนื้อเพราะนับถือเจ่าแม่กวนอิม ก็เห็นวัวตัวหนึงมากินหญ้าอยู่หน้าบ้าน ทั้งๆที่รอบรัศมี 1 กิโลเมตร ไม่มีใครเลี้ยงวัว แม่เค้าก็ไม่คิดอะไร ตื่นเช้าก็มาก็พูดให้เพื่อนผมฟัง เพื่อนผมมันก็ไปหาคนที่มันให้วัวธนูไปเลี้ยงแล้วก็ถามว่าดูแลยังไง ให้วัวธนูกลับมาหาเจ้าของเดิม เพื่อนผมมันก็เลยเอาคืน แล้วมันก็เอามาเลี้ยงเหมือนเดิม มันบอกว่าเวลาไปไหนมาไหนปลอดภัย แถมยังกันภูตผีปีศาจ



รวมทั้งสิ่งอัปมงคลที่จะเข้ามาในบริเวณบ้านของมัน เรื่องก็มีอยู่เท่านี้คับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.shockfmclub.com

วันเสาร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2551

เลี้ยงวิญญาณ 2

สวัสดีคับทุกคนต่อเนื่องจากเรื่องเเรกนะคับตอนเด็กๆผมจะสนิทกับปู่ผมมากๆไปไหนไปด้วยกันตลอด



มีอยู่วันหนึ่งมีคนรู้จักกับปู่ผมซึ่งผมก้อไม่รู้จักเขาเหมือนกันมาบอกให้ช่วยไปดูอาการแฟนเขาให้หน่อย พอไปถึงบ้านเขาสิ่งที่ผมเห็นคือยายแก่ๆกำลังทำท่าเป็นลิงเดินวนไปวนมารอบบ้าน ปู่ผมจึงเรียกวิญญาณให้มาเข้าร่างของแฟนยายคนนี้ถามไปถามมาได้เรื่องว่า



ก่อนที่เขาจะย้ายมาบ้านนี้นั้นเจ้าของบ้านเก่าเลี้ยงวิญญาณไว้พอย้ายบ้านไปแล้วไม่เอามันไปด้วยทิ้งให้มันอยู่ที่นี่พอยายคนนี้ย้ายเข้ามาอยู่แล้วดันไปสร้างห้องน้ำทับที่ๆมันอยู่ มันบอกว่ามาฉี่ขี้รดมันทุกวันมันเหม็นมันเลยมาแกล้งยายคนนี้



ปู่ของผมเลยถามมันว่าเขาไม่รู้อย่าไปแกล้งเขาเลย แล้วมันก้อบอกว่าถ้างั้นมึงไปหาเลือดลิงมาให้กูกินแล้วกูจะเลิกแกล้งซึ่งเสียงที่พูดผ่านแฟนยายแกออกมาเป็นเสียงผู้ชายวัยฉกรรจ์ผมถึงกับขนลุกเลยแต่ผมก้อชินแล้วคับผมเห็นมาเยอะแล้วคับแต่ปัจจุบันปู่ของผมได้เสียไปแล้วคับการเลี้ยงวิญญาณแล้วแต่คนเลี้ยงจะให้มันกินไรอย่างกรณีของยายคนนี้เจ้าของมันให้มันกินเลือดลิงปีละครั้งส่วนของปู่ผมให้พวกมันกินเลือดไก่



กระดูกไก่บ้างเดือนละครั้งคับส่วนแฟนป้าผมที่เล่าให้ฟังในเรื่องแรกนั้นให้มันกินเลือดไก่เหมือนกันแต่ปีละครั้งการเลี้ยงวิญญาณนั้นถ้าเลี้ยงมันดีมันก้อจะช่วยดูแลบ้านแลลูกหลานให้เราไว้ผมจะเล่าให้ฟังในเรื่องที่3นะคับ แต่ถ้าเลี้ยงมันไม่ดีมันจะเข้าตัวถึงกับเป็นบ้าได้เลย อย่างปู่ผมเลี้ยงไว้เยอะเหมือนกันไว้ช่วยดูแลพวกผมบ้าง เฝ้าสวนบ้าง ซึ่งสมัยก่อนนั้นชาวอิสลามที่มีวิชานิยมเลี้ยงวิญญาณหรือเรียกอีกอย่างว่าญิน



ปล. การเลี้ยงวิญญาณต้องมีวิชาจิงๆนะคับไม่ใช่อยากเลี้ยงก้อเลี้ยงได้มันน่ากลัวกว่าที่คิดนะคับ

เลี้ยงวิญญาณ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ3ปีที่แล้ว เรื่องมีอยู่ว่าผมเป็นคนนับถือศาสนาอิสลาม แล้วแฟนของป้าผมเขาเป็นคนที่เลี้ยงพวกวิญญาณ ซึ่งวิญญาณเหล่านี้ต่างไม่ค่อยชอบป้าผมเพราะป้าผมชอบไปว่า เวลาที่พวกมันเสียงดังตอนกลางคืน



พอป้าผมกลับมาที่บ้านผมมันก็ตามมา พอมันมามันก็มาแกล้งผมตอนกลางคืน พอคืนที่3ผมทนไม่ไหวแล้วผมบอกกับปู่ของผมึ่งมีวิชาด้านนี้อยู่บ้าง ปู่ของผมเริ่มทำพิธีเรียกผีให้มาเข้าป้าผม แล้วปู่ก็ถามว่ามึงมาแกล้งหลานกูทำไม มันก็ตอบว่ากูไม่ชอบป้ามัน แล้วมึงแกล้งหลานกูอย่งไง มันทำท่าให้ดูเอามือกดมือ เอาเข่ากดเข่า แล้วก้มมาหัวเราะข้างหูของผม เท่านั้นแหละคับผมน้ำตาแตกเลยทั้งที่อายุก็ 18แล้ว แล้วปู่ผมถามว่าเมิงมาเมิงอยู่ไหน กูอยู่บนต้นมะม่วงข้างๆบ้าน ปู่ถามอีกว่าเมิงจะไปไหม มันบอกว่าไม่ไป ปู่ผมก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาแล้วท่องคาถาแล้วสับไปที่แขนของป้าผมเท่านั้นแหละคับเสียงอันโหยหวนก็ร้องลั่นบ้านผมเลยแล้วมันก็ออกไปจากป้าผม .ปล.การเลี้ยงวิญญาณต้องมีวิชาจิงๆถึงจะคุมมันอยู่ได้นะคับ



วันหลังผมมีเรื่องเกี่ยวกับวิญญาณอีกเยอะไว้จะเล่าให้ฟังอีก

ใครมากราบพระ

เรื่องที่2นะครับพี่ๆทีมงานคือเรื่องมีอยู่ว่าแฟนผมเค้าเป็นคนชะตาขาดเห็นเค้าบอกผมอย่างนี้คือเค้าจมน้ำตายมาครั้งหนึ่งแล้วแต่ตายไปแค่5นาทีแล้วก็ฟื้นแม่เค้าจึงได้ไปดูหมอที่วัดพระท่านก็บอกให้ไปต่อชะตาโดยนอนอยู่กลางศาลาเปรียญเก่าๆในวัดแล้วคลุมด้วยผ้าคลุมศพกี่วันไม่รุนะเท่าที่แฟนผมเล่าให้ฟัง



คือทุกคืนที่เธอนอนแล้วคลุมโปงเหมือนศพพอดึกๆหลังเที่ยงคืนจะมีหมาหอนแล้วแฟนผมเค้าไม่ค่อยกลัวอยู่แล้วจึงได้แอบแง้มผ้าออกมาดูก็เห็นว่ามีผูชายวัยกลางคนนุ่งชุดขาวมานั่งกราบพระเวลาหลังเที่ยงคืนที่สำคัญหน้าตาไม่ได้หน้ากลัวเลยแต่เป็นใครก็คงรู้ว่าจะมีใครมาไหว้พระตอนนี้รุ่งเช้าเธอจึงเอาเรื่องไปถามพระท่านแล้วบอกรูปร่างหน้าตาให้พระท่านฟังพระท่านเลยชี้ให้ดูรูปคนๆนี้รึป่าวแฟนผมก็บอกว่าใชพระท่านก็เลยบอกไปว่าลุงคนนี้แกเป็นคนสร้างศาลาก่อนที่จะเสียชีวิตนั่นแหละแฟนผมคงเจอดีเข้าไปแล้ว**

เจอของดีเข้าให้

หวัดดีทุกคนนะครับผมเป็นสมาชิกใหม่นะครับเรื่องก็มีอยู่ว่าแฟนผมเค้าเรียนมหาลัยในกทม.นะเรียนเกี่ยวกับท่องเที่ยวหรือโรงแรมอะไรซักอย่างนี่แหละทุกๆปีเค้าจะจัดทำทัวในคณะหรือในห้องปีละครั้งซึ่งปีนี้ได้ไปที่จ.สุโขทัยแล้วก็ได้ไปพักที่โรงแรงหนึ่งซึ่งผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าโรงแรมไหนวันแรกที่เข้าพักโรงแรมทุกคนจะสังเกตุเห็นศาลเจ้าที่หรืออะไรซักอย่างหนึ่งอยู่หน้าห้องในโรงแรมก็คือทุกคนที่เห็นจะไม่พักที่



ห้องนั้นซักคนเลยเหลือแฟนผมเนี่ยแหละมันบอกมันไม่เห็นเลยตั้งแต่ที่เข้ามามันเลยพักที่ห้องนั้นคืนนั้นพอทำธุระส่วนตัวเสร็จก็จะไปรวมกันที่ห้องใดห้องหนึ่งเพื่อประชุมแล้วก็เล่นไพ่กินเหล้าตามประสานะครับแล้วก็แยกย้ายกันกลับพอดีแฟนผมก็กลับเมื่อมาถึงหน้าห้องกำลังจะเปิดประตูก็รุสึกว่าเย็นๆบริเวณต้นคอคือรุ้เลยว่ามีอะไรอยู่ด้านหลังคือลืมบอกไปว่าแฟนผมเค้าเจอผีบ่อยมากเจอจนชินแบบว่าเจอก็รู้สึกกลัวเท่านั้นไม่ถึงกับกรี้ดสลบ



พอแฟนผมรู้สึกเย็นๆที่ต้นคอเธอก็ได้เหลียวไปมองเต็มๆครับพี่น้องผู้หญิงชุดขาวหน้าซีดดวงตาลึกโบ๋ยืนอยู่ที่ด้านหลังแล้วแสยะยิ้มให้เธอแฟนผมก็เลยตั้งสติรีบเปิดประตูห้องแล้วไปเอาเงินเพื่อที่จะไปเล่นไพ่ฆ่าเวลาพอเปิดประตูออกมาแล้วปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นหายไปแล้วเธอจึงรีบกลับไปหาเพื่อนพอดีเพื่อนอีกคนนึงจะมาเอาที่ชาร์ตแบตในห้องแฟนผมๆก็เลยเอากุญแจห้องให้พร้อมกับกำชับเพื่อนว่า เดี๋ยวมึงเจอดีแน่ มันก็ไม่ได้คิดอะไรสักพักนึงก็เห็นเพื่อนวิ่งแล้วร้องให้ตัวสั่นกับมาจึงถามกันว่าเป็นอะไรเพื่อนคนนั้นบอกว่าเจอผี



ผู้หญิงลอยมาทางหน้าต่างชุดขาวผมยาวซึ่งก็ตรงกับที่แฟนผมเจอทุกคนจึงนั่งสั่นไม่กล้าที่จะไปนอนจึงตัดสินใจว่าจะเล่นไพ่จนเช้าแล้วมีเพื่อนอีกคนหนึ่งอยากลองของไม่กลัวเลยบอกว่าจะไปนอนดูว่ามันมีอะไรแล้วเพื่อนคนนั้นก็ไปนอนพร้อมกับโทมาบอกเป็นพักๆว่าไม่เห็นมีอะไรสักพักหนึ่งสงสัยผู้หญิงคนนั้นคงจะหลับไปแล้วกลุ่มเพื่อนที่นั่งกลัวกันอยู่จึงได้ตัดสินใจที่จะพากันไปดูว่ายัยคนนั้นนอนจิงรึป่าวแล้วก็พากันไป ***ทุกคนคิดมั้ยว่าสิ่งที่เพื่อนๆกลุ่มนั้นเดินไปเจออะไรภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือเพื่อนคนที่อยากลองของนั่งพับเพียบอยู่ข้างหน้าศาลสองมือพนมหลับตาคล้ายๆเหมือนคนละเมอบ่นในลำคอพึมพำๆพวงมาลัยที่แห้งเหี่ยวแล้วยังห้อยอยู่ในมืออยู่เลย *



*ทุกคนจึงรวบรวมสติแล้วเข้าไปปลุกเพื่อนคนนั้นมันก็เล่าให้ฟังว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งมาเข้าฝันบอกว่าอยากลองดีกับกูเหรอแล้วสั่งให้ไปขอคมาที่ศาลหน้าห้องเดี๋ยวนี้เท่านั้นแหละคืนนั้นไม่มีใครได้นอนเลยซักคนอาจจะยาวและเรียบเรียงคำพูดไม่ค่อยรู้เรื่องแต่ว่าเรื่องที่ผมเล่ามาคือเรื่องจิงไม่ได้แต่งอะไรทั้งนั้นคือฟังมาจากแฟนฟังไปก็ขนลุกไปเพราะผมเป็นคนขี้กลัวมากครับ

ผีซ้อนท้ายมอร์ไซ

จำได้ว่าช่วงนั้นผมลงเรียนซัมเมอร์ครับ มีอยู่วันหนึ่งที่ผมต้องอยู่เครียงานส่งอาจารย์ให้ทันเสร็จวันพรุ่งนี้



ผมก็เลยอยู่ทำงานต่อที่โรงเรียนจนค่ำครับ จำได้ว่าคืนนั้นเป็นวันพระ และอีกอย่างโรงเรียนที่ผมเรียนก็เป็นพื้นที่ป่าช้าเก่าครับ แต่ว่าก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดกับผมนั้นมันไม่ได้เกิดขึ้นที่โรงเรียน แต่มันเกิดขึ้นที่ทางเข้าหมู่บ้านผม ผมเองเป็นเด็กต่างจังหวัดครับ แถวบ้านยังกันดารมากเลย ถนนหนทางยังเป็นลูกรังอยู่ สองข้างทางก็มีแต่ป่าครับ วันนั้นผมทำรายเสร็จก็ป่าเข้าไปสัก 2 ทุ่มเห็นจะได้



ผมขับรถออกมาจากโรงเรียนมุ่งตรงกลับหมู่บ้านครับ เพราะเริ่มรู้สึกหิวมาก ๆ และก็กลัวพ่อกับแม่จะเป็นห่วง จำได้ว่าวันนั้นอากาศร้อนอบอ้าวมากเลย เพราะเป็นช่วงหน้าร้อน ตอนนั้นผมขับมอไซอีกประมาณ 5 กิโลก็จะถึงหมู่บ้านแล้วครับ แต่ก่อนจะเข้าหมู่บ้านผมจะต้องขับมอไซผ่านสะพานข้ามคลองเสียก่อน จำได้ว่าตอนนั้นขับรถไปใกล้จะถึงสะพานแล้วหล่ะครับ อยู่ ๆ บรรยากาศรอบตัวก็เงียบวังเวงเอาดื้อ ๆ เลยครับ ตอนนั้นผมรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ ยังไงบอกไม่ถูกเลย อยู่ดีขนทั่วตัวก็พร้อมใจกันลุกเลยครับพอผมขับมอไซถึงสะพาน สักพักผมรู้สึกได้เลยว่ารถมีอาการเสียการทรงตัวเล็กน้อยเหมือนมีใครกระโดดขึ้นมานั่งซ้อนท้าย ตอนนั้นผมเองก็เริ่มกลัว ๆ แล้วหล่ะครับ สักพักผมรู้สึกเหมือนกับมีมือเย็น ๆ



มาจับที่หัวใหล่ทั้งสองข้างครับ ตอนนั้นยอมรับว่ากลัวมาก ๆ อยากตะโกนดัง ๆ เลยแต่ทำไม่ได้ครับ ผมพยายามคุมสติสุดชีวิตเพราะขับมอไซอยู่ ตอนนั้นไม่อยากหันหลังไปดูเลยครับว่าอะไร หรือแม้แต่จะมองกระจกส่องหลัง สักพักมือนั้นค่อย ๆ เลื่อนลงมาจับที่เอวผมครับ พระเจ้าตอนนั้นอยากร้องให้มากเลย แต่ผมเองก็อดใจไม่ไหวเหมือนกันครับเลยมองส่องกระจกหลังดู ให้ตายเหอะ ผมเห็นไอ้คนซ้อนท้ายผมอยู่ไม่มีหัวเลยครับ แถวตัวยังดำเหมือนกับโดนไฟเผามาทั้งตัวเลยครับ ตอนนั้นตกใจมากเลยครับ พยายามคุมสติสุดชีวิตขับรถกลับบ้าน แต่เหลือระยะทางอีก 1 กิโลครับ



แต่ตอนนั้นรู้สึกเหมือนเป็นสิบกิโลเลยครับ เพราะอยากให้ถึงบ้านไว ๆ สักพักพอขับรถมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน อาการต่าง ๆ ก็หายไปหมดเลยครับ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แม้แต่ไอ้คนซ้อนท้ายเองก็หายไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้เหมือนกันครับ เหตุการณ์วันนั้นผมยังจำได้ดีจนถึงวันนี้เลยครับ นึกทีไรยังขนลุกทุกทีเลย บรื๋อส์.....

บ้านมอญ

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างที่ฉัน กำลังเรียนอยู่มัทธยมจะเล่าให้ฟังก่อนว่าบ้านทวดของฉัน เป็นบ้านของชาวมอญในบ้านจะมีหีบที่เรียกว่าหีบผีมอญ อยู่ในห้องของทวด มีอยู๋คืนนึงในบ้าน เป็นวันที่ญาติพี่น้อง มานอนกันที่บ้านของทวด เนื่องจากนัดกันมาทำบุญเลยถือโอกาส นอนที่บ้านนั้น รวมทั้งฉัน บ้านเป็นลักษณะ 2 ชั้น ชั้นสองเป็นห้องของทวดและห้องพระ และมีห้องว่างอยู่ไว้ให้แขกนอนแต่ญาติพี่น้องมาเยอะเกินที่จะนอนในห้องพอ ยายเลยให้ลูกหลานนอนที่กลางบ้าน ชั้น2 มีน้องนอนติดกับประตูห้องทวดเรานอนกัน 6คนได้



ที่กลางบ้าน หน้าห้องทวดจะมีรูปของตระกูลรุ่นก่อนๆที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว นะคะ ประมาณ 10 รูปได้ตั้งแต่รุ่นพ่อแม่ของทวดนั่นเองระหว่างที่นอนกันนั้น ดิฉันรู้สึกร้อน อบอ้าว ทำให้นอนหลับไม่สนิทและแล้วเรื่องราวก็ทำให้ฉันเจอกับเหตุการณ์ประหลาด ช่วงที่นอนอยู่ ดิฉันรู้สึกเหมือนมีคนมากระซิบที่ข้างหูว่า ให้ตื่นได้แล้ว อยู่นาน จนดิฉันหลับไม่ลง หันซ้าย ขวา ก็เห็น พี่ๆ น้องๆ เค้า หลับกันโดย ปลุกก้อปลุกไม่ตื่นเลย ดิฉันเรื่มเหงื่อยแตก ใจก็กลัวว่าที่ได้ยินมันไม่ใช่เสียงของคน เพราะ ถึงขนาดกระซิบที่ข้างหูทำเอากลั้นน้ำตาไม่ได้ ในใจกลัวมากคะ ดิฉันพยายาม หลับตา ในช่วงที่หลับตาก็มีน้ำตกลงมาจาก ขื่อบ้าน ดิฉันนอนกลางขื่อ บ้านค่ะ ตกลงมา2-3หยด ดิฉันลืมตามองขึ้นไปดูพบว่ามีผู้ชายคนนึงนั่งอยู่บนขื่อนั้น มองฉัน



โดยมองต่ำลงมา ทำเอาดิฉันกลั้นน้ำตาไม่ได้แล้วทีนี้ ดิฉันก็ร้องลั่นบ้าน กริ๊ด สติแตก กลัวมาก จนที่บ้านตื่นกันหมด เวลาตอนนั้นเป็นเวลา ประมาณตี4 ครึ่ง เท่าที่แม่บอกนะคะ พอตื่น เค้าก็มาปลอบ พูดให้เราคิดว่าเป็นแค่ความฝันไป แต่ก็ต้อง ตกใจอีกที เพราะลุงดิฉันที่นอนอยู่ข้างล่าง ที่นอนเฝ้าข้างล่างคนเดียวแกมีอาการเป็นไข้ขึ้นสูงและชัก ที่บ้านรีบพาส่งร.พ ด่วน วันนั้นไม่มีใครนอนอีกเลยยันเช้า พอเรื่องผ่านไปสัก อาทิตย์ แม่ ก็พาไปทำบุญ และ พามาหาทวดที่บ้านทวดอีก ดิฉันนั่งเล่นกะน้อง ที่ชั้น 2 ที่เคยเจอ ดิฉันก้อได้พบว่าผู้ชายที่ดิฉันเห็นในคืนนั้น



เป็นคนในรูป ตระกูลที่แขวนไว้หน้าห้องทวด ฉันเรียกแม่ มาให้แม่ดูแม่บอกว่า คนในรูปนี้เป็นพ่อของลูง ที่ไม่สบายวันนั้น สงสัยแกมาเรียกให้ใครสักคนตื่นเพื่อไปดูลูก(ลุง)ของแก นั่นเอง เหตุการณ์ในวันนั้น ทำให้ฉันเจอ เรื่องประหลาดๆ เสมอๆ จน ถึงวันนี้ดิฉันจะโตแล้วแต่ก้อไม่สามารถลืม เหตุการณ์นี้ได้เลยค่ะ

พิสูจบ้านผีสิงพระราม9

สวัสดีชาวเดอะช๊อคเเละทีมงาน ผมไปที่พิสูจผีที่พระราม9ที่พี่ป๋องเเละทีมงานเคยไปเดินสายมา



ผมก็ได้ไปกะผี3คนไปวันเเรกของอุปกรณ์ไม่ค่อยพร้อมเท่าไรเราเเค่ขับรถเข้าไป ผมมองไปที่ทางเข้าของ มันจะเป็นต้นไม้ปกคุ้มบ้านรกมาก ผมกับพี่2คนเจอผู้หญิงเสื้อขาวผมยาวอาขาห้อยลงมาจากต้นไม้มองผมกับพี่2คนเเต่พี่คนที่ขับรถไม่เห็น ผู้หญิงคนนั้นมองมาพยายามบอกอะไรสักอย่างกับพวกเราเเต่พอรถเกิดเสียหลักเกลือบชนต้นไม้พุ่งเข้าไปในดงหญ้า เเละวันที2ผมถ่ายผมเอาไฟฉ่ายเเละอุปกรณ์ไปพร้อม



ผมเเค่เดินเข้าตรงบริเวณหน้าบ้าน ผมรู้สึกมีอะไรมาดันผมเหมือนให้ผมกับพี่ไปๆ เเต่เรา3คนก็เข้ากันไปไม่ได้ ก็เพราะว่าหน้าบ้านจะรกมากเราเลยเข้าาไปไม่สะดวก เเล้วเราก็สตาทรถกับบ้านผมพั้นเเลตรงมุมบ้าน เขาก็ชี้หน้า ตอนนั้นผมตกใจมากพูดอะไรไม่ออก ผมเลยหันหน้าไปทางอื่น เเล้วหลังจากนั้นเราไม่ได้ไปอีกเลย

ตามมาทวงสัญญา

เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับดิฉันเมื่อประมาณแปดปีก่อน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน



เด็กๆไม่ควรทำตามเป็นอย่างยิ่งเรื่องมีอยู่ว่าตอนนั้นดิฉันยังเป็นเด็กนักศึกษามหาลัยเอกชนชื่อดัง ในจังหวัด สมุทรปราการ และได้มีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนหนึ่ง จนกระทั่งเกิดตั้งท้องขึ้นมา ดิฉันไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี จึงได้ให้คำตอบกับตัวเองว่า ดิฉันจึงได้ดัดสินใจ "ทำแท้ง" และหลังจากนั้นดิฉันได้ตั้งคำปฎิญาณและสัญญาไว้กับตัวเองในใจว่า "จะไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้" แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ทำบุญให้สักทีเนื่องจาก มัวแต่ไปเที่ยวเตร็ดเตร่ ตามประสาวัยรุ่นทั่วไป จนลืมไปเลยว่าเคยสัญญาอะไรไว้ หลังจากนั้นเอง ดิฉันได้ไปเที่ยวกลางคืนตามปกติกับแฟนหนุ่มและเพื่อนๆโดยขากลับ จากไปส่งเพื่อนที่หอพักมหาลัยเอกชนชื่อดังย่านบางกะปิ แถว มหาลัยรามคำแหง ระหว่างทางที่จะเข้าไปในซอยนั้น



ดิฉันเห็น เงาข้างทาง อยู่ฝั่งซ้ายมือ ทางด้านที่ดิฉันนั่งอยู่ลักษณะหัวโตๆใหญ่ๆ มีรูลักษณะเหมือนปากเล็ก(เหมือนคนทำปากจู๋)แต่ตัวไม่ใหญ่มาก ขนาดสูงประมาณคนทั่วไป (ร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรน่าจะได้) ยื่นมือมาทางถนนฝั่งที่ดิฉันนั่งพอดี จากนั้นดิฉันก็ตกใจ หันถามเพื่อนที่นั่งข้างหลังว่า เห็นอะไรไหม เพื่อนดิฉันอีกสามคนที่นั่งข้างหลังบอกว่า ไม่เห็นมีอะไรนี่ ดิฉันจึงนั่งรถต่อไปตามปกติ ใจก็คิดว่ามันต้องเป็นอะไรสักอย่าง ขณะที่แฟนกำลังจะจอดรถ ดิฉันเห็นเงา ขาวๆ อยู่ใกล้ๆกำแพงที่จอดรถติดกับรั้วมหาลัย เพื่อนจึงบอกว่า เป็นเงาของรูปปั้นที่อยู่ใน มหาลัยหรือเปล่า



ดิฉันก็ไม่เอะใจคิดว่า เราคงจะคิดมากไปเอง จึงไม่ได้คิดมากขณะขึ้นไปข้างบนหอพักของเพื่อนดิฉันก้อเล่าให้เพื่อนฟังว่าดิฉันเห็นอะไร เพื่อนก้อบอกว่าดิฉันเมา สงสัยกินมากไปหน่อยแต่ดิฉันบอกว่า ไม่มีทางไม่ได้เมานะและยังย้ำบอกแฟนให้ขับรถกลับมาทางเดิมที่เราเข้าซอยมา จกนั้นแฟนก็ได้ตอบตกลงเพื่อพิสูจน์ว่า ดิฉันจะตาฝาดเห็นต้นไม้ข้างทางเป็นอย่างอื่นหรือไม่ ขากลับเข้าซอยใจก็เต้น อยากรู้ก็อยากรู้ว่าที่เห็นมันคืออะไรจึงได้บอกแฟนให้ขับรถช้าๆ เมื่อเข้าไปถึงซอย ปรากฏว่า ไม่มีแม้แต่ต้นไม้สักต้นที่ยื่นกิ่งก้านเข้ามาทางถนน หรือแม้แต่ต้นไม้ข้างทางสักต้นก็ไม่มี มีแต่ริมฟุตบาทและขอบถนน ตามปกติ จากนั้นดิฉันเริ่มใจสั่นบอกแฟนว่าอยากกลับมานอนบ้านแฟนแล้วเราจึงขับรถกลับกันมา ซึ่งบ้านอยู่ติดถนน ศรีนครินทร์



ก่อนถึงซีคอนสแควร์ จากนั้น ดิฉันก้อเข้าห้องนอนซึ่งอยู่ชั้นสอง มีหน้าต่าง ระเบียง สามารถมองเห็นวิวริมถนนได้ จากนั้นแฟนของดิฉันได้ลุกไปเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาหลังจากขับรถกลับมา ดิฉันได้ยินเสียงหวิดร้อง วี๊ดๆๆๆๆๆ ก้องอยู่ในหูเป็นเสียงเล็ก แหลม มากๆ ตอนนั้นดิฉันกลัวมากรีบเปิดประตูห้อง บอกแฟนที่กำลังล้างหน้าอยู่ว่าได้ยินไหม ทีนี้แฟนบอกว่าไม่ได้ยินอะไรเลยแต่ดิฉันยังคงได้ยินอยู่ในหัวดังมาก ซึ่งดิฉันไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อนแล้วจึงได้รู้สึกว่าเสียงที่คนเค้าบอกว่าเสียงหวีดร้องของเปรตมันเป็นยังไง ที่นี้ดิฉันก้อบอกแฟนว่าอยู่ไม่ได้แล้วอยากกลับไปนอนบ้านที่อยู่บางนาแต่ดิฉันไม่มีกุญแจบ้านจึงบอกแฟนให้ขับรถไปหาพี่ชายที่บ้านเพื่อนพี่ชายที่อยู่แถว อุดมสุข เปิดเป็นร้านอินเตอร์เน็ต ที่นี้พอขับไปถึงดิฉันเห็นพี่ชายนั่งอยู่บนรถเพื่อนดิฉันก้อกวักมือเรียกพี่ชาย เนื่องจากเห็นว่า เพื่อนพี่ชายนั่งอยู่เบาะหลังของรถใส่เสื้อสีขาวดิฉันจึงเห็นชัดว่ามีคนนั่งอยู่แน่ๆ



เลยไม่อยากจะพูดให้เค้ากลัวจึงได้แต่กวักมือเรียกบอกให้พี่ชายออกมาจากรถ จากนั้นพี่ชายก็ งง งง ว่ากวักมือเรียกทำไมมีไรก็พูดมาเฮียอยู่คนเดียว เราก็บอกว่า"เฮ๊ย แล้วที่นั่งหลังเฮียอ่ะใคร เฮียเลยบอกว่าไม่มี เฮียนั่งเล่นในรถคนเดียว " ดิฉันจึงเดินเข้าไปใกล้ๆรถ เห็นว่ามีพี่ชายคนเดียวจริงๆด้วยแล้วที่ดิฉันเห็นใส่เสื้อขาวอ่ะใคร อีกอย่างรถเป็นรถสองประตู ไม่มีทางที่จะออกไปทางประตูหลังแน่ ดิฉันตกใจมาก หลังจากที่เช็คแล้วก็คุยกับพี่ชายและเพื่อนพี่ชายว่าคืนนี้ได้เห็นทั้งคืนเลย จึงคิดในใจว่าอาจจะเป็นเรื่องที่เราไปทำไม่ดีเอาไว้หรือเปล่าจึงกลับบ้านพร้อมพี่ชาย เมื่อกลับเข้ามาบ้านแล้วดิฉันรู้สึกอุ่นใจ ยังไงก็ไม่รู้บอกไม่ถูก รู้สึกว่าปลอดภัยอย่างประหลาด จากนั้นวันรุ่งขึ้นดิฉัน ได้ตื่นมาใสบาตรตอนเช้า เล่าให้พระฟังว่ามันเกิดอะไรขึ้น พระท่านบอกว่า การที่จะเห็นเปรตได้ เปรตนั้นต้องเป็นญาติพี่น้องเรา หรือเจ้ากรรมนายเวรของเรา หรือคนที่เคยผูกผันกับเรา เท่านั้น จึงจะสามารถเห็นได้



ดิฉันจึงคิดได้ว่าต้องเป็นเพราะสิ่งที่ดิฉันได้ทำไปตอนนั้นแน่ๆ ดิฉันจึงได้บุญ กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้เค้า ขอให้เค้าไปอย่างสงบใจก็นึกอยู่อย่างเดียวว่าดิฉันไม่ได้ตั้งใจให้มันเป็นแบบนี้แต่เพราะว่าตอนนี้ยังไม่พร้อมจึงต้องจำใจทำลงไป และหลังจากนั้นดิฉันก็ไม่เคยเจอ อะไรแบบนี้อีกเลยคุณ Mauy1981

เรื่องที่ผมไปพิสูจน์ที่คลินิก

เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาผมกับเพื่อนๆอีก 7 คนได้ไปทำการพิสูจน์ที่คลินิกแห่งนึงตอนแรกที่ผมไปเห็นมันดูน่ากลัวมากผมแล้วเพื่อนๆก็ได้จุดธูปขออนุญาติก่อนที่จะเข้าไปในคลินิกแห่งนี้หลังจากนั้นผมแระเพื่อนๆทั้ง 5 คน(อีก 2 คนไม่กล้าเข้า )



ก็ได้เข้าไปในสำรวจกัน พอเข้าไปทีแรกก็ไม่มีอะไรแต่พอขึ้นไปชั้น 2 ผมก็รู้สึกเหมือนมีคนมองผมก็รู้สึกกลัวมากผมก็เลยให้เพื่อนๆลงไปชั้นแรกแล้วเดินออกมาก่อนพอหลังจากนั้นมีเพื่อนผมคนนึงชื่อ เอก(นามสมมุติ) เค้าก็ไม่เข้าไปอีกทีนี้ก็เหลือ 4 คน (ผมขอท้าวความก่อนว่าข้าวหน้าคลินิกนี้มีร้านขายอาหารตามสั่งอยู่) แล้วทีนี้พี่คนที่ขายข้าวอยู่ร้านอาหารตามสั่งก็พาผมขึ้นไปในระหว่างที่อยู่ชั้น 3เพื่อน( ญ )



ผมคนนึงได้สะกิดผมแล้วผมก็ถามเค้าว่าไหวมั๊ยเค้าบอกว่าไหวแล้วเราก็เดินไปกันต่อจนถึงครบ 5 ชั้นแล้วผมกะเพื่อนๆก็ได้ออกมาข้างนอกกันผมได้มาถามเพื่อน( ญ )ว่าเห็นอะไรเค้าก็บอกว่าตอนที่อยู่ชั้น 3 อ่ะเหมือนมีอะไรดลใจให้เค้าหันหลังกลับไปมองตรงบันไดแล้วเค้าก็เห็นเงาคนอยู่ตรงบันไดแล้วหลังจากนั้นพวกผมก็นั่งเล่นกันข้างหน้าคลินิกแห่งนั้นแล้วพวกผมก็กลับมาถึงบ้านพอถึงรุ่งเช้าผมถามเพื่อนที่ชื่อ เอก (นามสมมุติ)



ว่าเมื่อวานเจออะไรเพื่อนผมก็ตอบว่าตอนที่เข้าไปอ่ะเค้าเห็นผู้หญิงอยู่ตรงที่ชั้น 2แล้วอีกครั้งนึงอ่ะเค้ากำลังคุยโทรสับอยุ่แล้วเค้าก็เห็นเงาคนอ่ะวิ่งอยุ่บนชั้น 3เรื่องของผมมีเท่านี้แหละครับอาจจะไม่สนุกแต่โปรดใช้วิจารณญานในกานดูด้วยนะครับ....ขอบคุณครับ

นิ้วใคร?

เรื่องมีอยุ่ว่า ผมพึ่งย้ายมาอยุ่กับป้าพร้อมกับย้ายมาเรียนด้วย



อยุ่มาไก้ไม่นานอาจารย์ก้อสั่งการบ้านให้ประดิษฐ์สิ่งของจากสิ่งที่ทิ้งแล้ว ผมกับเพื่อนอีกคนเลยไปหาเก็บพวกกล่องผงซักฟอกมาทำเป็นที่ใส่สมุด ด้วยความที่ผมเปงเด็กใหม่เลยไปเหยียบกับสิ่งหนึ่งเข้า(มันเปนกาบของต้นกล้วยนำมาพับเป็นสามเหลี่ยมแล้วในนั้นก้อจะมีข้าวต้มมัด หมาก พลูและอารายอีกหลายอย่างผมก้อจำไม่ค่อยได้)ผมก้อถามเพื่อนว่ามันคืออะไร มันบอกว่าเปงเหมือนกันของเซนให้กับคนที่ตายไปแล้ว



เหมือนเค้าหิวจะได้มากินกัน และมันบอกว่ามันเคยเหยียบมาแล้ว ตกดึกมามันเห็นผู้หญิงใส่ชุดขาวมายืนที่ปลายเตียงมัน เมื่อผมฟังมันพูกความกลัวก็เกิดขึ้นกับผม ทั้ง ๆที่ผมเหยียบแค่นิดเดียวเอง ตกดึกมาผมก้ออาบน้ำ กินข้าวนอนตามปกติ โดยลืมเรื่องนั้นไป ประมาณเที่ยงคืนผมรุสึกตัว(ผมนอนกะพี่สาว โดยผมนอนติดหน้าต่าง) ผมพลิกตัวหันหน้าไปทางหน้าต่าง และตาผมก้อไปสะดุดกับรูที่อยุ่ใกล้หน้าต่างเห็นเป็นนิ้วก้อย เล็บนี้ยาวมาก



กำลังจะแหย่านิ้วเข้ามาแทงตาผม ร่างเค้าใสชุดสีดำ ผมยาว และที่ทำให้ผมกลัวมากก๊คือห้องที่ผมนอนอยุ่ชั้น 2 และคัยมันจะมายืนแหย่นิ้วได้ เท่านั้นแหละครับ ผมร้องตะโกนลั่นบ้านเลย จนทุกคนไม่ได้นอนกัน ต้องมานั่งเฝ้าผมตลอดคืนเลยครับเพื่อนว่าเปงงัยครับ ม่ายเจอเองม่ายรุหรอก

ถนนสยอง (คิดภาพก็น่ากลัวแล้ว)

สวัสดีพี่ๆน้องๆ ชาว The shock ทุกคนนะครับ



ผมอ่านเรื่องของคนอื่นมามาก วันนี้จะขอเล่าเรื่องของตัวเองมั่งครับเรื่องมีอยู่ว่า พี่ข้างบ้านผมเค้าชื่อว่า เต้ย ครับ เป็นคนที่เรียนเก่งมากๆครอบครัวเขาค่อนข้างมีฐานะพอเรียนปริญญาตรีจบ เขาก็ไปเรียนต่อที่ อเมริกา เป็นเวลา 2 ปี หลังจากกลับมา พอเพื่อนเค้ารู้ข่าวก็เลยโทรชวนให้ออกไปดื่มเหล้าด้วยกันพี่เค้าก็ออกจากบ้านเวลาประมาน 2 ทุ่มกว่าครับ ทางเข้าบ้านเพื่อนพี่ค้อนข้างเปลี่ยว



ไม่มีบ้านคนและเป็นทางลูกรัง สองข้างทางจะเป็นทุ่งนานะคับ เป็นถนนที่ตรงและยาวมากประมาณ 10 กิโลได้ ที่หน้าแปลกก็คือ ทั้งๆที่ถนนสายนี้ไม่มีทางโค้งหรือสามแยก สี่แยก แต่กลับมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และส่วนผุ้ที่ประสบอุบัติเหตุจะเสียชีวิตแบบเดียวกันคือ รถล้ม คอหัก หมุนได้รอบ เกือบทุกราย หลังจากที่พี่ เต้ย ดื่มเหล้าเสร็จก็อยู่ในอาการเมาได้ที่เลย จะขอตัวกลับบ้านก่อน ล่ำลากันเสร็จแล้ว



เวลาประมาณ ตี2เค้าก็ขี่รถมอเตอร์ไซคันโปรด กลับมาทางเดิมระหว่างทางที่ขี่มานั้นพี่เค้าสังเกตเห็นว่ามีคนกำลังเดินมาจากทุ่งนาและกำลังจะขึ้นมาบนถนนทำท่าเหมือนจะโบกให้พี่เค้าจอด พี่เค้าก็จอดครับ ปรากฎว่ามีผู้ชายคนหนึ่งเดินขึ้นมาจากข้างทางเนื้อตัวเลอะเทอะไปด้วยโคลนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แล้วลุงคนนั้นก็ถามพี่ว่า "ไอ้หนูเอ็งมีไฟแช็กรึป่าววะ ขอข้าจุดบุหรี่หน่อย" พี่ผมเค้าเห็นท่าไม่ค่อยดีเพราะเนื้อตัวมีแต่โคลนแต่จะดูดบุหรี่บุหรี่



เค้าเลยบิดรถหนีแต่สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ ลุงคนนั้นเค้าวิ่งตามครับพี่ผมก็บิดหนีใหญ่เลย พี่ผมมองกระจกหลัง เห็นว่าลุงคนนั้นเค้าวิ่งมาใกล้ตัวรถแล้วกระโดดจะคว้าตัว พี่เค้าเลยเบิ้ลเครื่องหนี ลุงคนนั้นพอจับไม่ได้เค้าก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งตามต่อและก็กระโดดคว้าอีกแต่พี่เค้าก็หนีได้อีกพออกมาถึงสามแยกพี่เค้าก็ขอนอนบ้านญาติที่มีบ้านอยู่แถวนั้นไม่กล้ากลับไปนอนบ้านแล้ว พอรุ่งเช้าพี่เค้าก็ขอตัวกลับบ้าน เดินออกมาที่รถที่จอดอยู่บนลานปูนหน้าบ้านก็พบว่ามีรอยเท้าเปื้อนโคลนเดินย่ำอยู่เต็มลานบ้านเลยครับ หลังจากลับไปที่บ้านแล้ว เค้าก็ถามแม่ แม่ก็บอกว่า เคยมีลุงคนนึง



เค้าเมาเหล้าแล้วไปเก็บเบ็ดที่ปักเอาไว้เกิดอยากสูบบุหรี่ขึ้นมา กำลังจะจุดไฟแช็กแต่ไฟแช็กตกน้ำเลยก้มลงไปมองแต่ตัวเองเมาแล้วหน้ามืดหัวทิ่มลงไปในนั้นแล้วจมน้ำตาย พี่เค้าก้เลยคิดเล่นๆว่าคนที่ขี่มอเตอร์ไซแล้วล้มคอหักตายนี่น่าจะมาจากการที่โดนลุงคนนั้นวิ่งตามแล้วกระโดดคว้าแบบที่เค้าเจอเมื่อคืนเป็นแน่ หลังจ่กวันนั้นผ่านไปประมาน 3 อาทิตย์ มีคนขับรถมอเตอร์ไซล้มคอหักตายพี่เค้าเลยไปดูกับชาวบ้านเค้าด้วย



พี่สังเกตเห็นว่า ที่บริเวณรอบแถของรถที่ล้มมีรอยเท้าเปื้อนโคลนเหมือนคนวิ่งตามรถ เป็นระยะทางไกลพอสมควร เค้าก็เลยรู้สาเหตุว่าทำไม คนคนนี้ถึงได้รถล้มแต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง หลังจากวันนั้นพี่เค้าก็กลับอเมริกา ผมก็ไม่ได้เจอเค้าอีกนานๆถึงจะกลับมาซะที ยังมีเรื่องเล่าอีกมากมายไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังกันใหม่นะคับ

วิญญาณข้างถนน

วิญญาณข้างถนน เรื่องนี้ส่งมาจาก : theboll0318
จำนวนคนเข้าชม : (730)
วันที่โพส : 2008-09-30 15:20:36





อันนี้เป็นเรื่องเล่าของปู่ผมเวลลาผมนอนไม่หลับปู่ผมก็จะแอบมาเป่าข้างหูของผม



แต่ผมกลับไปถามพ่อกลับแม่ ซึ่งมันเป็นเรื่องจริงๆเพราะปู่ผมไปเจอ ตอนนั้นแม่เล่าให้ฟัง พ่อผมและแม่กับปู่ไปเที่ยวที่ทะเลแห่งหนึ่งตอนนั้นผมยังแบเบาะขาไปก็สนุกพอขากลับทุกคนก็เหนื่อย พ่อเล่นน้ำมากเลยขับรถมะค่อยไหวจึงจอดข้างทาง แล้วฝั่งตรงข้างจะมีศาลอยู่ที่หนึ่งพ่อผมบอกกับปู่และแม่ว่าจะได้ให้ศาลดูแลรถเผื่อโดนจี้ สักพักพ่อและก็หลับไปแต่ปู่ของผมเป็นคนนอนดึกจึงยังไม่หลับ



ขณะนั้นก็มีคนร้องโอดโอยเหมือนจะเป็นจะตายอยู่ตรงถนนปู่ผมจึงลงไปดูแต่กลับไมเห็นอาไร พอสักพักก็มีอีกแต่เสียงเริ่มดังขึ้นเหมือนกับปู่ได้ยินคนเดียว ปลุกพ่อก็ไม่ตื่น ปู่ลงไปดูอีกครั้ง กลับเห็นผู้ชายนอนกลางถนนจะคลานไปข้างทางก็คลานไม่ได้ร้องโอดโอย แล้วผู้ชายคนนั้นก็ชี้มาหาแล้วขอความช่วยเหลือปู่กำลังไปช่วยแต่ขณะนั้นได้มีรถสิบล้อวิ่งมาทับขาดไปครึ่งตัวปู่ผมแทบช็อค โดนสิบล้อทับแต่ยังดิ้นอยู่แล้วร้องครวญคราญมาก



ปู่ผมจึงวิ่งขึ้นไปในรถแล้วทำเป็นหลับ ปู่ก็หลับเลยไม่ได้เล่าให้พ่อกับแม่ฟัง พอมาตี4 พ่อผมติ่นกำลังจะขับรถกลับบ้านแต่รถเหมือนติดอาไรอยู่จึงให้ปู่ลงไปดู เพราะแม่อุ้มผมอยู่เลยลงไปไม่ได้ ปู่จึงลงไปดูภาพที่ปู่เห็นคือ ผู้ชายคนเดิมนั้นขาดครึ่งตัวครั้นล้อรถไว้ทั้งสองข้างปู่ผมจึงตะโกนผีผีผีพ่อผมจึงลงมาดูแต่ที่ติดคือไม้ พ่อผมจึงว่าปู่ปู่ก็เถียงว่าเห็นจริงๆๆ พ่อผมก็ไม่เชื่อ ก่อนที่พ่อผมจะพูดคำว่าไหนออกมาสิ



ก็ได้เห็นคนคนเดิมนอนครานแต่ไปไม่ได้คนเดิมแล้วขอร้องให้ช่วย แต่คราวนี้ปู่ไม่เห็น พ่อจึงเข้าไปช่วยแต่ภาพที่ดห็นคือรถคันเดิมวิ่งมาทับขาดครึ่งตัว พอพ่อผมเห็นก็ขึ้นรถแล้วขับรถไปเลยพอประมาณ6โมงเช้าก็ได้ไปจอดกินข้าวร้าหนึ่งแล้วถามเขาว่าตรงทางแห่งหนึ่งเคยมีคนตายไหม คนคนนั้นก็เล่าให้ฟังว่าเคยมีนักขับรถคนหนึ่ง ง่วงแล้วขับรถไปชนต้นไม้ตัวเลยกระเด็นออกมากลางถนนเขาจึงจะคลานไปข้างถนนแต่แขนขาเขาหักหมดแล้วจึงไปไม่ได้จึงถูกรถสิบล้อทับเอา เวลามีคนขับรถผ่านมาแถวนี้ก็จะเห็นได้เกือบทุกคน



เขาบอกคนนี้เขาตายแบบวนเวียนไปมาอยู่ในศาลแห่งนั้น เรื่องมีเท่าและครับขอบคุณที่เสียเวลามาอ่านะครับผม

เจ้าที่บ้าน....ใจดีค่ะ

เรื่องนี้ยาวหน่อยนะคะ ไหนๆ ก็วันนี้ว่างๆ เรื่องเกิดขึ้นที่บ้าน (บ้านใหม่ พึ่งสร้าง) สร้างเสร็จ



แม่กับเราก็ย้ายเข้าไปอยู่ ส่วนพ่อ ย่า พี่ชาย ยังอยู่ที่บ้านเก่ามีอยู่วันหนึ่ง แม่นอนกลางวันกำลังเคลิ้มๆ ก็มีคนมาปลุกบอกว่า "ประตูไม่ได้ล็อก" แม่ตื่น แล้วรีบล็อกประตู แล้วปันจักรยานไปร้านอาหารของเพื่อนที่ปากซอยเลย รอจนกว่าเราจะกลับจาก ร.ร. (ตอนนั้น ป.3)หลังจากนั้นไม่นาน แม่ก็ให้ อาจารย์มหาลัยเอกชนแห่งหนึ่งอยู่หลังรามเช่า แรกๆ ที่เขาย้ายเข้า เขาก็เอาเจ้าที่ย้ายไปเก็บในห้องเก็บของแต่แม่เราไม่รู้เรื่อง เพราะปกติไปเก็บ



เขาจะฝากเงินไว้ที่ร้านอาหารเพื่อนของแม่ จนเข้าเดือนที่ 4 แม่ต้องไปเก็บค่าเช่าบ้าน คราวนี้แม่เข้าไปในบ้าน แล้วแม่ก็เจอเจ้าที่อยู่ในห้องเก็บของ แม่ก็เลยนึกในใจว่า "จัดการเลยเจ้าที่ ทำไมทำแบบนี้" พออีกวันต่อมา คนเช่าเขาก็โทรมาหาแม่ บอกว่าไม่อยู่แล้ว จะย้ายออก พอย้ายออก ก็มีนักศึกษามหาลัยเดียวกันขอเช่าต่อ อยู่ 4 ปี ก็ไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจากนั้นก็ให้เพื่อนของเขาเช่าต่ออีก 2 ปี แล้วก็มีนักศึกษารามเช่าต่ออีก 4 ปี ก็ปกติดี จ



ากนั้นครอบครัวเราก็ย้ายเข้า ช่วงหนึ่งเพื่อนแม่เขาจัดงานบวชให้ลูกเขาที่โคราช ให้ไปขึ้นรถทัวร์ที่หน้าบ้านเขา (กรุงเทพ) เช้าก็ออกจากบ้านกันไปหมดแต่คงจะสายของเจ้าภาพ เขาก็โทรตาม (โทรเข้าบ้าน) มีคนรับโทรศัพท์ แล้วบอกว่า "ออกไปกันหมดแล้ว เดี๋ยวก็คงใกล้ถึงแล้วแหล่ะ" เป็นเสียงผู้ชายเขาก็คิดว่าเป็นพ่อเรา พอวางหูโทรศัพท์ รถเราก็จอดหน้าบ้านเขาพอดี เขาก็มาถามว่าใครรับโทรศัพท์



เราก็บอกว่าไม่รู้ ไม่มีใครอยู่บ้านนะ "งง" กันสิคะหลังจากนั้น ก็พยายามโทรเข้าบ้านช่วงเวลาที่ไม่อยู่กัน ดูว่าจะมีคนรับไหม แล้วก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ถ้าโทรผิด แล้วเขารู้ได้ไงว่า "ออกจากบ้านไปหมดแล้ว"เหตุการณ์ก็ปกติ อยู่จนเข้าปีที่ 4 ป้าเราก็มาอยู่ด้วย โดยอยู่ห้องข้างล่าง อยู่ได้ประมาณ 4-5 เดือน คืนหนึ่งเวลาประมาณตี 2 เขาก็ได้ยินเสียงคนเข้าห้องน้ำ เช้ามาเขาก็มาถามว่า "เมื่อคืนใครลงมาเข้าห้องน้ำอะ ไฟก็ไม่เปิด ได้ยินเสียงปิดประตู เสียงราดน้ำ" ก็มีแต่คนปฏิเสธ เพราะห้องน้ำข้างบนก็มี จะลงมาทำไมอยู่มาได้อีก ปีกว่าๆ ป้าเขาเป็นคนเข้าห้องน้ำแล้วไม่ราดน้ำที่พื้น



มันก็จะเป็นรอยเท้าย่ำเต็มไปหมด แม่เราก็บ่นในใจว่า "พื้นสกปรกจัง"ตกกลางคืนประมาณตี 4(เขาตื่นแล้ว เพราะเป็นคนต่างจังหวัด นอนเร็ว ตื่นเร็ว แต่ยังไม่ลุกจากที่นอนนะ) เขาก็เห็นมีเงาดำๆ รูปร่างท้วมๆ เปิดประตูห้องแล้วก็ยืนมอง เขาก็กลัว แต่ไม่รู้จะทำไง (แรกๆ ก็คิดว่าพ่อเรา ไม่ก็ พี่ชายเรา เพราะหุ่นเหมือนกัน) เช้ามาเขาก็ถามว่าใครมาเปิดประตูก็ไม่มีใครตอบ (แต่แม่เรารู้ว่าเป็น "เจ้าที่" เพราะแม่ไปดูมาหลายที่ บางคนเป็นเพื่อนแม่ แล้วมาเที่ยวบ้าน มีแต่คนบอกว่า เจ้าที่เป็นแขกผิวดำ นับถืออิสลาม ใจดี แต่ถ้าใครจะมานอนให้จุดธูปบอกท่าน)ป้าอยู่ได้ไม่นานก็กลับบ้านไป



จนเราเรียนมหาลัยปี 3 แถวกล้วยน้ำไท ช่วงนั้นพ่อกับแม่เราไปเที่ยวใต้ พี่ชายเราขึ้นเวร (ร.พ.) ก็เลยเอาเพื่อนเขามาอยู่ด้วย ญ 1 ช1 เรานอนในห้องกับพี่ผู้หญิง ส่วน พี่ผู้ชายนอนข้างล่าง เราให้พี่เขานอนเตียง แต่เขาไม่ยอม เราก็เลยนอนเตียง พี่เขานอนพื้น เช้าอีกวันเรามีเรียนที่วิทยาเขตรังสิต ก็ออกจากบ้านตั้งแต่ 5.30 น (อันนี้พี่ผู้หญิงมาเล่าให้แม่ฟัง) พอเราออกไป พี่เขาก็ยังนอนอยู่ เขาบอกว่ามีคนมาเปิดประตูห้อง แล้วก็เดินเข้ามายืนมองพี่เขาที่ปลายเท้า แล้วก็เดินมานั่งลงที่เตียง แล้วก็มองเขาอีก จากนั้นก็ล้มลงนอนที่เตียง พี่เขาก็คิดว่าเป็นพี่ผู้ชายขึ้นมา พอเช้าเขาก็ไปว่า "ขึ้นมาทำไม ห้องผู้หญิงนะ" แต่พี่ผู้ชายเขาบอกว่า "ไม่ได้ขึ้นไป" พอพ่อกับแม่กลับมา เขาก็เลยเล่าแต่แม่เราไม่พูด กลัวว่าเขาจะกลัว แล้วไม่กล้ามาอีกเรื่องก็ไม่เกิดขึ้นอีกเลย หลังจากเราเรียนจบ แล้วทำงาน มีอยู่วันหนึ่ง เรากลับถึงบ้าน กะว่าจะอาบน้ำ ก็เลยเข้าห้องเปิดแอร์ แล้วก็เปลี่ยนผ้า ปิดประตู แต่ไม่ได้ล็อก เดินออกมาเข้าห้องน้ำ



หลังจากเสร็จแล้วก็เดินจะเข้าห้อง กำ.........ห้องเปิดไม่ได้ ประตูลูกบิดล็อกจากในห้อง ใครล็อก? (เราไม่ได้ล็อกนะ)บิดๆๆๆ หมุนๆๆ อยู่นาน เปิดไม่ออกสักที เลยเดินไปหาแม่ที่ห้อง ถามหากุญแจ แล้วก็ถามพ่อกับแม่ว่า"พี่ชายเรากลับมาแล้วรึ แล้วเขาห้องเราล็อกประตูทำไม"พ่อบอกว่า"พี่เรายังไม่กลับ" เราก็บอกว่า"ประตูห้องล็อก" แล้วเราก็เดินไปบิดๆๆ ลูกบิดประตูอีก ก็เปิดไม่ออก นานพอสมควร พ่อเราก็เลยเดินบิดทีเดียว ประตูเปิดออกเลย เราก็ งง งง งง งง งง ดิคะ >>> ใครล็อกประตูห้อง? กลัวนะ หาสาเหตุไม่ได้ คิดแต่ว่าลูกบิดมันพัง จนประมาณเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เช้าวันนั้นประมาณ 6.00 น.



แม่เราทำกับข้าวอยู่ในครัว ก็หันซ้ายหันขวา หางตาก็เห็นใครบางคน รูปร่างท้วมๆ ใส่เสื้อสีขาว กำลังเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน แม่ก็คิดว่า"พ่อ" (แต่พ่อยังไม่ตื่น) "พี่ชาย"(วันนี้ใส่เสื้อสีแดง) แล้วใครหล่ะ??? พอแม่เล่าให้พ่อกับพี่ชายเราฟัง พี่ชายเรากลัวอยู่แล้วยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ จะขึ้นห้องก็ต้องรอแฟน จะลงข้างล่างตอนกลางคืนก็ไม่กล้าแต่มีอยู่เรื่องหนึ่ง หาข้อสรุปไม่ได้จริงๆ เกิดขึ้นมานานแล้ว คือ เสียงลูกแก้ว (บ้านเราเป็นทาวเฮาน์ กำแพงเดียวกันกับข้างบ้าน)ทุกวันจะมีเสียงลูกแก้วหล่นลงพื้น แล้วกระเด้ง (เป็นพักๆ เหมือนคนเล่น) แรกๆ เราคิดว่าข้างบ้าน (อยู่มาได้หลายปี พึ่งคิดจะถาม)



วันนั้นเดินเข้าไปเล่นกับลูกเขา ก็เลยถามว่าน้องเขาเล่นลูกแก้วรึคะ เขาก็บอกว่า"ป่าว..ไม่ได้เล่น" เขาก็นึกว่าบ้านเราเล่น แล้วเสียงมันมาจากไหน??เสียงมันจะเกิดเวลาประมาณ 16.00 น.ดังสักพัก 19.00 น.ดังสักพัก แล้วก็ 22.00 น. อีกสักพัก เป็นแบบนี้ทุกวัน แรกๆ ที่รู้ว่าไม่ใช่ข้างบ้านเล่นลูกแก้ว ก็กลัวนะ หลังๆ ชินแล้วอะเรื่องที่เล่ามาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงทุกประการค่ะ ปัจจุบันก็ยังอยู่บ้านหลังนี้ คิดในแง่ดีคือ เจ้าที่เขามาดูแลเรา ดูแลบ้านเราให้ปลอดภัย

ถนนสายสยอง(คิดภาพแล้วน่ากลัวโคด)

สวัสดีพี่ๆน้องๆ ชาว The shock ทุกคนนะครับ



ผมอ่านเรื่องของคนอื่นมามาก วันนี้จะขอเล่าเรื่องของตัวเองมั่งครับเรื่องมีอยู่ว่า พี่ข้างบ้านผมเค้าชื่อว่า เต้ย ครับ



เป็นคนที่เรียนเก่งมากๆครอบครัวเขาค่อนข้างมีฐานะพอเรียนปริญญาตรีจบ เขาก็ไปเรียนต่อที่ อเมริกา เป็นเวลา 2 ปี หลังจากกลับมา พอเพื่อนเค้ารู้ข่าวก็เลยโทรชวนให้ออกไปดื่มเหล้าด้วยกันพี่เค้าก็ออกจากบ้านเวลาประมาน 2 ทุ่มกว่าครับ ทางเข้าบ้านเพื่อนพี่ค้อนข้างเปลี่ยว ไม่มีบ้านคนและเป็นทางลูกรัง สองข้างทางจะเป็นทุ่งนานะคับ เป็นถนนที่ตรงและยาวมากประมาณ 10 กิโลได้ ที่หน้าแปลกก็คือ



ทั้งๆที่ถนนสายนี้ไม่มีทางโค้งหรือสามแยก สี่แยก แต่กลับมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และส่วนผุ้ที่ประสบอุบัติเหตุจะเสียชีวิตแบบเดียวกันคือ รถล้ม คอหัก หมุนได้รอบ เกือบทุกราย หลังจากที่พี่ เต้ย ดื่มเหล้าเสร็จก็อยู่ในอาการเมาได้ที่เลย จะขอตัวกลับบ้านก่อน ล่ำลากันเสร็จแล้ว เวลาประมาณ ตี2เค้าก็ขี่รถมอเตอร์ไซคันโปรด กลับมาทางเดิมระหว่างทางที่ขี่มานั้นพี่เค้าสังเกตเห็นว่ามีคนกำลังเดินมาจากทุ่งนาและกำลังจะขึ้นมาบนถนนทำท่าเหมือนจะโบกให้พี่เค้าจอด พี่เค้าก็จอดครับ ปรากฎว่ามีผู้ชายคนหนึ่งเดินขึ้นมาจากข้างทางเนื้อตัวเลอะเทอะไปด้วยโคลนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า



แล้วลุงคนนั้นก็ถามพี่ว่า "ไอ้หนูเอ็งมีไฟแช็กรึป่าววะ ขอข้าจุดบุหรี่หน่อย" พี่ผมเค้าเห็นท่าไม่ค่อยดีเพราะเนื้อตัวมีแต่โคลนแต่จะดูดบุหรี่บุหรี่ เค้าเลยบิดรถหนีแต่สิ่งไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อ ลุงคนนั้นเค้าวิ่งตามครับพี่ผมก็บิดหนีใหญ่เลย พี่ผมมองกระจกหลัง เห็นว่าลุงคนนั้นเค้าวิ่งมาใกล้ตัวรถแล้วกระโดดจะคว้าตัว พี่เค้าเลยเบิ้ลเครื่องหนี ลุงคนนั้นพอจับไม่ได้เค้าก็ลุกขึ้นแล้ววิ่งตามต่อและก็กระโดดคว้าอีกแต่พี่เค้าก็หนีได้อีกพออกมาถึงสามแยกพี่เค้าก็ขอนอนบ้านญาติที่มีบ้านอยู่แถวนั้นไม่กล้ากลับไปนอนบ้านแล้ว พอรุ่งเช้าพี่เค้าก็ขอตัวกลับบ้าน เดินออกมาที่รถที่จอดอยู่บนลานปูนหน้าบ้านก็พบว่ามีรอยเท้าเปื้อนโคลนเดินย่ำอยู่เต็มลานบ้านเลยครับ หลังจากลับไปที่บ้านแล้ว เค้าก็ถามแม่ แม่ก็บอกว่า เคยมีลุงคนนึง



เค้าเมาเหล้าแล้วไปเก็บเบ็ดที่ปักเอาไว้เกิดอยากสูบบุหรี่ขึ้นมา กำลังจะจุดไฟแช็กแต่ไฟแช็กตกน้ำเลยก้มลงไปมองแต่ตัวเองเมาแล้วหน้ามืดหัวทิ่มลงไปในนั้นแล้วจมน้ำตาย พี่เค้าก้เลยคิดเล่นๆว่าคนที่ขี่มอเตอร์ไซแล้วล้มคอหักตายนี่น่าจะมาจากการที่โดนลุงคนนั้นวิ่งตามแล้วกระโดดคว้าแบบที่เค้าเจอเมื่อคืนเป็นแน่ หลังจ่กวันนั้นผ่านไปประมาน 3 อาทิตย์ มีคนขับรถมอเตอร์ไซล้มคอหักตายพี่เค้าเลยไปดูกับชาวบ้านเค้าด้วย



พี่สังเกตเห็นว่า ที่บริเวณรอบแถของรถที่ล้มมีรอยเท้าเปื้อนโคลนเหมือนคนวิ่งตามรถ เป็นระยะทางไกลพอสมควร เค้าก็เลยรู้สาเหตุว่าทำไม คนคนนี้ถึงได้รถล้มแต่ก็ไม่ได้เล่าให้ใครฟัง หลังจากวันนั้นพี่เค้าก็กลับอเมริกา ผมก็ไม่ได้เจอเค้าอีกนานๆถึงจะกลับมาซะที ยังมีเรื่องเล่าอีกมากมายไว้วันหลังจะมาเล่าให้ฟังกันใหม่นะคับ

ลุงมาหา

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปี ที่แล้ว



พอดีช่วงนั้นพี่ชายเราได้ไปจับสลากที่ขายของได้ ก็เลยให้แม่ทำขนมจีนน้ำยาให้ เพื่อให้พี่ไปขาย เรากับพี่ได้ไปตลาดซื้อของกันประมาณเที่ยงคืน กลับมาถึงบ้านก็ตี 1 แล้วก็เป็นหน้าที่ของแม่ ที่จะทำน้ำยาต่อ เพราะต้องไปขายแต่เช้า



แม่ก็เลยทำอยู่ที่หน้าบ้าน (มีบริเวณหน้าบ้าน แล้วมีประตูรั้วกัน) ประมาณตี 2 กว่าๆ แม่มีความรู้สึกว่า เหมือนมีคนมายืนอยู่ที่มุมประตูหน้าบ้าน แต่แม่ไม่กล้าหันไปมองตรงๆ ได้แต่ใช้หางตามอง แม่บอกว่าลักษณะคล้ายๆ ผู้ชาย ใส่หมวก ยืนก้มหน้าอยู่ ตอนแรกแม่คิดว่าเป็นขโมย แต่แล้วความรู้สึกก็เกิดขึ้น แม่นึกถึงพี่ชายของแม่ (ลุง) ขึ้นมา เพราะเมื่อตอนหัวค่ำ



แม่ได้พูดขึ้นมากลางโต๊ะกินข้าวว่า "ลุงชอบกินขนมจีนน้ำยามาก" เท่านั้นแหล่ะค่ะ แม่ตั้งสติได้ ก็ยกหมอน้ำยาลงจากเตา แล้วก็ปิดประตู (ที่ตัวบ้าน) วิ่งขึ้นห้องนอนเลย เช้ามาแม่ก็เลยให้พ่อใส่บาตร อุทิศส่วนบุญ ส่วนกุศลไปให้ลุงไว้คราวหน้าจะมาเล่าให้อ่านกันใหม่นะคะ ^_^

นางไม้

เรืองก็มีอยู่ว่า ผมอยู่ในบ้านกับตา ยาย แล้วก็น้าสาวอีกคน แต่ตา ยาย น้



าสาวอยู่ข้างล่าง ผมอยู่ห้องข้างบนคนเดียว โดยที่ผมไม่รู้มาก่อนเลยว่าบนห้องนั้นมีอะไรบางอย่างที่ไม่มีตัวตนแอบแฝงอยู่



วันนั้นฝนตกหนักมาก ประกอบกับบ้านที่ผมอยู่มันค่อนข้างเก่า หลังคาเป็นสังกะสีแล้วมันผุ ฝนก็รั่วลงมาจนต้องเอาถังรองน้ำฝน ผมนอนอ่านหนังสือนิยายอยู่คนเดียว ซักพักก็มีเสียงคนเคาะประตูดังมาก ผมถามว่า"ใครอ่ะ"ก็ไม่มีเสียงตอบ เสียงเคาะก็ดังมาอีก คราวนี้เคาะรัวเลยครับ เคาะดังมาก จนผมรำคาญด่าไปเสียยกใหญ่ จนในที่สุดผมก็ลุกไปเปิดประตู แต่สิ่งที่เจอคือความว่างเปล่า มันคงเป็นสัญชาตญาณของเราแล้วมั้งว่ามันคงไม่ค่อยดีแล้ว



ก็เลยค่อยๆปิดประตูอ่านหนังสือต่อ พยายามข่มใจไม่ให้คิดมาก แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า เพิ่งเคาะอยู่เมื่อกี๊น้เอง ตอนที่เรากำลังเปิดก็เคาะอยู่แต่ทำไมเปิดไปไม่เจอใครเลย อะไรจะเร็วขนาดนั้นทั้งที่ตากับยายก็อยู่ข้างล่าง ต้องขึ้นบันไดมา แถมบ้านก็เป็นบ้านไม้ด้วยต้องมีเสียงเดินมั่งล่ะ แต่ก็ไม่มี ผมพยายามสลัดความคิดมากทิ้ง ผมก็นอนอ่านหนังสือต่อ แล้วหน้าต่างก็ดันเป็นกระจกด้วย



สักพักนึงก็ได้ยินเสียงเหมือนมีคนเอามือมาถูกระจกดังเอี๊ยดๆ ผมก็รู้แล้วว่าอะไรคืออะไร ผมพยายามไม่มองนะครับ แต่ก็เดห็นจนได้ เป็นมือขาวซีดเหมือนศพเป๊ะ ลูดกระจกไปมาๆ จนผมทนไม่ไหวพยายามเปิดประตูวิ่งหนี พอเปิดได้ก็วิ่งลงมาข้างล่างแบบไม่คิดชีวิตเลย มาถามตาตาก็เลยหัวเราะบอกว่า ผมไม่ได้เจอคนเดียว คนที่เคยมาค้างก็เจอกันมานักต่อนักแล้ว เขาเป็นนางไม้



พอดีอยู่ตรงขื่อด้วยก็เลยเฮี้ยน แล้วตาก็ชี้ไปที่รูปปั้นเป็นผู้หญิงมวยผมท่าเหมือนกำลังย่างเดิน แล้วพูดว่า ไหว้ซะสิ *จบ*

ผีบ้านผีเรือนพับผ้าให้

ตอนนั้นฉันอายุประมาณ 8-9 ปี



ฉันอาศัยอยู่ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จังหวัดเพชรบูรณ์ บ้านที่ชั้นพักนั้น มีลักษณะเป็นตึกแถว 2 ชั้น มีอยู่วันหนึ่งฉันได้ขึ้นไปเอาของเล่นบนห้อง พอเดินขึ้นไปถึงก้อเปิดประตูห้องนอนและได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งพับผ้าอยู่บนเตียง ลืมบอกไปว่าในห้องปิดหน้าต่างหมดทำให้มันมืด มองอะไรไม่ค่อยถนัด ฉันเห็นเพียงว่าเป็นผู้หญิงวัยกลางคนสวมเสื้อทรงแขนกระบอกยาวถึงข้อมือ และผ้าถุงหรือกางเกงฉันไม่แน่ใจ แต่จำได้ว่าเป็นชุดสีน้ำเงินออกดำ ฉันไม่ได้มองหน้าเค้าเพราะมันมืด และฉันก้อไม่ได้สนใจอะไร และไม่รู้สึกกลัวด้วยในตอนนั้น ฉันเพียงเดินไปหยิบของๆฉัน ซึ่งมันอญุ่ใกลๆประตู พอหยิบเสร็จฉันก้อลงมา เมื่อลงมาถึง ฉันนึกแอะใจว่าเค้าคือใคร ฉันก้อถามแม่ว่า"แม่ น้าคนที่อยู่บนห้องใครหรอ เพื่อนแม่มาหรอ



เค้าไปอยู่ทำไมข้างบนมืดๆ ไม่ลงมาข้างล่าง" แม่ฉันทำหน้างงมาก และตอบฉันกลับว่า ''ไม่มีนิลูก ลูกเห็นใครหรอ" ฉันก็บรรยายให้แม่ฟัง หลังจากนั้นแม่ฉันจึงเดนขึ้นไปข้างบน และเดินกลับลงมา แล้วแม่ก้อจุดธูปแล้วให้ฉันไหว้ด้วย แม่บอกฉันว่า ที่ฉันเห็นเป็นเจ้าที่ แต่เค้าไม่ได้ทำร้ายเรา เค้าคอยปกปักรักษาเรา

ผีบ้านผีเรือนพับผ้าให้

ตอนนั้นฉันอายุประมาณ 8-9 ปี



ฉันอาศัยอยู่ที่ค่ายทหารแห่งหนึ่งใน จังหวัดเพชรบูรณ์ บ้านที่ชั้นพักนั้น มีลักษณะเป็นตึกแถว 2 ชั้น มีอยู่วันหนึ่งฉันได้ขึ้นไปเอาของเล่นบนห้อง พอเดินขึ้นไปถึงก้อเปิดประตูห้องนอนและได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งพับผ้าอยู่บนเตียง ลืมบอกไปว่าในห้องปิดหน้าต่างหมดทำให้มันมืด มองอะไรไม่ค่อยถนัด ฉันเห็นเพียงว่าเป็นผู้หญิงวัยกลางคนสวมเสื้อทรงแขนกระบอกยาวถึงข้อมือ และผ้าถุงหรือกางเกงฉันไม่แน่ใจ แต่จำได้ว่าเป็นชุดสีน้ำเงินออกดำ ฉันไม่ได้มองหน้าเค้าเพราะมันมืด และฉันก้อไม่ได้สนใจอะไร และไม่รู้สึกกลัวด้วยในตอนนั้น ฉันเพียงเดินไปหยิบของๆฉัน ซึ่งมันอญุ่ใกลๆประตู พอหยิบเสร็จฉันก้อลงมา เมื่อลงมาถึง ฉันนึกแอะใจว่าเค้าคือใคร ฉันก้อถามแม่ว่า"แม่ น้าคนที่อยู่บนห้องใครหรอ เพื่อนแม่มาหรอ



เค้าไปอยู่ทำไมข้างบนมืดๆ ไม่ลงมาข้างล่าง" แม่ฉันทำหน้างงมาก และตอบฉันกลับว่า ''ไม่มีนิลูก ลูกเห็นใครหรอ" ฉันก็บรรยายให้แม่ฟัง หลังจากนั้นแม่ฉันจึงเดนขึ้นไปข้างบน และเดินกลับลงมา แล้วแม่ก้อจุดธูปแล้วให้ฉันไหว้ด้วย แม่บอกฉันว่า ที่ฉันเห็นเป็นเจ้าที่ แต่เค้าไม่ได้ทำร้ายเรา เค้าคอยปกปักรักษาเรา

บ้านเช่าสยอง

สวัสดีค่ะหนูยังเรียนหนังสืออยู่แต่มีประสบการ์เกี่ยวกับเรื่องสยองขวัญเยอะมาก ด้วยความที่น้องชายและพี่สาวเป็นคนมีเซ้น แต่หนู่ไม่มีหรอกน่ะ







แค่เป็นผลพลอยได้ ได้เจอเรื่องน่าตื่นเต้นมากมาย ไม่ว่าไปที่ไหนก็จะเจอตลอด มาเข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ มีช่วงหนึ่งกำลังสร้างบ้านใหม่เลยต้องย้ายไปอยุ่บ้านเช่า ซึ่งถูกปล่อยล้างมานานและเจ้าของบ้านคนเก่าตายไปแล้ว ลูกหลานเลยปล่อยให้เช่า วันแรกที่ย้ายของเข้าไปในบ้านก็เริ่มสังหรณ์ไม่ดี น้องชายเลือกกำเดาไหลไม่หยุด ทำยังไงก็ไม่หาย แต่พอออกจากบ้านเช่านั้นมาก็หยุดไหลอย่างง่ายดาย ตอนนั้นหนูก็เริ่มกลัวและเพราะเป็นคนคิดมาก ก็เลยคิดว่าเราน่าจะย้ายสิ่งศักดิ์สิทธ์ไปก่อน และเราค่อยเข้าไปอยู่ ที่บ้านนับถือพระพิฆเนศ เราก็ย้ายท่านเข้าไปก่อน และให้คนงานไปนอนเฝ้าของก่อนที่จะย้ายเข้าไปจริงๆ พอวันรุ่งขึ้นมาตรวจบ้านคนงานก็รีบวิ่งมาหาและบอกว่าเมื่อคืนได้ยินเสียงช้างฟาดงวง ผมกลัวมาก







ขอให้คนอื่นมาเฝ้าแทนเถอะ หนูฟังก็ขนลุก เราก็เลยให้คนงานที่ไม่ได้ทำงานประจำ เป็นคนที่เช้าเย็นกลับมาเฝ้าแทน ซึ่งเขาก็ยังไม่รู้เรื่องนี้ ก็ผ่านพ้นไปไม่มีอะไร ทุกคนคิดว่าท่านพระพิฆเนศคงมาตรวจดูบ้าน พอเริ่มเข้ามาอยู่แรกๆก็ไม่มีอะไร แต่พอนานเข้า ห้องอาบน้ำชั้นสอง อยู่ดีๆก็มีหนอน ที่เป็นหนอนไชศพตกลงมาเต็มไปหมด เหม็นมากด้วย แม่คิดว่าหนูตาย เลยให้คนปีนไปดูปรากฏว่าก็ไม่มีอะไร เราก็เอาละ แต่ไม่มีหนทางอื่นจะย้ายก็ไม่ได้เลยทำความสะอาดหนอนออกและอยู่ต่อ (ยังจะทนเนอะ) มีคืนหนึ่งหนูนอนดึกมาก เพราะเล่นคอม และช่วงนั้นเรากำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นประมานมัธยมต้น เลยทะเลาะกับแม่รุนแรงบ่อย ทุกครั้งแม่ก็จะไปร้องไห้และก็ไหว้พระ คืนนั้น แม่เรียกให้ไปนอนเราก็นั่งเล่นเกมส์ไม่สนใจ จนทุกคนหลับ(หลับรวมห้องเดียวเพราะบ้านค่อนข้างเล็ก) พอเริ่มตี 2 เราก็ได้ยินเสียงเป็นเสียงนิ่งๆ ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงหญิงหรือชาย แต่เสียงนิ่งาก บอกว่า "มานอนได้แล้วลูก มานอน" เราก็นึกว่าแม่พูด แต่พอหันไป แม่หลับปุ๋ยเชียว หนูก็เลยกดปิดสวิตไม่ชัดดาวน์ด้วยและวิ่งเข้าไปหาแม่ แม่ก็ตกใจ







ทุกคนตื่นหมด และแม่ก็ถามว่า "ลงไปทำอะไรมา" เราก็งงแม่พูดต่อ "กลิ่นบุหรี่เต็มตัวเลย" เราก็อึ้ง หนูไม่สูบบุหรี่และก็เล่นคอมบนห้องตลอด ไม่ได้ไปไหน เหตุการณ์นั้นทำให้ไม่กล้าเล่นคอมกลางดึกเลยอยู่นานๆเข้าที่บ้านหลังนี้หนูก็เกิดป่วยแบบไปโรงเรียนไม่ได้เป็นอาทิตย์ จนเพื่อนถามวว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า ไอเราไม่กล้าบอก เพราะไอโรตที่เราเป็นนะ มันไม่ใช่โรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสเลย หนูปวดแขยข้างขวาจนยกแขนไม่ขึ้น ไม่ขึ้นจริงๆ พูดความจนิง ปวดมาก นอนแบบหันไปทับข้างขวาไม่ได้เลย แม่ก็ไม่พาไปหาหมอหลวงหรอก แต่พาไปหาหมอนวดที่มีองค์แทน พอพาไปองค์ก็ลง เค้าบอกว่าที่เป็นแบบนี้เพราะเราเวลาเรานั่งเราอะไร ทำท่าไม่สุภาพ ไม่เคารพ คนที่นั่นเขาไม่ชอบ ก็เลยโดนเข้า บวกกับเราเครียดเลยดวงตกเลยมีอะไรแฝง เข้าให้เอาของไปไหว้ทางสี่แพ่ง และให้ไปขอขมาเจ้าที่ที่บ้าน หลังจากนั้น2วันก็เริ่มยกแขนได้จากที่เดี้ยงมาเป็นอาทิตย์







จริงๆมีเหตุการณ์มากมายที่เกิดที่นั่น แต่เอาแค่นี้หล่ะค่ะ เล่าเองกลัวเองแล้วเนี่ย

เหตุการณ์ที่เจอมาตลอด 6 เดือน

สวัสดี พี่ป๋อง ทีมงานทุกๆท่าน ผมติดตามรายการมาตั้งแต่ 8 ขวบ ตอนนี่18 แล้วครับ ขอบอกก่อนว่า



ผมเป็นคนเกิดวัน พุธ กลางคืน เกิดวันที่ 19 เวลา 19.09น. ปี1990 หรือปี 2533 เื่รื่องที่จะเล่านี้เหตุเกิดอยู่ที่ อาร์พาตเม้นแห่งหนึ่ง ในซอย จรัญ57 ผมได้มาอยู่ที่นี่มาประมาณ ปีกว่าๆ ตอนแรกผมอยู่ชั้น2 มี แม่แฟน น้องแฟน และผม ต่อมา6 เดือนผมก็ได้ย้ายขึ้นมาชั้น5 ก็แปลกๆ เพราะย้ายขึ้นมาอยู่แรกๆ จนถึงทุกวันนี้ ผมทะเลาะกะแฟนทุกวัน และผมจะกระโดดตึกลงไปหลายครั้งมาก หลังๆผมอยู่ห้องคนเดียว ผมจะอยู่ห้องตอนเที่ยงคืน ถึงเช้า ผมก็นั้งเล่นคอมของผมอยู่ทุกวัน แต่ที่แปลกเจอประจำก็คือ มีคนดึงประตู ปิดลูกบิด เกือบทุกวัน ผมก็หยิบดาบซามูลัย เปิดออกไป



เวลาไม่นาน ไม่มีแม้แต่เสียงฝีเท้า บางทีผมก็เปิดประตูไว้ แล้วก็นั่งเล่นคอมปรกติ ผมก็เห็นคนมายืนหน้าประตู เป็นผู้หญิงร่างเล็ก แต่ที่เห็นเป็นภาพขาวดำ พอหันกลับไปดูกลับไม่เจอ บางทีของในห้องก็หล่นลงมาแบบไม่มีสาเหตุ บางที่ก็มายืนข้างหลังแต่เป้นความรู้สึก แต่ที่จะๆก็คือ ช่วงหลังๆผมเดินลงกระไดชั้น5 เป็นทางหนีไฟ ตอนนั้นเป็นเวลา ตี3 จะออกไปซื้อของเซเว่น ขณะที่เดินลงมา ความรู้ศึก้หมือนไม่ได้เดินอยู่คนเดียว ขนหัวลุกตลอดเวลา กระไดหนีไฟจะมีหน้าต่างข้างๆทุกชั้นนะครับ ผมก็มองทุกชั้น พอมาถึงชั้น3 มีเสียงพูดข้างๆหูว่า มองอะไรจ๊ะ เท่านั้นแหละผมวิ่งลงเลย และต่อมาผมก็ไม่ขึ้นห้องเลย ก็นั่งคุยกะยามยันเช้าทุกวัน วันที่ผมคุยกะยามก็เจอครับ ขณะนั้นเวลา ตี2 นั่งคุยกันเรื่อยๆ ผมก็สังเกตุยามมีอาการแปลกๆ มองหลังตลอดเวลา โต๊ะที่ยามนั้งจะหันหลังให้กำแพง และข้างๆจะเป็นประตูกระจก ที่จะขึ้นตึก ผมก็คุยไปคุยมา ผมก็เห็นเงามายืนข้างในประตู และขณะนั้นยามก็หันหลังไปดู







สิ่งที่ผมเห็นนั้นคือเงาวิ่ง เข้าไปทางประตุหนีไฟ และจากนั้นไม่นานมีเสียงเคาะประตูเหล็ก ประตูหนีไฟอะครับ ดังตึงๆ 2ที เท่านั้นแหละ รีบวิ่งไปดูว่าใครมาแกล้ง แต่ถ้ามีคนแกล้ง เวลาลงกระไดเสียงมันต้องก้องมากๆ เช้ามาผมก็ทำบุญแระก็ไม่เจออะไรอีก แต่มีเด็ดกว่านั้นคือ แฟนผมไปหาร่างทรง เแฟนผมก็บอกว่า ผมเจอผีบ่อยๆ ทรงก็นั่งดูให้ เค้าก็ถามว่าห้อง ถัดจากห้องแรกไปกี่ห้อง แปลกตรงที่ว่าเค้ารู้ด้วยว่าห้องเลขอะไร เตียงวางยังไง พระวางที่ไหน แระเค้าบอกแฟนผมว่า ชั้น5 ไม่ดี มันวังเวง มันก็จริงๆแบบที่เค้าว่า แต่เค้าบอกอีกว่า ที่เราเจอคือ คนที่ตายในลิบ และเค้ารู้ด้วยว่าที่ผมเจอเป็นผู้หญิงสาว

ผีเข้าสิงแม่

วันนั้นเป็นวันศุกร์ค่ะ ครอบครวเรานั้นมีสมาชิกอยู่3คนรวมดิฉันด้วยน่ะคะ



เราจะมีทีวีในห้องนอนอยู่หนึ่งเครื่องค่ะแล้วเราจะนอนรวมกัน3คน พ่อก็เปิดตลกดูวันนั้นแม่หนูเค้าไม่ค่อยสบายเลยนอนซม ตลกมันก็ขำไปขำมาแม่หนูก็นอนเหม่อๆค่ะ อยู่ๆแม่ก็ตัวเกร็งแล้วกระเด่งขึ้นมาจากที่นอนเลยค่ะ ตกใจมากค่ะหนูกระโดดโหยงไปกอดพ่อเลย แม่ก็ชี้หน้าว่าพ่อเป็นภาษาลาว แล้วทีนี้พ่อก็กล่อมให้แม่นอน หนูก็นอนเช่นกันค่ะแม่หนูเค้าจะนอนข้างๆเตียงแต่หนูนอนบนเตียงพ่อเค้าก็เดินไปดื่มกาแฟ



หนูนอนหันหน้าไปหาแม่คะแต่แมนอนหันหลังให้หนูค่ะซักพักแม่ก็หันมายิ้มให้หนูแต่แววตาแม่ไม่อ่อนโยนเหมือนคนยิ้มให้กันค่ะคือยิ้มแล้วตาโตๆค่ะ แล้วสิ่งที่หนูสังเกตคือแม่หนูมีระหว่างหน้าผากคล้ำ และขอบตาคล้ำมากค่ะ หนูร้องลั่น แต่ขาหนักไปหมดพ่อรีบวิ่งมาอุ้มนกไปที่อื่น ....

แจ๊คพ็อตตอนเข้าค่าย

หวัดดีคับพี่ป๋อง ผมติดตามฟัง THE SHOCKมาได้10กว่าปีแล้วคับ เรียกได้ว่าเป็นแฟนตัวยงเลยก็ว่าได้ผมขอเข้าเรื่องเลยนะคับ เรื่องนี้เป็นเมื่อสมัยตอนผมอยู่ม.4คับ เรื่องก็คือ ผมเรียนอยู่ร.ร.สายปัญญารังสิต (ต้องขออนุญาติบอกชื่อนะคับไว้เป็นอุทาหรณ์ เพราะรุ่นน้องผมก็ชอบดูแลฟังเรื่องพวกนี้คับ) ผมเรียน ร.ด.ปี1ซึ่งเป็นปีแรกที่เรียน ตอนนั้นเป็นช่วงเข้าค่ายลูกเสือคับ พวกผมกับรุ่นพี่ปี3ได้ถูกเลือกให้ไปดูแลเด็กๆคับ



พวกผมไปเข้าค่ายร่วมกับพวกเด็กๆเป็นเวลา3วัน2คืนซึ่งตอนที่ไปถึงผมรู้สึกแปลกๆคับ(รู้สึกคนเดียว)เพราะมันเป็นช่วงเที่ยงๆเองแต่บรรยากาศมันครึ้มๆคับแล้วรู้สึกเหมือนมีใครมองอยู่ แต่ก็ไม่มีใครมองคับ จนกระทั่งเก็บของเข้าที่เสร็จทำพิธีเปิดเรียบร้อยแล้วผมก็รู้สึกเหมือนถูกจ้องอีกแล้วคับ แต่ก็ไม่ได้สนใจจนถึงตอนกลางคืนคับ พวกผมกับรุ่นพี่ปี3ต้องไปเตรียมฐานผจญภัยซึ่งพวกรุ่นพี่ให้พวกผมเด็กปี1ที่มีแค่2คนไปคอยนำทางเด็กๆถึงฐานที่1แล้วค่อยกลับไปประจำจุดคับ(พวกผมอยู่ฐานที่11คับมีทั้งหมด12ฐาน) ตอนแรกผมก็อยู่กับเพื่อนแต่เพื่อนผมขอตัวไปห้องน้ำคับ เลยต้องอยู่คนเดียว จู่ๆผมก็รู้สึกเสียวสันหลังคับ เลยหันไปมองก็ไม่มีใครแต่แล้วก็มีหยดน้ำจากไหนก็ไม่รู้คับหยดลงมาที่ต้นคอผม ผมก็เลยแหงนหน้าขึ้นไปดูก็ไม่มีอะไรคับจนเพื่อนผมกลับมาผมก็ยังไม่ได้เล่าให้ฟังจนเด็กๆผจญภัยเสร็จแล้ว พวกผมก็กลับที่พักเพื่อจะคอยผลัดเวรตรวจดูพวกเด็กให้เรียบร้อย ผมจึงเล่าเรื่องที่ผมเจอให้ฟัง พวกรุ่นพี่ก็บอกว่าผมอาจจะคิดมากไปคับ แต่ผมก็ยังไม่แน่ใจเท่าไหร่เพราะมันไม่มีทางที่จะมีน้ำหยดลงมาได้คับเพราผมยืนที่โล่งแถมท้องฟ้าก็โปร่งไม่มีทีท่าของฝนเลย







จนถึงวันที่2ตอนสายๆพวกผมต้องเดินทางไกลกับพวกเด็กๆคับ ต้องผ่านแถวถนนเชิงเขที่ผ่านน้ำตกคับ ก็มีรถยนต์คันหนึ่งขับมาแซวเล่นๆกัน แล้วเขาบอกว่าด้านหลังมีเด็กลูกเสืออีกคนเดินอยู่ไม่รอเขาเหรอ ซึ่งทำให้ผมแปลกใจมากคับ เพราะพวกผมมาเป็นกลุ่มสุดท้ายไม่มีทางที่จะมีทางที่จะมีเด็กหลงเหลืออยู่แน่ๆจนถึงตอนกลางคืนผมกับเพื่อนเป็นเวรที่ต้องผลัดกันไปดูแลว่าเด็กนอนกันเรียบร้อยรึยัง ก็เลยไปดูปรากฏว่าเงียบนอนกันหมดเลยคับผมก็เลยเดินกลับขณที่เดินกลับผมเจอเด็กคับ อายุน่าจะประมาณ7-8ขวบได้กำลังวิ่งเล่นอยู่ตรงสนามด้านหน้าคับผมเลยเข้าไปถามเขาก็เงียบเหมือนไม่สนใจผม จนผมขี้เกียจจะถามคับก็เลยเดินกลับเข้าที่พัก ผมเลยเผลอบ่นให้พวกพี่ๆเขาฟังเขาก็เงียบจนกระทั่งวันสุดท้ายกำลังเตรียมของเพื่อที่จะกลับบ้านกัน ตอนอยู่บนรถคับ รุ่นพี่ผมกับเพื่อนผมถึงได้บอกว่าผมเจอดีเข้าให้คับ 3ครั้งเลยคืออันที่1ที่หยดน้ำหยดใส่ต้นคอคับเพื่อนผมเขาบอกว่าเห็นเหมือนเป็นเงาดำๆสูงๆยืนอยู่ด้านหล้งผมส่วนอันที่2รุ่นพี่ผมเขาบอกว่าตอนเขาเรียนลูกเสือตอนรุ่นพี่ผมเขาอยู่ม.2 เคยมีนักเรียนลูกเสือของค่ายอื่นลื่นตกน้ำตกเสียชีวิตคับ เขาบอกว่าอาจเป็นเพราะวิญญาณยึดติดเลยไม่ได้ไปสู่สุขคติส่วนอันที่3รุ่นพี่ผมเขาบอกว่าเป็นวิญญาณที่เพื่อนรุ่นพี่ที่ไปเข้าค่ายด้วยกันเลี้ยงไว้เขาเห็นว่าคืนนี้ไม่มีใครเลยปล่อยออกมาคับ พอได้ยินแบบนั้นเล่นเอาผมใบ้กินไปเลยคับจนกลับถึงบ้านผมก็เลยไปทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้พวกเขาคับ จะได้ไม่ซวยอีกป.ล.ตอนเช้าวันที่3พวกรุ่นพี่ผมเข้าได้ไปช่วยคนถูกผีเข้าคับเพราะรุ่นพี่เขาปล่อยแล้วจะเอากลับแต่เขาไม่ยอมคับเลยสิงคนแถวนั้นบอกว่าอยากได้ของเล่นอยากกินขนมเขาเลยบอกว่ากลับบ้านแล้วเขาจะซื้อให้คับ เลยยอมออก ตอนนั้นผมก็ไปช่วยเขาด้วยเรื่องที่เล่ามาเป็นเรื่องจริงคับ ผมเจอมากับตัวเองเลยถ้าใครไม่เชื่อก็ลองไปพิสูจน์ได้คับ ที่สระบุรี เหอ เหอ เหอ เหอ เหอ เหอ

เหตุเกิดที่ห้องกลาง

เมื่อพูดถึงคำว่าโรงเรียนหรือมหาลัยก็เป็นเรื่องที่แน่นอนว่าต้องมีอำนานทุกที่ ส่วนเรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี่มันเป็นเรื่อมงที่เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ตอนนั้นผมเพิ่งเข้ามหาลัย เป็นมหาลัยหนึ่งที่จังหวัดพะเยาบอกแค่นี้ก็คงรู้แล้วล่ะคับว่าที่ไหนเรื่องมีอยู่ว่า เมื่อเข้าปีหนึ่งก็เป็นเรื่องบังคับว่าต้องอยู่หอในซึ่งปีนั้นเป็นปีที่สนุกมากเพราะเพิ่งได้เจอเพื่อนใหม่ๆแล้วก็ได้นอนดึกสมใจ ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงใกล้สอบพอดื



งานที่เหลือว่าก็ต้องรีบส่ง เพื่อให้รอดพ้นจากคำที่ว่า เอฟ ซึ่งวันนั้นเพื่อนผมประมาณ สี่ห้าคนก็มาทำงานที่ห้องของผม โดยห้องนั้นจะเรียงกันยาวเหมือนห้องแถว ห้องผมอยู่เกือบสุดทางเดินซึ่งหอนั้นจะแบ่งเป็นสองด้าน โดยที่มีห้องตรงกลางซึ่งเป็นห้องว่างๆสำหรับรีดผ้า ซักผ้าและให้ยามที่มาเฝ้าหอพักผ่อน แต่โดยปกติแล้วหอของผมจะเป็นหอที่ยามไม่ค่อยจะมาดูอยู่แล้วเพราะขึ้นชื่อว่า หอปากหมา เนื่องจากชอบแซวคนที่เดินผ่านไปมาทำให้ตอนกลางคืนหอนี้จะดูวังเวงเป็นพิเศษวันนั้นขณะทีร่กำลังทำงาน อยู่ๆก็รู้สึกหิวทั้งๆที่ปกติ ผมจะไม่เคยที่จะหิวหลังสามทุ่ม แต่วันนั้นมันประมาณตีสามแล้วก็เลยเดินไปต้มมาม่า กินที่ห้องกลาง จณะที่เดินไปนั้นผมก็สังเกตเห้นว่า ไม่มีสัตว์หรือแมลงอะไรเลย อีกทั้งอากาศก็เย็นยะเยือกผิดปกติ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร พอไปถึงหน้าห้องก็กดน้ำร้อนโดนที่ตาก็มองเข้าไปในห้อง แต่สิ่วงที่ผมเห็นคือ ผู้หญิง ชุดขาวนวลเป็นชุดนอน ก็คิดอยู่ เหมือนกันคับ ว่าทำไมมานั่งดึกๆดื่นๆแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็เดินกลับห้องขณะที่เดินใกล้ถึงห้องก็คิดได้ว่า หอที่ผมอยู่เป็นหอชายผู้หญิงไม่สามรถเข้ามาได้ก็เลยบอกเพื่อนว่า เฮ้ย



เมื่อกี้กูเห็นผู้หญิงที่ห้องกลางว่ะ เพื่อนผมก็ไม่เชื่อ ก็เลยเดินไปดูกันแบบเกาะกลุ่ม เนื่องจากคิดว่าจะใช่สิ่งที่คิดอยู่ พอไปถึงก็ไม่มีคับ แต่พอหันหลังกำลังจะกลับห้องเท่านั้นแหละคับ หัวแทบโก๋น ก็เพทราะผู้หญิงคนนั้นไปนั่งอยู่บนหลังคาอีกหอนึง แล้วมองมากทางพวกผม รู้ทันทีเลยคับว่าใช่แน่ๆก็เพราะ หอที่เธอนั่งนั่น มันอยู่สูงจากพื้นมาก และไม่ทีทางขึ้น แต่เธอกลับนั่งแบบสบายๆ ขณะที่กำลังจะสาวเท้าออกมาจากห้องกลาง หูก็ได้ยินเสียงเธอมทากระซิบแบบติดหูเลยคับ ได้ยินเหมือนกันทุกคนว่า พวกมึงอยากลองของกับกูใช่ไม๊เท่านั้นแฟละคับ ว่าแบบไม่คิดชีวิตกันเลยแล้วพอถึงห้อง ก็เหมือนสูตรสำเร็จทั่วๆไปก็คือ ตรงจุดไหนที่มีไฟ เปิดหมด แล้วก็มาเกาะกลุ่มสั่นกัน จนถึงเช้า โดยที่เห็นผู้หญิงคนนั้นมายืนดูอยู่ที่หน้าห้องทั้งคืน สลับกับเสียงหมาหอน โดยตาของเธอเป็นสีแดงก่ำ ผมยาวถึงหลัง หน้าซีดเผือด ที่ตาจมูก ปาก มีเลือดไหล พวกผมงี้ไข้ขึ้นกันทุกคนเลย



พอเช้าก็ไปถามยามที่สนิทๆกัน เค้าก็บอกว่าไม่รู้เรื่อง แต่มีรุ่นพี่คนนึง บอกว่า ตรงบริเวณหอที่พวกผมนั้น เป็นทางที่ผีผ่าน เนื่องจากมันเป็นห้องที่อยู่ตรงกับทางเดินด้านหลังพอดี ถ้ามองดูดีๆ ห้อใงผมจะเป็นห้องตรงกลางเลย โดยมองได้ว่าทางเดินด้านหลังตรงมาที่ห้องของผมก่อนเลย จากนั้นก็จะสามารถเลี้ยวซ้ายข้าวได้ ตรงประเด็นเลยคับว่า ห้องของผม ตรงกับทางสามแพร่ง พอวันต่อมา ผมก็เลยย้ายมาอยู่หอนอก ทันที แต่ก็ยังเจอเรื่องแบบนี้อยู่ เพราะผมเห็นเรื่องแบบนี้มีตั้งแต่เด็กแล้ว ผมก็ไม่แน่ใจว่าเกี่ยวไม๊ เพราะผม เคยหยุดหายใจมาก่อนเพราะรถชนตอนประมาณเจ็ดขวบ จากนั้นก็เห็นมาตลอด ถ้ายังก็ก็ช้วยคอมเม้นบอกหน่อยนะคับว่าอ่านแล้วรู้สึกยังไงจะของพระคุณมากครับ

วงปี่พาทย์วัดเก่า

ผมเป็นเด็กคนหนึ่งที่อยู่ใน อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ครับ แถวบ้านผมก็เป็นชนบทธรรมดา (แต่ไม่ธรรมดาครับ)



คือแถวบ้านผมจะมีทุ่งนาเต็มไปหมด แต่หนึ่งในนั้นก็เป็นทุ่งนาของอาผมเอง เขาเรียกว่าโคกระฆัง (วัดเก่า ครับ ) แต่ตอนนี้ไม่หลงเหลือร่องรอยของวัดอยู่แล้วแต่ที่ยังอยู่คือกลิ่นไอ แห่งความน่ากลัวครับ และแล้วประมาณปี 2540 พ่อของผมก็เจอดีเข้าจนได้ คือพ่อผมกลับจาก ไร่ ซึ่งต้องผ่านทุ่งนาโคกระฆังนี้ และมันบังเอิญหรืออะไรก็ไม่ทราบมันตรงกับวันพระพอดีครับ ประมาณซัก 1 ทุ่มมั้งครับ



พ่อผมก็ขับรถอีแต๋นผ่านมา คิดดูซิครับว่าเวลาประมาณนี้ คนแถวนั้นจะยังมีอยู่อีกหรอคับ พ่อผมก็ไม่ได้คิดอะไรเพราะว่าผ่านทางนี้ทุกวัน และเมื่อเข้ามาถึงบริเวณทุ่งนาโคกระฆังแห่งนี้ พ่อผมก็ได้ยินเสียงแว่ว ๆ แต่เสียงนั้นไม่ต้องคิดนานครับ เพราะมันคือเสียงของปี่พาทย์วงใหญ่ ที่เล่นในงานวัดสมัยก่อน มันดังมากเลยครับ พ่อผมเล่าให้ฟังผมเลยต้องเก็บตัวอ่ะครับ ไม่ออกจากบ้านผ่านแถวนั้นไปอยู่หลายอาทิตย์เหมือนกันและนี่ก็เป็นประสบการณ์สยองที่พ่อของผมได้เล่าให้ฟัง แต่ยังไงถ้าเราทำดีซะอย่างผีก็คงไม่ทำอะไรเราหรอกครับ เต็มที่ก็แค่ขอส่วนกุศล แค่นี้ก่อนนะครับ

ผีกระสือ(ผีพราย)

นี่เป็นเรื่องที่พ่อผมเล่าให้ผมฟัง ตอนนี้พ่อผมยังเด็กนะครับ พ่อผมเป็นชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ซึ่งสมัยตอนพ่อผมเป็นเด็กนั้นพูดได้ว่าหมู่บ้านยังเป็นป่าอยู่ส่วนใหญ่ด้วยซ้ำ และถัดไปไม่กี่กิโล พ่อยังเล่าให้ฟังว่าเป็นหมู่บ้านร้างเนื่องจากโรคห่าลง(อหิวา)ซึ่งไม่มีใครกล้าเข้าไปเลยแถวนั้น เข้าเรื่องที่จะเล่าเลยนะครับ เนื่องจากพ่อผมนั้นไม่เชื่อเท่าไหร่ว่าผีมีจริง เพราะท่านได้บอกว่าสิ่งที่ท่านเจอนั้นท่านยังไม่สามารถระบุได้เลยว่าคืออะไร ตอนท่านเด็กนั้นฐานะทางบ้านคือยากจน การหาอาหารการกินนั้นจึงจะต้องออกไปหาตามทุ่งนาบ้าง น้ำบ้าง ตามประสาชาวบ้านนอกทั้วไป ซึ่งคืนวันหนึ่งนั้นเป็นวันที่ฝนตกหนักแต่ไม่ถึงกับฟ้าร้องฟ้าผ่ามากนัก พ่อผมท่านได้ออกไปล่ากบเขียดกับย่าผมและลุงข้างบ้านอีกคนหนึ่ง ซึ่งสมัยนั้นตะเกียงเจ้าพายุคือสิ่งที่ทุกคนใช้กันทั้งหมู่บ้าน พ่อผมก็ถือนำย่า และลุงไป การหากบเขียดนั้นส่วนใหญ่จะไปตามริมน้ำห้วย เลาะตามตลื่งไปเรื่อยๆ หรือตามเสียงกบร้องไปนั่นเอง วึ่งพ่อผมก็เดินนำและหาไปเรื่อยๆ พอดีไปถึงทุ่งนาที่หนึ่ง ซึ่งคันนาของชาวอีสานจะสูงมากและมีอยู่ช่วงหนึ่งพ่อผมปีนขึ้นคันนาไปก่อนท่านเลยได้เห็นดวงไฟดวงหนึ่งอยู่ตรงข้ามท่านไกลประมาณ 1 ช่วงนา และเนื่องจากฝนตกเเละเดือนมืดจึงมองเห็นแค่ดวงไฟแต่มองไม่เห็นคนถือ ท่านจึงตะโกนเรียกคนที่อยู่ตรงข้ามนั้น แต่ก็ไม่มีเสียงตอบมา พอดีย่ากับลุงของท่านปีนตามขึ้นมาพอดีจึงเอามืออุดปากพ่อผมไว้แล้วบอกให้เงียบ และดึงลงมาจากบนคันนาแล้วให้ลงมาข้างล่าง แล้วทั้ง 3 ท่านก็นั่งหมอบๆติดกันโดยตาทุกคู่มองที่ดวงไฟนั้น จากนั้นดวงไฟที่อยู่ฝั่งตรงข้ามก็ลอยมาหาช้าๆ ซึ่งในตอนที่ลอยผ่านตรงที่นานั้น เสียงกบที่เคยร้องดังจะเงียบลงมาเรื่อยๆตามที่ดวงไฟนั้นลอยผ่านมา ซึ่งดวงไฟนั้นก็ลอยมาตรงที่พวกพ่อผมอยู่ พอผมอธิบายให้ฟังว่าท่านไม่รู้ว่าเคยอะไรแต่เหมือนกับไฟหลอดไฟดวงใหญ่สีส้มลูกขนาดเท่าลูกบอลลอยข้ามหัวพวกพ่อผมไป ลักษณะการลอยจะคล้ายๆหิงห้อย คือลอยไปลอยมาขึ้นลงแบบช้าๆ ไปเรื่อยๆซึ่งตอนที่ข้ามหัวพ่อผมนั้นพ่อผมก็จ้องดูตลอดเวลามีแต่ย่ากับลุงข้างบ้านเท่านั้นที่เงียบและก้มหน้าไม่ยอมมอง พอดูลูกไฟนั้นลับตาจนหายเข้าไปในหมู่บ้านที่เห็นไกลๆ พ่อผมท่านจึงก็ได้ถามย่าว่านี่คืออะไร ย่าผมก็ตอบว่ามันคือผีพรายหรือกระสือ มันก็ออกมาหากินกบเขียดเหมือนกัน ย่าก็บอกว่าให้พ่อไปต่อไม่ต้องสนใจอะไร พอผ่านคืนนั้นไปรุ่งขึ้นมีคนมาบอกว่า ในหมูบ้านนั้นที่พ่อผมเห็นว่ามีลูกไฟลอยเข้าไปนั้น มีคนคลอดลูกออกมาแล้วตาย ซึ่งย่าก็บอกว่าสงสัยคงโดนผีพรายกินแน่ๆ

ผีมาดูเหตุการ ตอนเข้าค่าย

สวัดดี พี่ๆ รายการ theshockfm ผมติดตาม รายการ theshock มานาน ล่ คับ เข้าเรื่องเลยนะครับ ตอนนั้น ตอนผม อยู่ ม.3 ตอนนี้ อยู่ ม.6 ล่ะ ได้เจอเหตุการณ์ ขอบอกก่อนนะคับ เหตุการณ์นี้ เกิดขึ้นมาแล้ว 3 ปี วันนั้น เวลาประมาณ 10.30.น ผมกับเพื่อนได้ ลงซื่อ ไปเข้า พุธทบุตร กันที่ จ.ปธุมธานี ไป ค้าง 3 วัน 2 คืน พอไป ถึงก็ สวดมน ทำกิจกรรม อ่ะคืนแรก ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอ กินข้าว เสร็จก็อาบน้ำ เตรียม สวดมน ตอนค่ำ เพื่อนที่จะเข้านอนพร้อมกัน อ่ะคืนแรกผ่านไปด้วยดี ทุกคนหลับกันหมด เพราะเหนื่อยจากการทำกิจกรรม มาทั้งวัน พอ ตก คืนที่ 2 เจอเลยคับ รู้สึกได้เลย ผมกลับเพื่อนยังไม่หลับสนิทนักผม เลือบไปเห็นตรงกระจก เห็นเป็นผู้หญิงผมยาวประมาณหลัง กำลัง เอามือป้องกระจกแล้งมองไปรอบๆๆ ที่พวกผมนอนกันอยู่ ดวงตา ลึกโบ๋ มากน่ากลัว และทีนี้ผมบอกเพื่อนว่า เห็นอย่างที่เราเห็นป่าว มันบอก อืม..... เท่านั้นและครับ รีบคลุ้มโปร่งนอนกันเลย ไม่มีใครก็กล้าคุยกันอีกเลย เรื่องก็มีอยู่แค่นี้ครับ (มีอีกเรื่องหนึ่งเพื่อนเล่าให้ฟัง ไว้เด๊ว จะมาเล่าให้ฟังนะครับ ขอไปรวบรวมรายละเอียดก่อน) ถ้พิม ตก หล่น หรือ ผิดพลาด ขอ อภัยด้วยนะครับ

เจอเปรตตอนเข้าค่ายที่วัด

ตอนผมอยู่ม.4 (ตอนนี้ม.6) โรงเรียนผมไปพาไปเข้าค่ายที่วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดปทุม พอไปถึงวันแรกไม่ต้องทำอะไรโรงเรียนให้ปล่อยว่างๆ ทำกิจกรรมอีกนิดหน่อย พอถึงวันที่2 ได้เข้าหอประชุมไปฟังเทศ กลุ่มพวกผมจึง โดดกันออกมา ในทีแรกออกมานั่งดูดบุหรี่กันตรง ลานส่วนนอกของหอประชุม ซึ่งไม่มีคน ตอนนั้นออกมากัน ประมาน7-8คน มีผู้หญิง1จึงมีคนนึงพูดขึ้นมาเบื่อว่ะ เล่นซ่อนแอบกันป่าว ผมจึงบอก เออเล่นดิๆ เวลาตอนนั้นประมาณ 4ทุ่ม จึงโอนอยออกกัน เพื่อนผมเป็นคนนึงชื่อ โต๊ด ให้นับถึง200 พวกผมจึงวิ่งกันไปแอบ ตอนนั้นมึนมืดมาก จึงกลัวกัน เลยแอบกันเป็นกลุ่มเลย 555+ โดนทีโดนหมด แต่ผมแอบออกมาซ่อนคนเดียว ไอ่กลุ่มเพื่อนผมที่แอบเป็นกลุ่มโดนโป้งหมด เหลือคนเดียวซึ่งแอบดูอยู่หลังต้นไม้ ไอ่เต๊ดแม่งหาผมไม่เจอแม่งเดินกลับไปนั่ง ไม่ยอมหา -*-(กวนตีนมาก) ผมจึงออกมา พูด เฮ้ย! มึงไม่หากูวะ แม่งบอก ขี้เกียจเล่นละไปเดินกันดีกว่า ก็เลยไปกันหมดเลย จากนั้นจึงเดินไปด้านซ้ายของวัดซึ่งมีเต๊นโรงอาหารอยู่ เดินออกไปทางซอยด้านซ้าย (ซึ่งออกนอกวัดไปแล้ว) เพื่อนผมคนนึงโทรศัพคุยกับแฟนอยู่ ชื่อไอ่ดรีม (มันทะเลาะกับแฟน) พวกผมเดินคุยกันเฮฮาไปเรื่อย จากนั้นผมมองไปด้านหลังมีหมาตัวนึงเดินตามมา น่ารักมาก ผมจึงพูด เฮ่ยมีหมาตามมาด้วยว่ะ พวกผมก็เดินไปเรื่อยเหมือนเดิน รอบบริเวณนอกวัดอ่ะเป็นวงวน พอเดินไปทางที่เป็น ทางจากที่เป็นปูนเริ่ม กลายเป็นดินแดงแล้ว ซึ่งเหมือนแถวบ้านนอก แล้วแอมซึ่งเป็นผู้หญิงคนเดียวในกลุ่มพูดว่า กลับกันเหอะ พวกผมก็เลยบอก เดินไปก่อนดิ เดียวมันคงวนเข้าวัดล่ะ ก็เลยเดินมากัน (หมาตัวนั้นยังเดินตามมาอยู่) พอเดินไปเรื่อย เป็นทางแยก2ทาง ซ้ายขวา เพื่อนผมบอกว่าขวาดีกว่า วัดอยู่ขวานะเว้ย ผมก็เลย เออๆ! เดินไปผมหันไปมองข้างหลัง หมาตัวนั้นมันหยุดเดินมองมาทางกลุ่มพวกผม แล้วมันก็ วิ่งกลับไป ผมเลยบอกว่า เฮ้ย หมามันกลับบ้านแล้วว่ะ 55+ พอเดินไปเรื่อยๆ มันมืดจนไม่เห็นทางแล้ว เห็นแต่หน้าเพื่อนๆ เพื่อนผมชื่อไอ้อุ่น เดินนำหน้า(เป็นนักเล่นกล้ามตัวอย่างควาย) ผมเดินข้างมันส่วนข้างหลังเป็นเพื่อนๆ เดินไปเรื่อยเห็นไอ่อุ่นหันไปมองทางด้านซ้ายมือของทาง ยกมือมาขวางอกผมไว้ ผมถามว่ามีไรวะ ทั้งกลุ่มหยุดเดิน เงียบกันหมด(ลมหายใจหยุดนิ่ง) แล้วอยู่ๆ ไอ่อุ่นหันมามองหน้าผม จากที่มืดๆ ผมเห็นหน้าไอ่อุ่น กลายเป็นสีเทา (หน้าซีด) แม่งบอก วิ่ง! แต่พูดเงียบๆ จากนั้นไอ่อุ่นวิ่งกลับไปด้านหลัง ซึ่งพวกผมไม่รู้เรื่องอะไร จึกทำไรไม่ถูกวิ่งตามมันไป รองเท้าแตะ กระจุยกระจาย หายหมด ทุกคน แล้วไอ่แอม ซึ่งวิ่งอยู่ด้านหน้าเพื่อนผมชื่อเต้ ไอ่แอมล้มลง(ล้มลงไปนอนเลย) ทั้งกลุ่มจึงวิ่งกลับมาดู มันร้องไห้ แลกยกไม่ขึ้น ทำยังไงก็ยกไม่ขึ้น ขนาดไอ่อุ่นซึ่งแรงยั่งกะควาย ยกไม่ขึ้น ผมจึงถอดพระของผมห้อยไว้ที่แอม จากนั้น จึงยกขึ้นได้ แล้วไอ่โต๊ดมองกลับไปทางเก่า แล้วยกมืดไหว้ ผมจึงไหว้ตาม แล้ววิ่งกลับมาที่ หอนอน ไอ้เหี้ยอุ่นวิ่งอย่างเร็ว หายไปไหนไม่รู้ พอไปส่งแอมแล้วจึงกลับมาที่หอผู้ชาย จึงหาไอ่อุ่น ผมพูด เฮ้ยไอ่อุ่นมึงอยู่ไหนวะ พอเดินเข้าห้องเจอมันนั่งตัวลีบอยู่มุมห้อง หน้าซีดขาวอย่างเห็นได้ชัด กูเดินเข้าไปถามมึงเจอไรวะ มันบอก มึงจำได้ป่ะที่กูยกมืดขวางมึงอ่ะ ผมพูด เออ! กูมองไปทางซ้าย แล้วต้นไม้มันขยับได้ แล้วมันก็ก้าวออกมายืนกลางถนน ไอ่เหี้ยกูเห็นเปรต จากนั้นไอ่โต๊ดพูดขึ้นมาว่า ไอ่สัสมันเป็นผู้หญิงนะเว้ย ผมจึงพูดมึงรู้ได้ไง ไอ่โต๊ดบอกว่า ผมมันยาวลงมาปิดหน้าอก แต่กูไม่กล้ามองหน้ามัน เรื่องนี้จึงได้ยินไปถึงเพื่อนต่างกลุ่มแม่งบอกจิงหรอวะ ทำเป็นไม่เชื่อ แม่งบอกถ้าจริงให้พามันไป ผมจึงพูดมึงก็ไปกันเองดิ มันจึงหาพวกแล้วเดินกันไป ไปประมาณครึ่งชั่วโมงได้ แล้วพวกมันก็กลับมา ตะโกนว่า สัส! ไม่เห็นมีเหี้ยไรเลย พวกผมจึง งง กัน จากนั้น ออกก็เดินออกมาดูดบุหรี่ตรงลาน หน้าหอนอน (ยืนกับไอ่เต้เพื่อนผม) ผมมองไปตรงเต๊นโรงอาหาร สิ่งที่ผมเห็นคือ เงาสีดำ สูงเท่าหอประชุม ตัวเป็นเหมือนแท่ง เป็นแท่ง ก้าวข้ามเต๊น โรงอาหาร ผมจึงดับบุหรี่ถามไอ่เต้ มึงเห็นป่ะ ไอ่เต้บอกเข้าห้องเหอะ จากนั้นจึงเข้านอนกัน พอเช้า อีกวันพวกผมจึงพูดกับแอม แอม บอก จำได้ป่ะที่เราชวนกลับตั้งแต่ทางแยกแล้ว เราเห็นเงาดำๆเดินตาม มาทางป่าด้านข้างอ่ะ ผมบอก จิงป่ะเนี่ย! แล้วแอมก็พูดขึ้นมาว่า มันเป็นผู้หญิงนะ(ซึ่งตรงกับไอ่โต๊ด) แล้วไอ่โต๊ดนั่งอยู่ข้างๆ ทำเป็นมอง แบบไม่เชื่อ แอมบอกกูเห็นมันผมยาวลงมา แต่ไม่เห็นหน้า แล้วเรื่องนี้ แม่งไปถึงพวกอาจารย์ ได้ไงไม่รู้ พวกปากหมาแม่งเยอะ พวกผมจึงโดนเรียกไป คุยกับเจ้าอาวาส ของวัด เขาจึงทำพิธีปัดรังควาน ให้ และถามเรื่องราว เขาบอกไปแถวนั้นน่ะ ไม่เจอน่ะแปลก แถวนั้นเป็นดงต้นตาลหนุ่ม เป็นสถานที่ ที่พวกหมอผีจากลาว จากเขมร จับเปรตไปเลี้ยงกัน เจ้าอาวาสก็พูดว่า เนี่ยเวลาทำวัดเช้าเสร็จประมาณ ตี4 ก็เดินออกมา ยังเจอยืนอยู่ในเขตวัดเลย ไม่มีหัวด้วย! จากนั้นผมก็กลับไปที่โรงเรียนกลายเป็นเรื่องดังในโรงเรียนเลยล่ะ คงได้ข้อคิดจากเรื่องนี้นะคับ....

ตายไปแล้วแต่ยังไม่รู้ตัว

หลายๆคนยังคงไม่ลืมเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ถล่มภาคใต้ เมื่อปลายปี 2547







ที่ผ่านมาเหตุการณ์ครั้งนี้นำความสูญเสีย ครั้งยิ่งใหญ่สู่ชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก....นับย้อนไป หลายๆคนคงจะเห็นความร่วมมือจากหลายๆฝ่าย ทั้งการกู้ศพที่หายไป หรือช่วยเหลือชาวบ้านที่ไม่มีที่อยู่...แต่เหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ณ ชายฝั่งหาดป่าตองก่อนจะมีการสวดส่งวิญญาณ ตอนนั้นเหตุการณ์พึ่งผ่านไปได้ประมาณสัก 1 อาทิตย์ ทางราชการก็ยังไม่หยุดค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งส่วนมากทหารและตำรวจที่ถูกเกณฑ์ให้ไปช่วยในกรณีนี่ทั้งสิ้นอาของดิฉันเป็นตำรวจอยู่ที่พังงา ก็ได้รับเลือกให้ไปประจำอยู่ที่ศูนย์ค้นหาผู้สูญหายที่หาดป่าตอง และคืนนั้นได้ไปกางเต้นท์นอนอยู่ที่ริมหาดป่าตอง อาของดิฉันเล่าให้ฟังว่า ไม่รู้ว่านอนหลับไปได้นานแค่ไหนเนื่องจากเหนื่อยจากการค้นหาผู้สูญหายมารู้สึกตัวอีกทีก็ค่าอนข้างดึกแล้ว..เนื่องจาก เต้นท์ที่นอนได้ถูกแรงเขย่าจนเต้นท์สั่นไปทั้งหลัง โคลงเริ่มไหวเหมือนจะพังลงมาแล้ว อาก็นึว่าเพื่อนแกล้ง เลยตะโกนออกไปว่า จะนอนแล้วเหนื่อยนะ ไปไกลๆเลย อะไรประมาณนี้ อาก็พลิกตัวไปอีกข้างหนึ่ง ก็ลืมตาขึ้นมาเห็นเป็นเงา ผู้หญิงกำลังนั่งก่อปราสาททรายอยู่ ก็นึกในใจว่าใครมาเล่นทรายตอนนี้ แต่พอคิดอีกทีนึงก็เริ่มกลัว เพราะว่า คิดได้ว่าไม่น่าจะมีใครมานั่งเล่นแบบนี้ สักพักก็มีความรู้สึกว่าเต้นท์สั่นอีกแล้ว ถึงตอนนี้ก็เริ่มกลัวและจะวิ่งออกไปที่กองกลางเต้นท์ใหญ่...พอออกมาจากเต้นท์ได้เท่านั้นแหล่ะ จะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าภาพที่เห็นตรงหน้าอาของดิฉันคือ ภาพของชาวต่างชาติ นับหลายสิบคน กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่อย่างสนุกสนาน บางคนก็นอนอาบแดดอยู่เต็มชายหาดเลย อาของดิฉันไม่รอช้า รีบวิ่งไปที่กองกลาง พอหันกลับมาอีกครั้งก็ไม่เห็นใครเลย..............นับว่าเป็นอีกเหตุการณ์หนึง ที่น่าสะพรึงกลัวและน่าสงสารมาก พวกเขาเหล่านั้นยังคงไม่รู้ตัวเองเลยว่าตัวเองตายไปแล้ว ยังคงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน และไม่รู้ว่าต้องอาบน้ำอยู่ที่แห่งนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน...ไปสู่สุคติเถิด......

เขาคือใคร????

สวัสดีพี่ๆชาวThe shock นะคะนู๋มีเรื่องจะเล่าคะเมื่อตอนที่นู๋อยู่ต่างจังหวัดนั้น



จะมีแต่เรื่องผีๆเข้ามาเสมอก้อเขาบอกว่าบ้านนุ้ยนะตอนกลางคืนมักจะมีใครกันไม่รู้มายืนอยู่หน้าบ้านเวลาประมาณตี1-ตี4ทุกคืน



ผู้หญิงคนนั้นไม่มีใครเห็นหน้าเขาเลยมีคนมาถามนู๋ๆก้อไม่รู้จะบอกว่าใครเพราะนู๋ไม่รู้จักจนวันหนึ่งขณะที่นอนอยู่เวลาประมาณตี2เกิดปวดฉี่ขึ้นมาก้อไปเข้าห้องน้ำด้วยอาการที่ตื่นใหม่ตาจะมัวเกิดมองไปที่หน้าบ้านเห็นผู้หญิงอย่างที่เขาบอกกันนู๋รู้สึกขนลุกมาในเวลานั้นเพราะขาขยับไม่ไดเลยและผู้หญิงคนนั้นก้อหายตัวไปเลยไม่เคยเจออีกเลยและทุกคนที่เจอเขาก้อไม่เจออีกเป็นต้นมานู๋ยังงงอยู่นะคะว่าเขาเป็นใครกันหายตัวได้ด้วย

หน้าต่างห้ามปิด

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อตอนผมอยู่ชั้น ป.6 ในโรงเรียนอนุบาลที่ผมศึกษาอยู่เมื่อหลายปีที่แล้ว ห้องเรียนของผมอยู่ชั้น 3 ของโรงเรียนวันนั้นผมลืมของที่โรงเรียนผมเลยกลับมาเอาของที่ห้องเรียน ผมเห็นหน้าต่างบานหนึ่งไม่ได้ปิด ผมก็ไปปิด และหลังจากนั้นก็เอาของที่ลืมไว้ลงมา ผมกำลังจะออกจากโรงเรียนกลับบ้าน แต่เมื่อผมชะเง้อขึ้นมองที่ห้องก็เห็นหน้าต่างเปิดอีกครั้งทั้งๆที่ผมปิดหน้าต่างแล้วและใส่กลอนแล้วด้วยแต่มันกลับเปิดได้เอง ที่จริงไม่มีคนอยู่แม้แต่พาลโรง ก็กลับบ้านกันหมดแล้ว ผมเลยคิดว่าเป็นผี เพราะผมใส่กลอนไว้แล้วแต่หน้าต่างกลับเปิดได้เองเพราะเมื่อไม่นานมีข่าวแพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนว่ามีอาจารย์ท่านหนึ่งเสียชีวิต ตอนมีชีวิตท่านชอบมาเดินตามห้องตอนเย็น ผมเลยคิดว่าเป็นอาจารย์ก็ได้

วิญญาณ..ฝรั่งที่โดนสึนามิ ณ หาดป่าตอง

ตายไปแล้วแต่ยังไม่รู้ตัว



หลายๆคนยังคงไม่ลืมเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ถล่มภาคใต้ เมื่อปลายปี 2547 ที่ผ่านมาเหตุการณ์ครั้งนี้นำความสูญเสีย ครั้งยิ่งใหญ่สู่ชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างมาก....



นับย้อนไป หลายๆคนคงจะเห็นความร่วมมือจากหลายๆฝ่าย ทั้งการกู้ศพที่หายไป หรือช่วยเหลือชาวบ้านที่ไม่มีที่อยู่...



แต่เหตุการณ์ที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้น ณ ชายฝั่งหาดป่าตอง



ก่อนจะมีการสวดส่งวิญญาณ ตอนนั้นเหตุการณ์พึ่งผ่านไปได้ประมาณสัก 1 อาทิตย์ ทางราชการก็ยังไม่หยุดค้นหาผู้สูญหาย ซึ่งส่วนมากทหารและตำรวจที่ถูกเกณฑ์ให้ไปช่วยในกรณีนี่ทั้งสิ้น



อาของดิฉันเป็นตำรวจอยู่ที่พังงา ก็ได้รับเลือกให้ไปประจำอยู่ที่ศูนย์ค้นหาผู้สูญหายที่หาดป่าตอง และคืนนั้นได้ไปกางเต้นท์นอนอยู่ที่ริมหาดป่าตอง อาของดิฉันเล่าให้ฟังว่า ไม่รู้ว่านอนหลับไปได้นานแค่ไหนเนื่องจากเหนื่อยจากการค้นหาผู้สูญหาย



มารู้สึกตัวอีกทีก็ค่าอนข้างดึกแล้ว..เนื่องจาก เต้นท์ที่นอนได้ถูกแรงเขย่าจนเต้นท์สั่นไปทั้งหลัง โคลงเริ่มไหวเหมือนจะพังลงมาแล้ว อาก็นึว่าเพื่อนแกล้ง เลยตะโกนออกไปว่า จะนอนแล้วเหนื่อยนะ ไปไกลๆเลย อะไรประมาณนี้ อาก็พลิกตัวไปอีกข้างหนึ่ง ก็ลืมตาขึ้นมาเห็นเป็นเงา ผู้หญิงกำลังนั่งก่อปราสาททรายอยู่ ก็นึกในใจว่าใครมาเล่นทรายตอนนี้ แต่พอคิดอีกทีนึงก็เริ่มกลัว เพราะว่า คิดได้ว่าไม่น่าจะมีใครมานั่งเล่นแบบนี้ สักพักก็มีความรู้สึกว่าเต้นท์สั่นอีกแล้ว ถึงตอนนี้ก็เริ่มกลัวและจะวิ่งออกไปที่กองกลางเต้นท์ใหญ่...



พอออกมาจากเต้นท์ได้เท่านั้นแหล่ะ จะเชื่อหรือไม่เชื่อว่าภาพที่เห็นตรงหน้าอาของดิฉันคือ ภาพของชาวต่างชาติ นับหลายสิบคน กำลังเล่นน้ำทะเลอยู่อย่างสนุกสนาน บางคนก็นอนอาบแดดอยู่เต็มชายหาดเลย อาของดิฉันไม่รอช้า รีบวิ่งไปที่กองกลาง พอหันกลับมาอีกครั้งก็ไม่เห็นใครเลย..........



....นับว่าเป็นอีกเหตุการณ์หนึง ที่น่าสะพรึงกลัวและน่าสงสารมาก พวกเขาเหล่านั้นยังคงไม่รู้ตัวเองเลยว่าตัวเองตายไปแล้ว ยังคงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน และไม่รู้ว่าต้องอาบน้ำอยู่ที่แห่งนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน...ไปสู่สุคติเถิด......

ใครอยู่ในบ้านอาแปะ

สวัสดีครับพี่ๆทุกคน



ผมมีเรื่องมาเล่าอีกแล้วเริ่มเลยแล้วกันนะครับ



ต้องขอบอกก่อนนะครับว่าผมทำงานกลางเวลานอนก็มักจะเป็นตอนเช้า เพราะบางทีก็ไปเตะบอลกับพวกพี่ๆที่ร้านบางครั้งก็นั่งเล่นเกมส์ถึงเช้าแล้วที่ผมจะเล่านี้ต้องบอกก่อนนะครับว่าเกิดขึ้นจริงเกิดขึ้นกับคนที่อาศัยบริเวณบ้านผมนะครับ



เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันนี้เองครับคือว่าคนแถวห้องเช่าผมเพิ่งตายได้ประมาณ1อาทิตย์แล้วอ่ะคือว่าตามที่คนโบราณเขาว่าคนตาย3วันจะกลับบ้านอ่ะครับคือว่าพออาแปะแกตายได้3วันแกกลับมาบ้านแล้วที่นี้คนแถวบ้านผมเขาเจอคือแกได้กลิ่นเหม็นเน่าอ่ะครับแกก็รู้เลยว่าอาแปะแกกลับมาบ้านแกมาเล่าให้ผมฟังผมก็บอกว่าผมเข้าบ้านตอนเช้าตลอดด้วยความที่ผมกลัวอ่ะครับ



ที่นี้เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาอ่ะตอนผมนอนตอนบ่ายผมได้ยินเสียงแว่วว่าเป็นเพลงที่อาแปะแกชอบเปิดคือแกชอบฟังเพลงจีนเป็นเหมือนเพลงงิ้วอ่ะครับพอตกดึกป้าคนเดิมที่แกได้กลิ่นเหม็นเน่านั้นแกได้กลิ่นอีกและนานมากด้วยครับพอกลิ่นหายนานมากๆรถที่เก็บขยะถึงมาซึ่งแกบอกว่าไม่ใช้กลิ่นขยะแน่นอนพอเช้าผมเข้าบ้านเพื่อจะนอนนั้นผมเดินผ่านหน้าห้องอาแปะได้ยินเสียงเหมือนมีคนเดินอยู่ด้านในซึ่งห้องนี้ตั้งแต่อาแปะเสียปิดล็อกมาตลอด



นี่ก็ปาเข้า1อาทิตย์กว่าผมยังคงไม่กล้าเข้าบ้านนอนตอนร้านเลิกเลยครับผมพยายามหาคำตอบให้ตัวเองว่าเสียงคนเดินลากเท้าในห้องอาแปะนั้นมันเป็นเสียงของอะไรกันแน่

อยากเจอไปอุตรดิตถ์

เป็นเรื่องของพี่สาวเจอมาค่ะ



พี่สาวเป็นคนผมยาวมากแต่แปลกที่ไปบ้านญาติที่อุตรดิตถ์ในหมู่บ้านที่ป้าอยู่มีแต่คนผมสั้น ยังไม่ได้เอะใจอะไร



จนลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งเป็นผู้หญิงผมยาวเหมือนกันเป็นคนท้องถิ่นแต่พึ่งกลับไปเที่ยวอุตรดิตถ์พร้อมกัน ตอนเย็นเด็กและเพื่อนบ้านชวนไปเล่นนำที่เขื่อน เลยขับรถมอไซด์ไปแต่ที่เขื่อนมีคนเล่นเยอะเลยไม่เล่นชวนกันไปเล่นคลองเล็ก ๆใกล้ ๆ 2 คน เป็นเวลา 6โมงเย็น ลงไปเล่นสักพักเหมือนมีคนเอามือมาถูกขาเลยชวนกันเลิกเล่นโดยพึ่งเห็นว่ารอบข้างคลองนั้นมีแต่ศาลพังมาทิ้งเต็มไปหมด



พอกลับถึงบ้านก็มึดป้าถามว่าไปไหนมาพอรู้ว่าไปเล่นคลองนั้นป้าตีและด่าเสียงดังบอกว่าทีหลัง อย่าไปอีก ตกกลางคืนพี่สาวฝันว่ามีผู้หญิงผมยาวติดดินมายืนเรียกหน้าหัวกะได แล้วบอกว่าเดี๋ยวจะพาไปดูอะไร ในฝันพี่บอกว่าไม่ไปเดี๋ยวป้าตี เขาบอกว่าไปเถอะพี่จึงเดินลงบันไดตามไปเขาพาไปที่คลองที่เล่นน้ำนั้นแล้วลงหายไปตื่นมาเล่าให้ป้าฟังป้าบอกเขาจะเอาผู้หญิงผมยาวไปรับช่วงต่อเนื่องจากเฝ้าคลองนี้มานานแล้ว

ผีโรงเรียนแห่งหนึ่งแถวจรัญ

ตอนนั้นผมอยู่ ม.1 ผมมีเพื่อนอยู่ ม.3 กลุ่ม นึง



วันนั้น เป็น งาน ราตรี ของโรงเรียน



พวกผมนัดกันจะไปตี กัน ที่ชั้น 4 กับ ม.2 พวกของผมกำลังเดินขึ้นปัยหา คู่อริที่ชั้น 4 ตอนที่เดินขึ้นชั้นหนึงผมเจอผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาถามผมว่า ของน้ำไปทางไหนค่ะผมก็เลยบอกว่าลงปัยข้างล่างครับ แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เลยบอกผมว่าขอบคุณค่ะ แล้วเขาก็เดินลงไปพอถึงชั้น 2 ผมกับเพื่อนก็เจอผู้หญิงคนนั้นอีกถามแบบเดิม





ผมก็เลยบอกเขาว่า พี่แกล้งบ้าป่าวเนี่ย ผมบอกแล้วไงว่าอยู่ข้างล่างผู้หญิงคนนั้นก็มองหน้าผมแบบโกรธ ผมก็เลยมองหน้าเขากลับ

แล้วเขาก็เดินไปลงไป พอถึงชั้น 3 ผมก็เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินอยู่ที่ ระเบียง อาคารประถม ผมก็ งง อยู่ว่า



ผมบอกเขาไปว่าอยู่ข้างล่างแล้วเขาจะเดินไปอาคารประถม ทำไม พอถึงชั้น 4 พวกผมเจอกับ คู่อริก็วิ่งเข้าใส่กัน สักพัก ทีนี้ฝั่งคู่อริ คนนึง ดึงมีดออกมาจาก กระเป๋านักเรียน เป็น มีดหัวตัด แล้ววิ่งเข้ามาทางผม ซึ่งตอนนั้นผมตกใจมากผมจึงวิ่งขึ้นไป บนชั้น 5 ซึ่งเป็นชั้นที่ครูใช้ประชุม ผมวิ่งเขาไปในห้องประชุม ไปยืนอยู่หลัง พระองค์ใหญ่ พอผมหันหน้าออกมาดูผมก็เห็นผู้หญิงคนนั้น ทำถ้า เหมือนจะผูกคอตาย



ผมเลยตระโกนแล้ววิ่งเข้าไป หา ผู้หญิงคนนั้น พร้อมดึงเขาลงมา พอเขาหันหน้าลงผมก็ได้เห็น หน้าเขา มีแผลเต็ม ไปหมด ผมตกใจมากแล้วมีภารโรงคนหนึ่งเดินเข้ามาเห็นผมพอดี ผมเลยเล่าให้ภารโรงฟังว่าเคยมีผู้หญิงผูกคอตาย บนชั้นนั้น พอสอบเสร็จผมเลยลา ออก



จบ โรงเรียนนั้นคือ S.S.W

ตำนานเรือนจำ

สวัดดีค่าพี่ๆทีมงาน the shock ทุกคน



หนูเป็นคนหนึ่งที่ติดตามรายการมานานคะ สิบเอ็ดปีเห็นจะได้



พอดีหนูได้ฟังเทปย้อนหลังของวันอาทิตย์ที่ผ่านมาค่ะ เรื่องที่มีพี่เค้ามาเล่าเรื่องในเรือนจำที่หนึ่งอะค่ะ



แล้วก็มีข้อสงสัยกันที่ว่าทำไมผู้ที่เสียชีวิตในเรือนจำหรือห้องขังถึงออกมาไม่ได้ต้องมีการประกาศการเป็นทัยหรือพ้นโทษก่อนจึงจะไปได้



คือหนูจำได้คว่าวๆว่าพ่อหนูเหล้าให้ฟังว่าคนที่มีโทษหรือทำผิดกฏหมายบ้านเมือง เมื่อถูกจับเข้าไปขังแล้วเขาจะพ้นโทษก็ต่อเมื่อเขาจะชดใช้จำตามที่โดนตัดสินจนหมด ถึงจะหลุดออกมาได้ ไม่ว่าจะตายเป็นผีแล้วก็ตามวิญญานจะถูกจองจำจนกว่าจะหมดสินถึงจะได้ไปผุดไปเกิดได้ค่ะ



ในคำสัตปติญานตอนให้การแก่ศาลตัดสินนั้นมีความศักด์สิธมาก เพราะเป็นการให้สัตสาบานกับสิ่งศักด์สิธและพระมหากษัตร ด้วย และในเรือนจำนั้นก่อนที่จะสร้างเรือนจำจะมีพิธีทางพราหม อยู่หนึ่งอย่างที่จะสะดกวิญญานที่มีความผิดจริงถึงตายก็ให้ชใช้กำจนกว่าจะครบถึงจะปล่อยให้ไปเกิดได้ค่ะ ส่วนคนใดไม่ผิดแต่ตายในคุกวิญญานจะเป็นอิสระค่ะ



ดังนั้นพี่ที่เค้าเจอวิญญานดวงนั้นก็เพราะว่าวิญญานเค้าไม่มีความผิดจึงติดต่อให้พี่เค้าเข้าไปรับออกมาได้ค่ะ เรื่องของหนูก็มีเท่านี้ค่ะ



ขอบคุณพี่ๆที่ช่วยอ่านค่ะ



ปล.แค่อยากเปล่าให้เพื่อนๆฟังกันถ้ามีตรงไหนที่ไม่ตรงกับข้อเท็ษจริงอยางไรก็ขออภัยด้วยนะค่ะ



จากน้องกระต่ายจอมแสบ

ใครว่า ตึกสร้างใหม่ ไม่มีผี เรื่องนี้ส่งมาจาก : tedd

เรื่องที่จะเล่าให้ฟังเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่เพื่อนของเราได้ประสบพบเจอกับตัวเอง ที่เล่าให้ฟังนี้ไม่ได้มีเจตนาจะให้ร้ายหรือลบหลู่ผู้ใดแต่อย่างไร จะเล่าให้ฟังเพื่อว่าเพื่อนๆที่ได้อ่านจะได้ระวังตัวเองหรือหาทางป้องกันกับสิ่งที่มองไม่เห็น



สมมุติให้เพื่อนของเราชื่อ เอ แล้วกัน



เอได้ไปเช่าอพาร์เม้นต์แห่งหนึ่งแถวห้วยขวาง ซึ่งเป็นอพาร์เม้นต์ใหม่ตกแต่งสวยงาม ราคาไม่แพง แต่หลังจากที่ไปอยู่ได้เกิดเหตุการณ์ต่างๆมากมาย แต่งช่วงแรกก็ยังไม่ใส่ใจมากนัก เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น อาจจะเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทั้วไป ไม่ว่าจะลิฟต์ค้า ไฟดับ ฯลฯ



จนกระทั่งวันหนึ่ง เอได้มาเล่าให้เราฟังว่า เอไม่ได้นอนมาหลายคืนแล้ว แต่จะพูดให้ถูกต้องก็คือไม่กล้านอนมากกว่า เราก็ถามว่าเป็นอะไร มีอะไรหรือป่าว พอเอเล่าให้ฟังเราก็อึ้งพูดไม่ออก (จริงๆแล้วไม่รู้จะพูดอะไรตังหาก) อึ้งไปเลย เพราะสิ่งที่เอเล่านั้นแทบไม่น่าเชื่อ ไม่เชื่อยังไงก็ต้องเชื่อเพราะว่า เอเล่าไปร้องไห้ไป เอคงไม่ได้แต่งเรื่องหรอก เอเล่าให้ฟังว่าโดนผีขมขืน เป็นคุณจะพูดยังไงหละ โดนแทบทุกคืนจนไม่ได้นอน หรือใครจะกล้านอนหละ เป็นคุณจะกล้านอนหรือป่าวหละ



หลังจากที่เอเล่าให้ฟัง เราก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเลยพาไปหาร่างทรง เผื่อว่าจะช่วยเหลือหรือ หาทางออกอะไรได้บ้าง พอไปแล้วก็ยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ ร่างทรงได้บอกว่า เอทนอยู่เข้าไปได้อย่างไรตั้งเดือน แล้วแนะนำให้ย้ายออกทันที เพราะตึกนี้มีแต่ผีอยู่เต็มไปหมดทั้งตึก แถมยังเป็นผีลามกอีกด้วย พระ เทวดา หรือแม้กระทั่งพระภูมิยังไม่อยู่เลย แล้วร่างทรงยังได้บอกเออีกว่า เวลาเออาบน้ำผียังมายืนมองเลย ไม่ใช่เอจะโดนข่มขืนเท่านั้น บางคืนยังโดนรุมโทรมเลยด้วยซ้ำ เอฟังทั้งน้ำตาและยอมรับตามนั้น ตอนแรกว่าจะอยู่ให้ครบสัญญาก่อนแล้วค่อยย้ายเพราะเสียดายเงินมัดจำ แต่ได้ยินยังนี้ก็ต้องย้ายออกเลยตอนนั้น แล้วค่อยเข้าไปเก็บของ



เวลาไปเก็บของก็ต้องไปตอนเช้าหรือกลางวัน พูดง่ายๆก็คือเวลาที่มีแสงสว่าง ถ้าเข้าไปตอนกลางวันแต่ท้องฟ้ามืดคลึ้มคุณก็จะเจอทุกเหตุการณ์เหมือนตอนกลางคืนเช่นกัน

เอาเป็นว่าวันที่เอเข้าไปเก็บของนั้น ผู้จัดการตึกเขาก็เข้ามาถามถึงสาเหตุที่ย้ายออก เอก็ได้เล่าให้ฟัง และสิ่งที่เอได้ยินก็ยิ่งทำให้ประหลาดใจเพราะ ผู้จัดการตึกเขาบอกว่ามีผู้เช่าหลายคนแล้วย้ายออกกะทันหันแบบนี้หลายคนก่อนหน้าเอมาแล้ว ทั้งลายล่าสุดก็เป็นกระเทยซึ่งย้ายออกไปเมื่อคืนนี้เอง ผู้จัดการเขาไม่ประสบกับตัวเองเพราะเขาไม่ได้นอนที่ตึกนี้ เขาก็ได้แต่รับฟัง แต่เราไม่เข้าใจอย่างนึงว่าเจ้าของตึกเขาไม่คิดจะทำอะไรบ้างหรืออย่างไร





เอาเป็นว่าเรื่องนี้เป็นประสบการณ์หนึงที่เราได้เล่าให้เพื่อนๆฟัง เพื่อว่าจะได้เข้าใจใหม่ว่าผีไม่ได้อยู่แต่ตามที่รกร้างเท่านั้น ตึกสร้างใหม่ เราก็พบเจอผีเฮี้ยนได้เช่นกัน เวลาจะเข้าไปพักที่ใดก็ให้ระวังกับสิ่งที่มองไม่เห็นด้วยแล้วกัน

ชื่อเหมือน...

สวัสดีคะพี่ๆทีมงานทุกท่าน โบว์เคยแต่ฟังเรื่องจากคนอื่น ครั้งนี้ขอมาบอกเล่าประสบการณ์ของตัวเองบ้าง

เมื่อตอนที่ยังเรียนอยู่มัธยมศึกษา ได้มีประสบการณ์หลายอย่างทีเดียว

เริ่มกันเลยดีกว่าคะ



เนื่องจากที่ตั้งของโรงเรียนเคยเป็นสนามรบเก่า ก็ย่อมจะต้องมีการเสียชีวิตเกิดขึ้นบริเวณนั้นมากมาย เคยมีคนหลายคนที่เจอคะ มีทั้งเจอคนเดียวและเจอเป็นหมู่คณะ



เรื่องมีอยู่ว่ามีการจัดกีฬาสีของโรงเรียนขึ้น ซึ้งแน่นอนว่าจะต้องมีการกลับกันเย็นกว่าปกติวันนั้นเป็นคืนสุดท้าย

ก่อนที่จะแข่งขันกีฬา

พวกโบว์ก็อยู่กันทำป้ายของกีฬาสี จัดของ เตรียมงานต่างๆ ส่วนใครที่มีหน้าที่รับผิดชอบพรุ่งนี้ก็จะไปนอนที่หลังห้องเรียน คือว่าทำเรื่องขออยู่ที่ห้องเรียนกันอะคะ ใครที่จัดของทำป้ายก็จะอยู่หน้าห้องกับที่ระเบียง ส่วนคนที่จะต้องทำงานตอนเช้าก็จะนอนอยู่หลังห้อง อยู่เป็นเพื่อนกันนั้นเอง

โบว์มีหน้าที่รับผิดชอบงานพรุ่งนี้เช้าแต่ว่าเกิดนอนไม่หลับ เนื่องจากแปลกที่ก็เลยมาช่วยเพื่อนๆจัดของอยู่หน้าห้อง ตัวโบว์นั่งทำงานอยู่หน้าห้อง แต่ได้ยินเพื่อนที่อยู่หลังห้องเรียกก็เกิดความสงสัย

เพราะเพื่อนเรียกว่า โบว์ๆตื่นๆไปห้องน้ำเป็นเพือนเราหน่อย โบว์ก็แปลกใจว่าเพื่อนปลุกใครก้เรานั้งอยู่นี้ หลังห้องจะมีเพือนนอนอยู่ประมาณ 15 คนอะคะ เพื่อนผู้หญิง 10 คน ผู้ชาย 5 คน ดิฉันนอนตรงกลางระหว่างเพื่อน ผู้ชายกับเพื่อนผู้หญิง ถ้าเรียกผิดไม่หน้าเป็นไปได้เพราะว่า ผู้ชายกับผู้หญิงลักษณะ

ไม่เหมือนกันซักเท่าไหร่ ก็เลยว่าจะเดินไปดุ หรือเพื่อนที่ทำงานอยู่เกิดง่วงเลยไปนอนที่โบว์ เพราะว่าปูที่นอนไว้แค่ 1 แถว หลังห้องเรียน คงพอคิดกันออกว่าไม่ได้กว้างมากมายซักเท่าไหร่นัก นอนกัน 15 คนก็พอไหว ถ้ามากกว่านั้นก็ได้แต่คงต้องเบียดกัน ทีนี้ก็เลยชวนเพื่อนอีก 1 คนเดินไปด้วยกันปรากฏว่าเพื่อนคนที่เรียกโบว์นั้นลุกขึ้นมาพอดี ก็ตกใจเพราะว่าเค้าคิดว่าโบว์นอนอยู่แล้วโบว์ไปอยู่หน้าห้องได้ไง

พอเพื่อนมองกลับไปข้างๆก้ไม่มีใครแล้วจึงเกิดคำถามคาใจว่าแล้วที่มานอนข้างๆ

นั้นใครกันแน่เป็นใครเจอแบบนี้ก็คงตาสว่งอะคะ เพื่อนคนนั้นไปเข้าห้องน้ำแล้วก็มานั้งอยู่กับโบว์ไม่ได้นอนไม่ได้บอกคนอื่น

เอาเป็นว่ารู้กัน 3 คน กลัวเพื่อนจะกลัวกันหมด หลังจากที่ทำป้ายแล้วก็ต้องนำไปติดใช้ไหมคะ ด้วยความที่ไม่อยากจะอยู่ที่ห้องก็เลยขอไปติดป้ายกลับเพื่อนผู้ชายคะ

ส่วนเพื่อนผู้หญิงคนอื่นได้เข้าไปนอนกันแล้ว พวกเพื่อนบอกว่าจะไปทำไม่ พวกผู้ชายบอกว่าไปติดแล้วก็ต้องไปนอนเฝ้านะ ยุงก็เยอะ โบว์ก็บอกว่าไม่เป็นไรนอนไม่หลับแล้วอยู่ที่ห้องจะกวนเพื่อน

เพื่อนผู้ชายก็ตกลงบอกว่าถ้าง่วงจะพามาส่งที่ห้อง อารมณ์นั้นถึงง่วงก็คงไม่กลับคะ ขอนอนให้ยุงหามดีกว่า ขณะที่เดินมาโบว์รู้สึกเหมือนมีคนตามมาคะ

คือว่ามันมืดมองกลับไปเหมือนมีคนเดินตามมา

จะบอกให้เพือนรอก็คงไม่ดีเพราะแบกป้ายกันหนักมาก ก็เลยถามเพือนอีก 2 คนว่าเหมือนมีคนตามมา เพื่อนก็บอกว่ารู้สึกเหมือนกัน ในตอนนั้นเกิดอาการเย็นหลังวาบๆยังไงแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร

พอไปถึงที่ก็ติดป้ายเสร็จ เพือนผู้ชายเอาน้ำกระป๋องมาให้กิน แต่ที่หน้าแปลกใจคือหยิบมาให้ 4 กระป๋อง งงสิคะเรามา 3 คนทำไมหยิบมาให้ 4 ทีแรกคิดว่าเพื่อนจะแกล้งอำ แต่เพื่อนบอกว่าไม่ได้อำ เอาไปให้เพือนของโบว์อีก คนด้วย โบว์ก็ถามว่าไหนๆ เพื่อนก็ชี้ไปข้สงหลังโบว์ ในใจรู้สึกแปลกๆ พอหันไปเท่านั้นเพื่อนคนที่นอนอยู่ข้างโบว์กระตุกแขนโบว์แล้วบอกว่า

นี้ไงที่นอนข้างเพือนแล้วเพื่อนคิดว่าเป็นโบว์ ใจหายเลยตอนนั้น

เลยเดินไปหาเพราะคิดว่าเห็นตั้งหลายคน คงเป็นเพื่อนๆ เมื่อเดินไปก็ต้องใจหายยิ่งกว่า เพราะว่าคนๆนั้นโบกมือบายๆแล้วหายไปต่อหน้าเลย

แต่เพื่อนผู้ชายไม่เห็นเพราะกำลังเก็บของกันอยู่ พวกโบว์ยืนอึ้ง แต่ยังไม่ได้พูดอะไร เพื่อนผู้ชายก็ทักว่าอ้าวเพือนโบว์ไปไหนแล้ว นาทีนั้นอยากจะกรี๊ด แล้วบอกว่าไม่ใช่เพื่อนฉัน แต่ก็ยังกลัวเพื่อนจะตกใจเลยบอกว่ากลับไปแล้ว ทีนี้โบว์เลยอยู่กับเพื่อนที่เฝ้าป้ายถึงประมาณ ตี5ต้องกลับไปอาบน้ำเพื่อที่จะได้แต่งตัว มาทำหน้าที่ในตอนเช้า แต่รู้สึกไม่อยากกลับเลยยังกลัวๆอยู่เลย พอกลับไปก็เริ่มมีเพื่อนๆตื่นมาอาบน้ำแล้ว มีเพื่อนถามว่าเมื่อคืนเป็นไรกันเห็นอยู่ในห้องน้ำนานมากๆไม่ออกมาซักที

ก็เลยถามว่าตอนไหนเพือนบอกว่าตี 3 ได้โบว์แทบช็อกเป็นเวลาเดียวกลับที

โบว์เห็นคนหายไป ก็เลยถามว่ารู้ได้ไงว่าเป็นโบว์ เพื่อนบอกว่าก็ถามไงเห็นไม่ได้นอนที่ห้อง แล้วโบว์ถามว่าโบว์ตอบเหรอว่าอยู่ในห้องน้ำ เพื่อนบอกว่าใช้ เพื่อนถามว่าโบว์อยู่ในห้องน้ำนี้หรือป่าว โบว์ก็ตอบว่าอยู่เพื่อนถามว่าทำไมไม่ไปนอน โบว์บอกว่าไม่มีที่นอนแล้ว เพื่อนบอกว่าไปนอนเถอะนอนได้ โบว์บอกว่าเดี๋ยวตามไปแล้วก็ไม่เห็นมา

พอต้องเช้าตื่นมาเลยรู้ว่าพวกโบว์ 3 คนหายไป



พอหลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับรู้เรื่องราวที่ทำให้กระจ่างว่า

เพราะอะไรพวกเราจึงโดนหลอกกัน คงจะเป็นกันทุกคนนะคะที่มีฉายาในหมู่เพื่อนทีนี้ฉายาของโบว์ที่เพื่อนเรียกกันนะ

ไปตรงกับจะเรียกว่าเจ้าที่หรือว่าเจ้าของตึกก็ได้ เพราะตึกที่ว่าเป็นอาคารอนุรักษ์

เป็นตึกไม้นั้นเอง ฉายาของโบว์ก็คือสายหยุดคะ พอกีฬาสีจบลงทุกคนก็ได้รับรู้ว่่าควรจะเปลี่ยนฉายาให้โบว์ใหม่เพราะไม่มีใครกล้าเรียกอีกเลย



ไม่รู้ว่าเรื่องที่นำมาฝากหน้ากลัวพอหรือป่าวนะคะ ไว้ว่างๆจะมาเล่าให้ฟังใหม่คะ อาจจะยาวไปซักนิดนะคะ

มันตัวอะไรกันนี่

สวัสดีครับพี่ๆทีมงานและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน ผมมีประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องที่ผมเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่ามันคืออะไรกันแน่มาเล่าให้ฟังครับ ก่อนเล่าผมขอออกตัวก่อนนะว่าผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องราวพวกนี้เท่าไหร่(ถึงจะเคยเห็นมาแล้วก็เถอะ) ส่วนใหญ่ผมจะหาคำตอบทางวิทยาศาสตร์ให้ตัวเองเสมอ แต่เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้มันเกินที่ผมจะหาคำตอบจริงๆ ขอเริ่มเลยนะครับ เมื่อประมาณ6ปีที่ผ่านมา ผมได้อาศัยอยู่ที่บ้านพักครูแห่งหนึ่งเพราะแม่ผมเป็นครูที่โรงเรียนนี้ (โรงเรียนวัดอยู่แถวๆท่าน้ำพระประแดงฝั่งปู่เจ้า) โดยบ้านพักครูได้ปลูกอยู่ในภายในบริเวณรั้วโรงเรียน ซึ่งจากคำบอกเล่าต่อๆกันมาเขาว่าบ้านพักครูในโรงเรียนสร้างบนป่าช้าวัดเก่า ผมอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็กมาจนโตเป็นหนุ่มได้เห็นในสิ่งแปลกๆมากมาย แต่ไม่ว่าครั้งไหนก็ไม่สยองเท่าครั้งที่ผมจะเล่าให้เพื่อนๆฟังครับ เรื่องเริ่มจากผมมีเรื่องที่จะต้องไปนอนค้างที่บ้านเพื่อน ทำให้แม่กับพี่สาวต้องนอนอยู่บ้านกันเพียงสองคน หลังจากวันรุ่งขึ้นผมกลับมาถึงบ้าน แม่ก็หน้าตื่นมาบอกผมว่าเมื่อคืนโดนผีหลอก มันมายืนจ้องอยู่ที่หน้าต่างบ้าน ผมก็เชื่อที่แม่เล่านะ เพราะไม่รู้แม่จะหลอกผมไปทำไม แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะอย่างที่ผมบอกผมไม่คอยสนใจเรื่องทำนองนี้อยู่แล้ว จนผ่านมาได้1อาทิตย์ ผมก็ได้ไปเที่ยวกลางคืนตามประสาวัยรุ่นทั่วไปกลับมาถึงบ้านก็ตี2พอดี โดยผมได้พาแฟนมานอนค้างที่บ้านด้วย หลังจากอาบน้ำเสร็จ ผมกับแฟนก็เข้านอน ผมหลับไปนานเท่าไหร่ก็ไม่ทราบมาตื่นอีกทีก็ตอนที่รู้สึกถึงอาการณ์แปลกๆของแฟนผม เขานอนตัวสั่นหลับตาร้องไห้อยู่ ผมจึงลุกขึ้นนั่งแล้วถามว่าเป็นอะไร แฟนผมไม่ตอบแต่ชี้นิ้วไปที่หน้าต่างห้อง(บ้านพักครูมีสองชั้นผมนอนชั้นสอง) คุณพระช่วย (นั่งพิมพ์ไปยังขนลุกไปอยู่เลยนะนี่) สิ่งที่ผมเห็นอยู่ที่หน้าต่างมันเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ ตัวเหมือนคนแต่ตัวเล็ก หัวไม่มีผม ไม่มีจมูก ไม่มีหู(หรืออาจจะมีผมมองไม่ถนัด) แต่ดวงตาที่มองมายังผมมันเหมือนกับไข่ไก่ยังไงยังงั้นเลยสีนี้แดงสดเหมือนเลือด มองแล้วคล้ายกับดวงตาของอุลตร้าแมนในทีวีเลย ผมกลัวมากจนทำอะไรไม่ถูก มันยืนมองอย่างเดียวไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวแม้แต่นิดเดียว เป็นเวลาหลายนาที จากความกลัวของผมก็เปลี่ยนเป็นความโกรธ ผมจึงลุกไปยืนตรงหน้ามัน เอามือตบมุ้งลวด แล้วก็พูดว่า ไป ไป ไปเลยนะ ตามด้วยคำหยาบต่างๆ เหมือนมันจะโกรธครับที่ผมไล่ มันขยับตัวเอามือแห่งๆยาวๆของมันมาดันมุ้งลวดใหญ่เลย มันพยายามจะเข้ามาในห้องให้ได้ ผมไม่รู้จะทำยังไง จึงรวบรวมความกล้าเอาสองมือผลักตัวมันซึ่งตอนนี้ตัวมันมาแนบติดอยู่กับมุ้งลวดแล้วอย่างเต็มแรง ได้ผมครับมันหลุดตกลงไปข้างล่างผมได้ยินเสียงตัวมันตกลงไปกระทบกับของข้างล่าง แต่ผมก็ไม่กล้าพอที่จะมองตามลงไปดูว่ามันยังอยู่ไหม พอดีกับที่แม่และพี่สาวผมได้ยินเสียงผมโวยวายจึงลุกขึ้นมาดู พอผมเล่าให้ฟังว่าเจออะไรเท่านั้นแหละครับ ทุกคนอัดกันมาอยู่ในห้องผมหมด แม่บอกว่าจากที่ผมเล่าให้ฟัง มันเป็นตัวเดียวกับที่แม่ผมเห็นเลยครับ น่ากลัวจริงๆ จนถึงบัดนี้ผมก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่ามันเป็นตัวอะไร จะเป็นผี สัตว์ประหลาด หรือมนุษย์ต่างดาวผมก็ไม่อาจทราบได้ เพื่อนๆละครับ คิดว่ามันเป็นตัวอะไร จะเกี่ยวข้องกับที่บ้านพักครูไปปลูกอยู่บนป่าช้าเก่าหรือไม่ ถ้าพี่ๆทีมงานว่างขอเชิญไปลองพิสูจน์นะครับ โรงเรียนนี้ตอนกลางคืนน่ากลัวที่สุดเลย เคยมีวัยรุ่นเขาไปลองของตอนกลางคืนแล้วเพี้ยนไปเลยก็มี อยู่แถวพระประแดงครับ

ผีนักโทษ...ใช่หรือไม่

เรื่องมีอยู่ว่า...ที่ผมพักอาศัยอยู่มันเป็นแฟลตเรือนจำแห่งหนึ่งในกรุงเทพ



คืนนั้นผมนอนกับน้องชายและแม่ 3 คน (ขอบอกลักษณะตัวบ้านก่อน คือบ้านผมมันอยู่หัวมุมเพราะเป็นห้องแรกและห้องผมติดกับทางเดินจะมองเห็นแสงไฟจากหัวมุมได้ชัด)



เมื่อผมนอนได้สักพักฟังเพลงไปเรื่อยๆจนประมาณตีหนึ่งกว่าๆได้ ผมก็ได้ยินเสียงคนเดินลากเท้ามาซึ่งตอนนั้นผม น้องชายผม และแม่ยังไม่หลับกันเลย เมื่อผมได้ยินเสียงก็เลยนั่งดูลอดทางหน้าต่างกับน้องชาย ภาพที่เห็นนั้นเป็นเงาร่างใหญ่ๆดำๆซึ่งเห็นชัดมากเพราะมีแสงไฟอยู่หัวมุม



แต่สิ่งที่ทำให้พวกเราขนลุก และอยากจะรู้ว่าเป็นใครก็คือเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นเสียงคนลากเท้ามีโซ่ตรวนลากยาวมาตามทาง มันเป็นเสียงที่ดังมาก พอผมปิดเพลงเสียงก็ยังดังอยู่และเสียงนั้นมันผ่านตัวห้องผมไปและก็ไปหยุดอยู่อีกห้องหนึ่งที่อยู่ข้างๆที่มีผู้คุมอาศัยอยู่และก็เงียบหายไป พอถึงตอนนั้นผมก็อยากจะลุกไปเปิดประตูดูว่าเป็นใครกัน แต่แม่ก็ได้ห้ามไว้ และบอกว่าอย่าออกไปหรือทักอะไรทั้งนั้น.........จนทุกวันนี้ผมก็ยังสงสัยอยู่ว่าสิ่งที่เห็นและได้ยินมันคืออะไรกัน

ประการที่เคยผีครั่งแรกในชิวิต

เมื่อ 8 ปี ที่ แล้ว ผมอายุได้ 15 เป็นชอบแข่งรถจักยานยนต์มาก แล้วตอนนั่นเองเป็นวัน เสาร์วันหยุดเพื่อนโทรหาผมจะมา หาที่ บ้านแถวอโศก-แดง นัดกัน ว่า เที่ยงคืนจะ ไป หาที่ บ้านไม่ ต้อง ไป แข่ง รถหลอกดืม เหล้า กัน ดีกว่า ผม ก็บอก ว่า ไม่ เช้าไม่กลับนะ เพื่อนผมก็ ว่าอืมแต่เพื่อน ผม นะ สิ ขับ รถ เร็วมากโดยที่ จะมาผมนั่นเองมาถึงบ้านแล้วแต่ไม่ เข้ามาแต่ตะโกนเรียกผมก็เลยบอกว่าเข้ามาสิมาถึงบ้านผม ประมาณ ห้าทุ่มเองแต่ไม่ คิด ไรก็ ไป ดืม กัน ที่ ดาดฟ้าดืมไป คุย ไป จนถึงเช้าแม่ ผม บอก ว่า โทร สับดั่งเลย ไป รับ แม่ เพื่อน ผม โทรมาบอ ก ว่าเมือ เพื่อน ผมตาย แล้วรถชนเมือ คืนนี้ เอง ผม เลย บอก แม่ ว่าลูกแม่ดืม กับผม ถึง เช่าแม่เลยร้องโฮ่มันตาย จริงๆ.......ผมเลยขนลุกมากเลยจนเป็น ไข้ขึ่นสูง เลย

กะลาตายโหง

ผมขอเล่าเลยละกันนะครับ มันเกิดกับตัวของผมและแม่และพี่อีกแต่พ่อผมไม่เจอเพราะท่านเป็นคนเอากะลามาจากปู่ ปู่บอกเป็นกะลาตายโหง ศักดิ์สิทธิ์มาก แล้วพ่อของผมก็เอาไปไว้ที่ห้องพระ

คืนแรกก็ไม่เท่าไรหรอกครับไม่ค่อยได้เจออะไร พอตกคืนที่2

พ่อของผมจะขึ้นนอนเร็วมาก2-3ทุ่มก็ขึ้นนอนแต่ผม พี่และแม่จะขึ้นกันดึกประมาณเที่ยงคืนถึงตี1พี่ผมเป็นคนได้เจอคนแรกเขาบอกกับผมมีเสียงคนเดินขึ้นเดินลงตรงบันไดและมีเสียงคนคุยกันในห้องครัว พอมาคืนที่3 แม่ผมนั่งดูหนังอยู่ก็ได้ยินเสียงคนทุบประตูน้าบ้าน

เหมือนจะพังเข้ามาในบ้านให้ได้แต่ไม่ได้เจอเป็นรูปเป็นร่าง แต่ผม นี่แหละที่ซวยที่สุดคืนที่4 แม่และพี่ผมเขาง่วงนอนเลยขึ้นไปนอน

ผมจึงอยู่ข้างล่างคนเดียวตอนนั้นผมดูรายการเป็นต่ออยู่เริ่มจะมีเสียงคนอาบน้ำชั้นล่างผมจึงเดินไปบิดกอนประตูแต่กลับล็อคแต่ในบ้านผมมีแค่4คน 3คนขึ้นไปนอนแล้วแต่ในห้องน้ำมีคนอาบน้ำอยู่ ตอนแรกผมคงไม่คิดอะไร คงจะมีพ่อลงมาอาบน้ำก็ได้มั้ง ขอใช้ครับไม่สุภาพนะครับ สักพักผมปวดฉี่จึงเดินไปที่ห้องน้ำผมก็ไม่เห็นคนอาบน้ำด้วยแต่ที่สงสัยคือพื้นทกำไมไม่เปียกเลยแห้งทุกซอกทุกมุมทั้งที่ได้ยินคนอาบน้ำ ผมก็เริ่มกลัวจึงไปดูหนังเป็นต่อเพื่อคลายเครียด

แต่ว่ามีคนวิ่งขึ้นวิ่งลงตรงบันไดเหมือนเดิม ผมจึงจะขึ้นนอนจึงไปอาบน้ำบ้านของผมจะเป็นห้องอาบน้ำ2ชั้นชั้นล่างกับชั้นบน ชั้นบนจะติดกับห้องนอนและห้องพระ พอผมกำลังจะเข้าห้องน้ำแม่ก็ออกมาตีหลังผมแล้วด่าว่ามาทุบประตูห้องนอนทำไมผมก็งง ผมจึงบอกแม่ผมขอโทษ ทั้งที่ผมไม่ได้ทำ ผมจึงอาบน้ำไปได้สักพัก คุณคิดดูสิ

ผมอาบกลับได้ยินเสียงทีวีเปิดแล้วเหมือนเสียงดังมากๆๆ แต่กลับไม่มีใครออกมาดูเลย ผมไม่กล้าลงไปดูจึงอยู่ในห้องน้ำประมาณครึ่งชั่วโมงได้มั้ง แล้วจึงรวมความกล้าออกไป พออกไปผมไม่เคยตาฝาดนะแต่ที่ผมเห็นคือ มีคนข้างล่าง4คนนั่งบนโซฟาเป็นเด็ก2คนกำลังกดทีวีเล่นส่วยอีก2คยจ้องมาที่ผมขณะนั้นผมไม่ได้ใส่กางเกงเลยวิ่งเข้าห้องนอนแต่ห้องที่ผมเข้าไปกลับเป็นพระ คนเจอยังงี้มะเจอมะรู้หนอกนะครับ ผมบอกได้เลยว่าผมร้องไห้เลย จนพ่อออกมาดู แล้วจึงใช้ธูปบอกกะลานั้นว่า ผมจะไม่ลบหลู่ท่านอีกแล้ว ผมจึงจำได้ว่า ตอนที่ไปจังหวัดหนึ่งผมเคยไปลบหลู่กะลานั้นว่า ของยังงี้ก็เหมือนมะพร้าวธรรมดา ช่วยไม่ได้หรอก



เรื่องของผมก็มีเท่านี้แหละครับขอขอบคุณผู้ที่อ่านเรื่องของนะครับ

สวัสดีครับ Ball

ผีได้จี้หลุม

ตอนประถมดิฉันได้เรียนที่โรงเรียนหนึ่งในจังหวัดแพร่ค่ะในโรงเรียนต่างจังหวัดจะมีวิชาเรียนอยู่วิชาหนึ่งค่ะชื่อว่าวิชาเกษตรกรรม.เด็กทุกคนต้องปลูกผักคนละหนึ่งแปลงต้องมั่นรดน้ำทุกเย็น ค่ะแล้วที่แปลงผักนั้นเอง จะมีสระน้ำประจำโรงเรียนดิฉันกับเพื่อนก็ต้องตักน้ำที่สระนั้นมารดน้ำผักที่แปลงของดิฉัน ซึ่งสระนั้นได้มีเด็กนักเรียนรุ่นพี่ได้ตกน้ำตาย มาหลายปีแล้ว แล้วทุกปี เด็กที่โรงเรียน จะต้องตายปีละ1คนที่สระนั้น เพราะอะไรดิฉันก็ไม่ทราบสาเหตุ.เด็กในโรงเรียนเลยคิดว่ารุ่นพี่คนไหนมาเอาวิญญาณน้องๆไปอยู่เป็นเพื่อนค่ะ..

ห้องเช่าที่ดิฉันจ่ายค่าเช่ามันเป็นของใครน่ากลัว100เปอร์ค่ะ

สวัสดีค่ะพี่ป๋องและพี่ ๆ ทีมงาน ตอนนี้ดิฉันเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งย่านบางแค กรุงเทพฯ เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าของรุ่นพี่ที่มหาลัยค่ะ ยาวนิดนึงนะค่ะขอเล่าแบบละเอียดค่ะ



รุ่นพี่คนนี้เราเคยทำงานที่เดียวกันค่ะ เราก็เลยค่อนข้างสนิทกัน (พี่คนนี้ชื่อต้อง ต้องตา) จนวันหนึ่งพี่ต้องลากลับบ้านไปงานศพน้องชาย (ชื่อยา ยาใจ) ซึ่งเมื่อกลับมาพี่เค้าได้เล่าให้ฟังว่า น้องชายของเขาเป็นคนที่ชอบขับรถมอเตอร์ไซค์มาก ๆ ค่ะ จนก่อนวันเกิดเหตุได้ขับไปบ้านเพื่อน ขากลับได้ชนกับรถสับล้อเวลาประมาณ 1 ทุ่มเศษ ตายคาที่ค่ะ จัดงานสวดศพ 3 วัน วันสวดศพวันที่ 1 มีเสียงสุนัข(หมา)หอนกันระงมช่วงเวลา 1 ทุ่มเศษ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่น้องชายตายพอดีค่ะ หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรค่ะ จนวันที่พี่ต้องจะกลับได้พูดออกไปว่า " คิดถึงก็มาหาได้นะพี่ไปกลัวหรอกพี่รักและเป็นห่วงมากกว่าไปหาได้ตลอดนะ พี่จะรอ " พอกลับมาที่หอกำลังไขเปิดกุญแจห้องและกำลังจะเดินเข้าห้องได้ยินเสียงคนพูดว่า " จะเข้าห้องคนอื่นที่หลังหัดเคาะประตูก่อนนะ " และก็ทำเสียงแบบว่าไม่พอใจค่ะ พี่เค้าก็กลัวประตูยังไม่ทันปิดของก็วางกองไว้หน้าห้องแล้ววิ่งลงไปชั้น1 (ห้องพี่เค้าอยู่ชั้น2) ไปเคาะประตูห้องแฟนเค้าแล้วเล่าเรื่องให้แฟนเค้าฟัง แฟนเค้าก็เลยบอกว่า "เดี๋ยวขึ้นไปเก็บของเข้าห้อง เดี๋ยวจะนอนเป็นเพื่อนคืนนี้ " แล้วก็เดินขึ้นไปบนห้อง ได้ยินเสียงคนพูดว่า " เอาอีกและไม่เคาะประตูอีกและ " ก็เปิดประตูเข้าไป เปิดไฟ เดินไปดูห้องน้ำ ห้องครัว (ขณะที่พี่ต้องยืนอยู่หน้าห้อง) ก็ไม่มีใคร จึงไปปิดประตูห้อง เก็บของเข้ามาและเปิดไฟทิ้งไว้ทุกห้อง นั่งคิดกันอยู่พักหนึ่งว่าที่เจอคืออะไรแล้วก็พล่อยหลับไป รุ่นพี่ก็สะดุ้งตื่นและบอกว่า " เรานอนที่นี้ไม่ได้แล้ว " พร้อมกับวิ่งลงไปข้างล่างห้องของแฟน แฟนพี่ต้องก็ถามว่า " เป็นอะไรถึงปลุกพี่ กรี๊ด และวิ่งลงมาจากห้อง" พี่ต้องจึงบอกว่า " เมื่อกี้เห็นน้องมาหารู้สึกว่ากึ่งหลับกึ่งตื่นได้ยินว่าน้องมาเคาะประตูแล้วบอกว่ายาเองพี่ต้องและเห็นว่ามีผู้หญิงเดินมาเปิดประตูและทำทีว่าไม่ให้เข้า ยาก็คุยทำนองว่านี่ห้องพี่ผมคุณเป็นใครคุณไม่ใช่คน คุณมาอยู่ที่ห้องพี่ผมได้ไง ผู้หญิงคนนั้นก็พูดทำนองว่านี่เป็นห้องของตน พี่สาวเธอนั่นแหละ มาอาศัยอยู่ห้องของฉัน และรู้สึกว่าสายตาของสองคู่จ้องมาที่ตนเอง" จึงปลุกแฟนและวิ่งกรี๊ดลงไปห้องแฟนดังกล่าว ต่อมาตอนเช้าได้สอบถามเจ้าของห้องพัก เจ้าของก็ไม่พูดอะไร จึงสอบถามร้ายของของชำได้ความว่า " เมื่อหลายปีที่แล้วมีนักศึกษามหาลัยเดียวกันได้มาพักที่ห้องเดียวกันกับพี่ต้อง ทำนองว่าแย่งแฟนคนอื่นมาและอยู่กินกันได้พักหนึ่ง ผู้หญิงที่เป็นแฟนเก่าก็มาเคลียร์กันบนห้อง แล้วผู้หญิงกับผู้ชายที่มาหาก็กลับออกไป ตอนเช้าประมาณตี 4-5 แม่บ้านก็มาทำความสะอาด และเห็นประตูห้องเปิดแง้มอยู่ และเห็นไฟเปิดอยู่ จึงเปิดประตูเข้าไปเพราะกลัวว่าจะเป็นอะไร กลับเห็นผู้หญิงคนนี้นอนน้ำลายฟูมปากอยู่บนเตียง เห็นยานอนหลับเกลื่อนเตียง ก็แจ้งตำรวจมา สันนิฐานว่าเสียชีวิตมาประมาณ 3 ชั่วโมง (คือประมาณ ตี1-2) จากนั้นพี่ต้องก็ย้ายมาอยู่กับแฟนเพราะหมั้นกันแล้ว และทำบุญให้น้องกับผู้หญิงคนนั้น เรื่องก็มีแค่นี้ค่ะ จบ.

ฝากบ้านด้วย

สววัดดีคะพี่ๆทีมงาน คือหนูมีเรื่องจริงที่เกิดกับครอบคัวมาเล่าให้ฟังคะ เรื่องมีอยู่ว่าตอน วันื้ 23 เม.ย 38 ป็นวันที่แม่น้องเสียหลังจากที่ป่วยมานานพวยเราก็เอาสพแม่กลับบ้านที่จังหวัดอุบลฯเพื่อนประกอบพืธีทางศาสานาเหตุการต่อจากนั้นให้หลัง 3 วันก็เกิดเรื่อนที่บ้านของหนูที่อยู่แถวๆซ.นวลจันทร์ น้าหมวยซึ้งเปิดร้านทำผลอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านหนู่เล่าว่าตอนประมาณเที่ยงคืนกว่าๆแกนั้งซักผ้าเช็ดผมอยู่หน้าบ้านแกแต่ตัวแกหันหน้าไปทางบ้านหนูและหลังจากนั้นมีลมพัดเย็นๆมาโดนแกแกบอกมันรู้สึกเย็นแปลกๆๆทันไดนั้น เจ้าโคล่า(หมาที่แม่เลี้ยงไว้ก็เห่าหอนหน้ากลัวมากแกเลยคิดว่าไม่เอาแล้วไม่ซักต่อแล้วก็เลยเตรียมเข้าบ้านแต่แกต้องสดุ้งสุดตัวเมื่อมีเสียงดังมาจากข้างหลังแน่นอนคะต้องมาจากทางบ้านหนูแกหันไปสิ่งที่แกเห็นแกบอกประดูบ้านพับ(บ้านหนุเป็นร้านค้าคะ)ลักษณะที่หน้าหมวยเห็นคือเหมือนมีบางอย่างดันประตูจากด้านในอย่างแรงแกบอกแกทำอะไรไม่ถูก หูอื้อ ตัวช้าไปหมดไอโคล่าก็หอนไม่หยุดสิ่งที่แกนึกและทำได้ตอนนั้นแกพุดว่า"พี่แป้วไม่ต้องห่วงบ้าน หรืออะไรเดี่ยวหมวยจะช่วยดูให้" สักพักลมเย็นหาไป โคล่าหยุดหอน ประตูกับที่เดิม อ๋อที่เป็นเช่นนี้หมายถึงทำไมแม่เข้าบ้านได้ก็เพราะหลังจากแม่เสียเราต้องมาเอาข้าวของที่บ้านพ่อเป็นคนจุดธูปบอกเจ้าที่ว่าแม่เสียแล้วถ้ากลับมาก็ให้เข้าบ้านได้คะ

แทนที่กัน(ได้หรือเปล่า)

สวัสค่ะเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ได้รู้กับเพื่อนคนญี่ปุ่น........

เรื่องมีอยู่ว่า

เพื่อนเราคนนี้เคยไปขึ้นเขากับเพื่อนอีก4คน เขาเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ไปขึ้นเขามันหนาวมาก (ไปกัน5คนน่ะ) แล้วมีเพื่อนคนหนึ่งไปต่อไม่ไหวเขานั่งพัก ผ่านไปไม่นานเขาก็ไม่ลุกขึ้นมาอีกเลยเพื่อนอีก4คน

ตอนแรกก็ทำอะไรถูก เพื่อนเราเลยให้ช่วยกันแบกลงเขา ช่วยกันแบกลงมาได้สักก็แบกต่อไปไม่ไหว พอดีตรงมีจุดพัก(นึกออกป่ะแบบกระท่อมเก่าอ่ะประมาณนั่น) ในนั่นมืดมากและหนาวมาก เขาเอาศพไปวางไว้กลางกระท่อม แล้วพวกเขาก็ไปนั่งคนล่ะมุม(คิดตามน่ะกระท่อมมันเป็นแบบสี่เหลี่ยมใช่ป่ะ แล้วไปนั่งคนล่ะมุมอ่ะ เพราะมันหนาวมาก) นั่งไปสักพักเพื่อคนหนึ่งก็บอกว่าถ้านั่งเฉยๆ ต้องแข็งตายแน่ เขาเลยเลยคิดว่าน่าจะเดินออกกำลังกายแบบเดินคลำกำแพงกระท่อมไปเรื่อยๆพอคนแรกแตะคนที่สอง คนที่สองค่อยเดินไปแตะคนที่สาม ประมาณว่าคนที่หนึ่งก็แทนที่คนที่สอง คนที่สองแทนที่สามคนที่สามแทนคนที่สี่ วนไปเรื่อยๆ แล้วนึกน่ะว่า สี่แทนหนึ่ง แล้วสี่จะแตะใคร เพราะคนแรกแทนที่สองไปแล้ว แล้วใครยืน (ลองทำดูแล้วจะรู้) แล้วเดินแบบไม่คิดอะไรจนถึงเช้าอ่ะ



เพิ่งจะมาเอะใจทีลังเนี่ยแหละ

ผีถ้วยแก้วในเรือนจำ

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะคับว่าเรื่องมันอาจจะไม่น่ากลัวแต่สำหรับผมมันเหลือเชื่อเริ่มเลยดีกว่าก้อประมาณปี45ผมมีคดีความเลยต้องไปใช้ชีวิตในเรือนจำอยู่ได้นานพอควรก้อเริ่มมีความคิดแผงๆชวนเพื่อนหาอุปกรทำกระดานผีถ้วยแก้วแล้วก้อช่วยกานหาอะไรที่เกี่ยวกับผีถ้วยแก้วแล้วก้อแอบเอาขึ้นไปบนห้องขังพอทุกอย่างครบก้อนัดกันไว้ว่าตอนเที่ยงคืนของวันนี้จะมาเล่นกันพอถึงเวลาเราก้อเชินวิญญาณมาสิงในถ้วยแก้วโดยที่เราก้อไม่รู้หลอกคับว่าเป็นใครตอนแรกก้อไม่ค่อยเชื่อหลอกว่าถ้วยจะวิ่งไปเองได้แต่พอถามอะไรก้อจะตอบมาตลอดบางทีก้อรู้บ้างไม่รู้บ้างว่าเค้าต้องกานจะบอกอะไรแต่มีครั้งนึงที่ผมไห้เพื่อนที่ไม่ได้เล่นด้วยเขียนเลขใส่มือผมโดยที่ไม่มีใครรู้แล้วผมก้อกำลังจะถามไปว่าในมือผมมีเลขอะไรพี่เชื่อไหมว่ายังไม่ทันจะถามแก้วเลื่อนไปที่เลข6ที่เพื่อนผมเขียนไว้ตอนนั้นผมยังไม่รู้ด้วยฃ้ำว่าเปงเลขอ่ะไรพอเอามาดูก้อขนลุกคับพี่พอเล่นไปได้ฃักพักก้อจะเลิกเล่นกานเลยจะเชินวิญญาณเค้าออกแต่ทีนี้ไม่ยอมออกคับเดินวนไปวนมาอยู่นานเราเลยตัดสินใจจะยกมือออกพร้อมกันพอเสร็จเราก้อทำลายอุปกรที่เราเตรียมมาทิ้งแล้วก้อเตรียมตัวจะนอนกันแต่ก้อมีบางอย่างเกิดขึ้นคับพี่เชื่อไหมผมนอนฟังฃาเบาว์อยู่ได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะผมสดุ้งลุกขึ้นมาพร้องกับเพื่อนที่ยังไม่ได้นอนทุกคนได้ยินกันหมดสุดท้ายก้อไม่ได้นอนคับหลอนกันทั้งคืนยาวไปหน่อยแต่มันก้อเปงความเชื่อนะคับผม

รหัส mos

เรื่องนี้ เกิดเหตุที่จังหวัด กาญจนาบุรี คับ โดยที่ทางมหาลัย ของ ผม ได้ มีการจัดกิจกรรมให้ คณะของผม ได้ไปเข้าค่าย คับ โดยที่ให้รุ้นน้อง ปี1และรุ้นพี่นั้นไปตามสมัครใจแต่มีข้อแม้ว่า การไปครั้ง นี้ไปเพื่อ ช่วยเด็กหรือโรงเรียน ผู้ยากไร้ ด้วยการบริจาคสิ่งของ

การไปต้องให้ รุ่พีผมไป เตรียมงาน ก่อน 1 วัน ในตอนคืน ขณะ รุ่นพี่เตรียมงานอยู้นั้น ผมลืมบอกปว่ารุ้นพี่ผมทุกคนจะมีวิทยุติดต่อทุกคน เมื่อมีการประชุมกันจะวอกัน แต่มีรุ่นพี่ผมคนหนึ่งได้ วอ เล่น โดยพูดว่า เมย์เด หลายครั่ง แต่ก็ไม่มีอาไรเกิดขึ้น พอเค้าหลับไป เสียงวิทยุ ได้ดังขึ้น ตอบกับ ว่า เมย์เด และมีภาษาญี่ปุ่น ตอบกลับมา รุ่นพี่ผมทุกคนจึง ลุกขึ้นมาฟังโดยที่ทุกคนนั้นไม่มีไค แกล้งเลยวิทยุ มัน ดังจน ประมาน ตี 3 มันจึงหยุด

ต่อมาพวกผม ที่เป็น ปี 1 ได้มาถึงค่าย และมีกิจกรรม รอบกองไฟกัน แต่เพื่อนคนหนึ่ง ท็นผู้หญิง ชื่อ เน็ก นั่งตัวสั่นข้างผม และ กอด ผม แต่ร้องไห้ตลอดเวลา ผมจึงถามเค้า แต่เค้าไม่ตอบจนผมรำคาญผมจึงด่าเน็กคราวนี้เน็กเป็นลมต่อหน้าทุกคนที่เล่นอยู่ด้วยกานเลยพอเช้ามาผมถามเค้า เป็นไร เค้า บอกผมว่า เห็น แต่งชุดทหารญี่ปุ่นหลายคนยืนมองพวกผมอยู่ เนกจึงร้องไห้ตลอด และ คืนก่อนกลับ พวกผมและรุ่นพี่ได้กินเหล้ากีน ตอนกลางคืนและเหล้าหมด โดยที่

เก็บของกินนั้นอยู่ห่างจากที่ผมนั่งกินเหล้าไปประมาน 200 เมตร

เพื่อนผมจึงไปเอาเหล้ามา พอเค้ากลับมาผมและรุ้นพี่เห็นหนาเพื่อนคนในลักษณะที่ ตัวสั่น ขนลุก ผมจึงถามแบบเล่นๆๆ ว่า เจอผีมาเหรอ เพื่อนคนนั้นพยักหน้า ผมสะดุ้งเลยคับแล้วถามว่าสเป็นยังไงบ้าง มันบอกว่า ระหว่างเดินไปเอาเหล้า ได้ยินเสียงคนพูดภาษาญี่ปุ่นกัน เบา แต่มันก็ไม่สนใจ เพราะเมาแต่ตอนกลับ มันเห็นคนใส่ชุดทหารญี่ปุ่นหลายคนกำลังเดินสวนสนามกัน พอมันคิดได้ก็วิ่งกลับมาเลย



ส่วนสัญญานวิทยุนั้น พี่ผมที่ไปด้วยแล้วเค้าอาสาสมัครดับเพลิงได้บอกว่า เมยเด เป็นรหัสขอความช่วยเหลืออย่างร้ายแรงทีสุดของสมัยก่อน แต่สมัยนี เค้าไม่ใช้กันแล้ว



ขออภัยนะคับ ถ้ามันยาวไปหน่อย

ผีในสวนสาธาระณะ

สวัสดีครับเพื่อนๆทุกคน เรื่องที่จะเล่านี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่ภูเก็ตครับเรื่องของเพื่อนผมเองวันนั้นเพื่อนๆผมจะไปเล่นบอลกันที่นี่เป็นประจำเป็นสนามบาสแล้วมีสถานที่ออกกำลังกายด้วยบรรยากาศก็น่ากลัวเพราะมีป่ารอบๆทั้งหมด เพื่อนๆก็เล่นกันไปจนถึงประมาณ3ทุ่มในกลุ่มก็กลับกันไปเยอะแล้วก็เหลือคู่ซี้เพื่อนอีกสองคนซ้อมบอลกันอยู่ มีไฟสนามเปิด เพื่อนคนนึงบอกวันนี้เรามาซ้อมเดาะบอลกันเหอะ4ทุ่มค่อยกลับเล่นไปเล่นมาซักพักบอลมันกลิ้งเข้าไปในป่าก็ช่วยกันเข้าไปหาซักพัก ก็หาเจอแต่พอเพื่อนที่หยิบมาเห็นว่าบอลกลายเป็นหัวกระโหลก สองคนนี่หน้าซีดเลย ซักพักก็ได้ยินเสียงคนหัวเราะครับฮิฮิๆ พอมองไปบนต้นไม้เห็นเป็นผู้หญิงครับใส่ชุดขาวนั่งอยู่บนต้นไม้แล้วโบกมือให้กับสองคนนี้ แต่ชุดที่ใส่เปื้อนเลือดมากเลย เท่านั้นแหละ2คนนี้วิ่งกันเลย จนลืมรถ สติแตกไปเลย เพราะว่าคงไม่ใช่คนแน่นอนกลับไปบ้านเป็นไข้เลยครับ สืบไปสืบมาที่เนี้ยเป็นหลุมฝังศพเก่าหรือว่าป่าช้าแหละ เรื่องนี้เกิดประมาณปี47 ทุกวันนี้สถานที่แห่งนี้ก็ยังเปิดใช้อยู่ แต่ก็ไม่มีใครกล้าเล่นยันดึกหรอกเพราะไม่แน่ใจว่า จะมีผีสาวมานั่งคอยดูหรือเปล่า

รุ่นพี่มาลา

เรื่องนี้เกิดเมื่อประมาณปี47นะครับตอนที่ผมเรียนอนู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งของภาคอีสานผมได้รู้จักกับรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งพี่แกเป็นคนที่ชื่นชอบรถเวสป้ามากพี่แกจึงขายพวกอะไหล่และซ่อมรถพวกนี้เก่งมากๆซึ้งผมกับพี่เขาก็ค่อนข้างสนิทกัน

ก่อนที่จะเกิดเหตูขึ้น1วันซึ่งเป็นวันเสาร์ผมได้ไปซื้ออะไหล่รถชิ้นหนึ่งกับพี่แก พี่เขาเลยบอกว่าเดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นพี่เอาไปให้แล้วจะใส่ให้ด้วยเพราะตอนเช้าพี่จะไปเที่ยวเขื่อนแห่งหนึ่งในจังหวัดใกล้เคียงผมเลยกลับมาที่หอพัก

พอวันรุ่งขึ้น(วันอาทิตย์)ผมก็รอพี่เขาจนถึงประมาณ2ทุ่มขณะที่ผมนอนดูทีวีอยู่ผมก็ได้ยินเสียงรถพี่ขี่เข้ามาจอดหน้าห้องผมซึ่งผมจำได้เลยว่าเป็นเสียงรถแกเพราะหอผมไม่มีใครขี่เวสป้าเลย ผมกำลังจะลุกมาเปิดประตูก็ได้ยินเสียงแกตะโกนบอกผมว่า "พี่กลับบ้านก่อนนะ" แล้วแกก็ขี่รถออกไปเลย กว่าผมจะเปิดประตูออกมาพี่แกก็ขี่รถออกไปแล้วผมก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะคิดว่าแกคงกลับบ้านจริงๆ

พอวันจันทร์ตอนเย็นผมกลับจากมหาวิทยาลัยก็ได้ข่าวจากแฟนพี่แกว่าพี่แกเสียชีวิตแล้วตั้งแต่ตอนบ่ายวันอาทิตย์ตอนที่กำลังขี่รถกลับพี่แกได้จอดรถปัสสวะที่ข้างทางแล้วมีรถยนต์พุ่งมาเฉี่ยวแล้วเหยียบซ้ำ ผมได้ยินเท่านั้นขนผมลุกทั้งตัวเลยแต่ผมก็ไม่ได้บอกเรื่องที่แกมาหาผมตอน2ทุ่มกับแฟนแกเลย

ผมเลยคิดคนเดียวว่าสงสัยพี่เขาจะมาลาผม คำที่ว่า "พี่กลับบ้านก่อนนะ" แกคงจะสื่อความหมายถึงการกลับบ้านเก่า

เรื่องทั้งหมดก็มีแค่นี้นะครับ ยังมีอีกหลายเรื่องเลยเด๋วจะหาเวลวว่างมาเล่าอีกที...

หายไปไหน

สวัสดีครับ พี่ป๋องและทีมงาน ผมมีประสบการณ์ที่เจอกับตัวเองเมื่อประมาณ 4- 5 ปีที่แล้วครับอาจจะนานแต่ก็เป็นประสบการณ์ที่ยังไม่เคยลืมเลือนออกไปจากใจและตาของผมเลยเข้าเรื่องเลยน่ะครับ





ผมขับรถไปรับพ่อเวลาประมาณตี 1 พอขับออกไปถึงทางหลัง ส.น.ท่าข้าม เพื่อไปบ่อปลาแถวนั้น ผมเห็นผู้หญิงผมยาวใส่เสื้อคล้ายชุดนอนสีขาวยืนโบกรถอยู่ข้างทาง ขณะที่เป็นเวลาดึกแล้ว ข้างทางก็ไม่มีบ้านคน อีกทั้งยังเป็นป่าหมด ผมเริ่มขับรถชะลอผ่านเธอไปแล้วมองดูกระจกหลังให้แน่ใจว่าเธอเป็นคนรึเปล่า พอผมขับเลยเธอไปผมมองกระจกหลังและยังคงเห็นเธอยืนโบกรถอยู่ ผมก็คิดว่าคงไม่ใช่อย่างที่ผมคิดในตอนแรก ผมก็เลยถอยรถเข้าใกล้เธอผมมองกระจกหลังอีกทีเพื่อความแน่ใจก็ยังเห้นเธอยืนอยู่ ผมคิดในใจว่าจะไปส่งเธอเพราะมันดึกแล้ว ผู้หญิงคนเดียวไม่ควรอยู่ในที่เปลี่ยวอย่างนี้ เพียงชั่ววูบของความคิดผมหันไปมองเธอ ผมไม่เจอเธอแล้ว ผมพยายามตั้งสติและมองไปรอบ ๆ เพื่อจะหาเธอ แต่ก็ไม่เจอ ผมจึงรู้ในใจว่าเธอคงไม่ใช่คนแน่ ๆ จึงกลับรถและกลับบ้านอย่างรวดเร็วในเวลาไม่กี่นาที แล้ววิ่งขึ้นบ้าน ไหว้พระ ทันทีผมรู้สึกว่าหนาว ตัวเริ่มสั่น จึงห่มผ้าห่ม อีกทั้งผมยังกลัวว่าเธอจะตามมาครับ เพราะภาพที่เจอยังติดตาผมอยู่เลย เป็นอยู่หลายวันกว่าผมจะหายและไปทำงานได้ครับ

....................................จบ...................................

เพื่อน

เมื่อตอนเราอยู่ปี1รับน้องเสร็จได้ประมาณสองเดือนก็เกิดเรื่องไม่คาดฝัน วันนั้นเป็นวันจันทร์ รุ่นพี่เรียกพวกเราไปรวมกันฟังคำชี้แจงว่า

มีเพื่อนคนหนึ่งหายไปได้2วันแล้วใครรู้บ้างเค้าหายไปใหน ก็ไม่มีใครรู้ วันรุ่งขึ้นหัวหน้าห้องเราก็บอกว่าอ้อมาแล้ว ยังเรายังนั่งคุยด้วยเลย

เราก็บอกอีกเช่นกันว่า อ้อยังยิ้มให้เราเลย พอตกบ่ายรุ่นพี่เรียกไปรวมกันอีกเพื่อบอกว่า "อ้อตายแล้วโดนฆ่าตายโดยแฟนของตัวเอ

งฆ่าแล้วเผา"พอรุ่นพี่บอกเสร็จเราขนลุกซุ่เลยไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้

เสียงเรียกตามหลัง (ห้ามขานกลับนะ)

เรื่องมันมีอยู่ว่า วันนั้นเราไปเที่ยวบ้านเพื่อนที่จังหวัดราชบุรี บ้านเพื่อนของเรา มีไร่ข้าวโพด ไร่อ้อยห้อมล้อมเต็มไปหมด ด้วยความที่เป็นธรรมชาติ ตอนกลางวัน อะไรก็ดูดีไปหมด แต่เมื่อตกดึก ไม่ต้องคิดเลยใช่ไหมว่าจะเป็นยังไง มันเงียบๆๆๆ และไม่ค่อยมีบ้านใครอยู่แถวนั้นด้วย เราก็ออกไปเที่ยวกัน ประมาณ02.00เห็นจะได้ เราก็นั่งรถกลับมา ลองนึกภาพรถเก๋ง เรานั่งข้างคนขับเบาะหน้า ขับไปได้ซักพัก ใกล้จะถึงบ้านเพื่อนแล้ว พอถึงโค้ง เราเห็นคนนั่งอยู่ข้างทาง เป็นผู้หญิงผมยาว นั่งหันหลังให้ถนน ชุดขาว นั่งกอดเข่าอยู่น่ะ เราก็งงว่าตีสองมันจะมีใครมานั่ง ก็ถามเพื่อนว่าเห็นผู้หญิงคึนเมื่อกี้ไหม มานั่งทำไมตอนดีสอง เพื่อนก็มองกระจก บอกว่า ไม่เห็นมีใครเลย ตาฝาดเปล่า เราก็เลยนึกสงสัยตาฝาด หรือไม่ก็ง่วงมาก วันต่อมา เราก็ออกไปซื้อกับข้าว ไปร้านเน็ตด้วยแหละ เผอิญว่าลืมเวลา กลับตอนใกล้ค่ำแล้ว เราขึ่มอร์ไซต์มาคนเดียว พยายามที่จะร้องเพลงกลบเกลื่อน เพราะว่ากลัว พอมาถึงโค้งมันก็อดที่จะนึกไม่ได้ ทันใดนั้นเราได้ยินเสียงคนเรียกตามหลังเรา เรียกชื่อเรา เราก็ไม่ได้ขานรับ แต่มองในกระจกข้าง ว่าใครมายืนเรียกเรา แล้วแถวนั้นไม่มีใครรู้จักเรา เพราะเราไม่ใช่คนแถวนั้น เรามองในกระจก ปรากฎว่าไม่มีใครซักคน จากนั้นเราก็กลับไปเล่าให้เพื่อนฟัง เพื่อนบอกว่าแถวนั้นมันเป็นสุสานเก่า แล้วตรงโค้ง เค้าทำเป็นที่เผาศพน่ะ ตั้งแต่สมัยก่อนแล้ว แล้วก็มีคนโดนเรียกบ่อยเหมือนกัน เราเหวออย่างแรก เพราะไม่นึกว่าจะมาเจออย่างนี้ แม่เราเคยบอกไว้ว่า เวลามีคนเรียกเรา เราอย่าเพิ่งขานรับ ให้เห็นตัวก่อน ค่อยขานรับ ไม่เช่นนั้น เค้าจะเอาเราไปอยู่ด้วย เหมือนตัวตายตัวแทนน่ะ เราก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่านะ เรื่องก็มีอยู่แค่นี้แหละ ขอบคุณมากนะคะ ที่อ่านเรื่องของเรา

Blog ที่เกียวข้อง