เรื่องที่จาเล่าเนี่ย เปนเรื่องของคุนน้าที่ได้เจอมากับตัวเองมาเล่าให้ฟังช่วงที่
คุนน้ากำลังเปนวัยรุ่นเนี่ย สมัยก่อนก้ชอบ ขับมอเตอร์ไซด์ซึ่งตามต่างจังหวัดเนี่ยเราก้จาเหนภาพเหล่านี้ ทำกันยิ่งกว่าประเพณีสืบต่อกันมาขับไปนู้นมานี่เหมือนเปนสิ่งที่ขาดไม่ได้ ก้มีอยู่วันนึง คุนน้าเนี่ยขับรถไปหาเพื่อนในหมู่บ้าน แห่งนึงซึ่งไกลจากบ้านตัวเองประมาน เกือบ10กิโล แระทางที่ขับรถผ่านก่อนจาไปถึงหมู่บ้านนั้น
ก้มีแต่ป่าแระก้ทุ่งนา ไม่มีไฟข้างทาง ไม่มีรถวิ่งผ่าน คุนน้าก้ไปถึงบ้านเพื่อนคนนี้ประมานเย็นๆ แระก้ได้นั่งคุยกันจนเกือบจาเที่ยงคืน ก้ขอลากลับก่อนกัวที่บ้านจะเปนห่วง ขามาเนี่ย สว่างไม่คิดอารัย แต่ขากลับเนี่ยสิ่ เกือบเที่ยงคืนแร๊วแน่นอนไม่มีทั้งรถแระคน แน่ๆคุนน้าก้ขับรถมาเรื่อย ไม่รู้เวรกรรมอารัย ฝนดันตกลงมา ทางก้ลื่น แระ
ทางข้างหน้าที่จาต้องผ่านพอดีก้คือ ศาล แระก้ต้นตาลด้วยฝนที่ตกหนักแระทำให้ เหมือนเหนอารัยลางๆ มีผู้ญ คนนึงโบกรถอยู่ตรงศาลนั้นสภาพก้ใส่ชุดนอนเหมือนชุดคลุมท้องยาวๆ ผมยาวปิดใบหน้า เมื่อได้เหนแร๊วก้พยายามตั้งสติอีกทีด้วยความอยากรู้ เวลาที่คนเราเหนอารัยผิดปกติ ก้จาหันไปอีกรอบแต่พอเช็คน้ามฝนที่ตกใส่หน้า ผู้ญคนนั้นก้หายไปแร๊ว .. .
คุนน้าไม่คิดอารัยคิดว่าตัวเองคงตาฝาดไปเอง (พยายามหลอกตัวเอง)จนกะทั่งผ่านศาลนี้ไป รถก้ดับกะทันหัน เกิด อารัยขึ้น ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจ แกพยามยามคิดว่าหัวเทียนบอดหล่ะมั๊งไม่มีเวลามานั่งซ่อมแระ ก้เรยเข็นรถไปเรื่อยๆ สักพักก้รู้สึกเหมือนกับว่า รถมันหนักๆ เหมือนมีใครมานั่งบนเบาะหลัง
คุนน้ารู้ตัวว่ากำลังเจอกับอารัย ก้เรย พูดออกมาว่า "ผมเหนื่อยอยากกลับบ้านแร๊ว ถ้าแถวนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก้ช่วยผมเข็นกลับบ้านอย่างปลอดภัยที"สักพัก ก้เหมือนมีคนช่วยเข็น รถ จนกะทั่งถึงหมู่บ้านที่ทำถนนแร๊วไม่ใช่ทางลูกรัง มีไฟ ข้างทาง
ก้รู้สึกว่าเปนแรงตัวเอง ก้เรยลองสตาร์ทรถดู ปรากฏว่ามานก้ใช้ได้ปกติ ก้เรยรีบขับกลับบ้านไปเรยมารู้อีกทีนึงว่า ศาลตรงที่น้าขับผ่านตรงนั้นเคยมีผู้ญท้อง ผูกคอตาย ใต้ต้นตาล ตรงนั้น แระ ช่วงดึกๆ ก้ไม่มีใครกล้าผ่านไปแถวนั้นเรย..
สักคนเปนคุน หล่ะจายังมีสติพอที่จาเข็นรถไปเรื่อยๆรึเป่า?
ผี เรื่องผี เรืองสยองขวัญ ประสบการณ์สยอง the Shock FM
วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
คอมเม้นสยองขวัญ
สวัสดีค่าทุกๆคนเรื่องที่จะเล่านี้เกิดที่จ.พิษณุโลกค่ะ
เรื่องผ่านมาจะปีนึงแล้ว คือตอนนั้นอยู่ม.5 วันนั้นเป็นวันศุกร์หนูกะเพื่อนๆโกหกทางบ้านว่าจะไปทำรายงานที่บ้านเพื่อนคนนึงแต่ก้อไม่ได้ไปเพราะกะว่าจะมาหาที่นอนค้างกันเองแล้วจะออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน(นิสัยไม่ดีเลย)
กว่าจะหาทีพักได้ก้อทุ่มกว่าๆแล้วหนูไปได้ที่พักที่ค่อนข้างลับตาคนนิดนึงเพราะกัวที่บ้านจะเห็นกันเป็นอพาตร์เม้นเล็กๆอยู่หลังวัดๆนึงราคาถูกดีแค่330บาทต่อคืนห้องที่ได้คือห้อง502อยู่ชั้น5บนสุดเลยในห้องก้อเหมือนเม้นธรรมดาทั่วไปแต่ออกจาอับๆทึบๆนิดนึงพอวางของเส็ดพวกหนูก้อออกไปยืนคุยกันที่ระเบียงคุยกันสักพักหนูก้อเข้ามาอาบน้ำหนูเข้ามาคนเดียวคนอื่นยังอยู่ข้างนอกเรามากัน4คนค่ะ
หนูก้ออาบน้ำไปตามปกติเส็ดแล้วก้อมายืนหน้ากระจกจะแปรงฟันจุกปิดยาสีฟันมันดันหล่นลงพื้นก้อก้มไปเก็บตอนก้มลงไปสายตาดันมองออกไปตรงช่องระบายอากาศของประตูห้องน้ำ(ที่มันจะเป็นช่องยาวๆ3-4ช่องอยู่ด้านล่างอ่ะคะ)ก้อเห็นพื้นหน้าห้องน้ำแต่มีขาคนข้างนึงกำลังก้าวมาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำเปนขาน่าจะผู้ชายเพราะลักษณะใหญ่ๆดำๆใส่กางเกงยีนสีออกเข้มๆหนูก้อคิดว่าตาฝาดน่ะเรากำลังคิดอยู่ๆก้อมีอีกข้างก้าวตามมา
ชัดเลยค่ะไม่ฝาดแน่ๆหนูเลยตะโกนถามเพื่อนว่าอยู่ไหนกันเสียงเพื่อนก้อตอบมาว่าอยู่ที่ระเบียงหนูก้อเลยก้มดูอีกทีหายไปแล้วค่ะหลังจากนั้นเพื่อนๆก้อเข้ามาอาบน้ำกันหนูก้อไม่ได้เล่าให้ใครฟังเพราะเดี๋ยวจะกลัวกันจนเราออกไปเที่ยวกันมารุ่นพี่ก้อขับรถมาส่งหน้าเม้นพอหนูเห็นเม้นหนูก้อเกิดความรู้สึกไม่อยากขึ้นเลยเล่าให้เพื่อนฟังหมดเลย
ปรากฏว่าคืนนั้นเราต้องไปนั่งที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่งกันยันเช้าแต่มันยังไม่จบแค่นี้นะคะพอฟ้าสว่างก้อมาเอาของแล้วเผ่นเลยแต่ว่าพวกหนูบอกที่บ้านว่าจะไปค้าง2คืนพวกเราเลยต้องหาที่พักพิงอีก1คืนแปบนึงก้อได้ที่ใหม่ถัดจากที่เก่ามา2ซอยเม้นนี้ใหญ่โตดูดีแต่ค่าเช่าตั้ง600แต่ก้อ
เพื่อความสบายใจก้อตกลงเอาที่นี่ได้ห้อง604ชั้น6ที่นี่มีหลายชั้นจำไม่ได้ว่ากี่ชั้นวันนั้นออกไปข้างนอกกันทั้งวันกว่าจาได้กลับมานอนบนห้องก้อ3สามทุ่มกว่าๆแล้วอาบน้ำเส็ดก้อปิดไฟนอนปกติสุขดีทุกอย่างแต่พอเคลิ้มๆจะหลับอยู่แล้วมันมีความรู้สึกรำคานยังไงไม่รู้มันเป็นเสียงคนลากอะไรก้อไม่รู้อยู่ข้างบนวนเวียนอยู่ตรงที่ๆเรานอนดังจนน่ารำคานเลยค่ะเพื่อนหนุคนนึงลุกขึ้นมาก่อนแล้วนั่งฟังอยู่
เพื่อนหนูก้อพูดจาหยาบคายด่าเสียงดังเลยค่ะแค่นั้นไม่พอเดินออกไปนอกระเบียงเอาหลังพิงราวระเบียงแล้วชะโงกหน้าขึ้นไปด่าแต่พอหนูออกไปยืนดูมั่งมันมืดหมดเลยค่ะไม่มีแม้แต่แสงทีวีลอดออกมาแว๊บๆก้อไม่มีแล้วมันมืดทั้งแถบเลยค่าเหมือนไม่มีคนอยู่เลยพอเห็นยังงั้นก้อคิดว่ามันแปลกๆละเลยเข้าห้องมานอนเลยเปิดไฟนอนสว่างทั้งห้องเลยหนูก้ออุ่นใจหน่อยนึงเลยหลับไปแต่ก้อต้องสะดุ้งตื่น
เพราะเพื่อนหนูคนที่เค้าด่าอ่ะอยู่ดีดีก้อร้องกรี๊ดกร๊าดเลยทั้งๆที่เพื่อนคนนี้เป็นทอมทุกคนตกใจตื่นหมดเลยคะถามเพื่อนว่าเป็นอะไรก้อไม่บอกพูดแต่ว่าอยู่ไม่ได้แล้วๆเก็บของๆไม่ถึง5นาทีพวกเราลงมาถึงข้างล่างแล้วเพื่อนหนูคนที่เปนทอมเค้าไปถามพนักงานว่าห้องข้างบนของห้อง604ห้องอะไรเค้าก้อบอกว่า704แล้วก้อถามต่อไปว่ามีคนอยู่ไหมเค้าก้อไม่บอกถามเรากลับด้วยว่าจะรู้ไปทำไมตอนนั้นก้อตี1กว่าๆ
แล้วเราเลยเดินออกจากที่นั่นพอดีไปเจอกับแม่บ้านคนนึงหนูจำหน้าแกได้ตอนจะขึ้นลิฟท์เราสวนกันเลยไปถามแกแกก้อบอกว่าชั้น7มีคนอยู่ไม่กี่ห้องแล้วก้อชั่วคราวทั้งนั้นเลยแต่ฝั่งห้อง704ไม่มีคนทั้งแถบเลยฟังแค่นั่นพวกหนูก้อจ้ำอ้าวออกมาเลยค่ะพวกเราเลยมาอาศัยป้ายรถประจำทางและแสงไฟจาก7-11เพื่อนคนที่เป็นทอมเค้า
ก้อเล่าให้ฟังว่าตอนนอนอยู่อ่ะนอนไม่หลับเลยพลิกตัวมองโน่นมองนี่ไปเรื่อยๆเพื่อนคนนี้นอนริมทางระเบียงแล้วม่านก้อไม่ได้รูดปิดเค้าก้อมองออกไปที่ระเบียงอยู่ๆก้อมีเหมือนเปนผมคนค่อยๆเลื่อนๆๆลงมาตามด้วยหน้าคนค่ะเพื่อนบอกว่าเป็นหน้าผู้หญิงตาโตมากมายหน้าเค้านิ่งๆมองมาทางเพื่อนเพื่อนหนูขยับตัวไม่ได้จ้องตากะเค้าประมานครึ่งนาทีพอขยับตัวได้ก้อเลยร้องขึ้นมาเลยค่ะพวกหนูเลย
สรุปกันว่าเราไปหยาบคายใส่เค้าแล้วก้อยังไปชะโงกมองเค้าอีกเค้าเลยมามองเราบ้างจากนั้นมาไม่มีใครกล้าเฉียดไปแถวนั้นเลยค่ะเข็ดเลยไม่อยากจะรู้ต้นตอของเรื่องนี้ด้วย เรื่องอาจจะไม่น่ากัวนะคะแต่พวกหนูยังสยองไม่หายเลยค่ะโดน2คืนติด2เด้งเลยอ่า
- -"ปล.อยากโทไปเล่าจังเลยแต่ก่อนอยู่กทม.ฟังทุกสัปดาห์เลยค่าพอมาอยู่พิษณุโลกได้แต่ฟังแห้ง.อิอิ. นู๋อิง พิดโลก
เรื่องผ่านมาจะปีนึงแล้ว คือตอนนั้นอยู่ม.5 วันนั้นเป็นวันศุกร์หนูกะเพื่อนๆโกหกทางบ้านว่าจะไปทำรายงานที่บ้านเพื่อนคนนึงแต่ก้อไม่ได้ไปเพราะกะว่าจะมาหาที่นอนค้างกันเองแล้วจะออกไปเที่ยวกันตอนกลางคืน(นิสัยไม่ดีเลย)
กว่าจะหาทีพักได้ก้อทุ่มกว่าๆแล้วหนูไปได้ที่พักที่ค่อนข้างลับตาคนนิดนึงเพราะกัวที่บ้านจะเห็นกันเป็นอพาตร์เม้นเล็กๆอยู่หลังวัดๆนึงราคาถูกดีแค่330บาทต่อคืนห้องที่ได้คือห้อง502อยู่ชั้น5บนสุดเลยในห้องก้อเหมือนเม้นธรรมดาทั่วไปแต่ออกจาอับๆทึบๆนิดนึงพอวางของเส็ดพวกหนูก้อออกไปยืนคุยกันที่ระเบียงคุยกันสักพักหนูก้อเข้ามาอาบน้ำหนูเข้ามาคนเดียวคนอื่นยังอยู่ข้างนอกเรามากัน4คนค่ะ
หนูก้ออาบน้ำไปตามปกติเส็ดแล้วก้อมายืนหน้ากระจกจะแปรงฟันจุกปิดยาสีฟันมันดันหล่นลงพื้นก้อก้มไปเก็บตอนก้มลงไปสายตาดันมองออกไปตรงช่องระบายอากาศของประตูห้องน้ำ(ที่มันจะเป็นช่องยาวๆ3-4ช่องอยู่ด้านล่างอ่ะคะ)ก้อเห็นพื้นหน้าห้องน้ำแต่มีขาคนข้างนึงกำลังก้าวมาหยุดอยู่หน้าห้องน้ำเปนขาน่าจะผู้ชายเพราะลักษณะใหญ่ๆดำๆใส่กางเกงยีนสีออกเข้มๆหนูก้อคิดว่าตาฝาดน่ะเรากำลังคิดอยู่ๆก้อมีอีกข้างก้าวตามมา
ชัดเลยค่ะไม่ฝาดแน่ๆหนูเลยตะโกนถามเพื่อนว่าอยู่ไหนกันเสียงเพื่อนก้อตอบมาว่าอยู่ที่ระเบียงหนูก้อเลยก้มดูอีกทีหายไปแล้วค่ะหลังจากนั้นเพื่อนๆก้อเข้ามาอาบน้ำกันหนูก้อไม่ได้เล่าให้ใครฟังเพราะเดี๋ยวจะกลัวกันจนเราออกไปเที่ยวกันมารุ่นพี่ก้อขับรถมาส่งหน้าเม้นพอหนูเห็นเม้นหนูก้อเกิดความรู้สึกไม่อยากขึ้นเลยเล่าให้เพื่อนฟังหมดเลย
ปรากฏว่าคืนนั้นเราต้องไปนั่งที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่งกันยันเช้าแต่มันยังไม่จบแค่นี้นะคะพอฟ้าสว่างก้อมาเอาของแล้วเผ่นเลยแต่ว่าพวกหนูบอกที่บ้านว่าจะไปค้าง2คืนพวกเราเลยต้องหาที่พักพิงอีก1คืนแปบนึงก้อได้ที่ใหม่ถัดจากที่เก่ามา2ซอยเม้นนี้ใหญ่โตดูดีแต่ค่าเช่าตั้ง600แต่ก้อ
เพื่อความสบายใจก้อตกลงเอาที่นี่ได้ห้อง604ชั้น6ที่นี่มีหลายชั้นจำไม่ได้ว่ากี่ชั้นวันนั้นออกไปข้างนอกกันทั้งวันกว่าจาได้กลับมานอนบนห้องก้อ3สามทุ่มกว่าๆแล้วอาบน้ำเส็ดก้อปิดไฟนอนปกติสุขดีทุกอย่างแต่พอเคลิ้มๆจะหลับอยู่แล้วมันมีความรู้สึกรำคานยังไงไม่รู้มันเป็นเสียงคนลากอะไรก้อไม่รู้อยู่ข้างบนวนเวียนอยู่ตรงที่ๆเรานอนดังจนน่ารำคานเลยค่ะเพื่อนหนุคนนึงลุกขึ้นมาก่อนแล้วนั่งฟังอยู่
เพื่อนหนูก้อพูดจาหยาบคายด่าเสียงดังเลยค่ะแค่นั้นไม่พอเดินออกไปนอกระเบียงเอาหลังพิงราวระเบียงแล้วชะโงกหน้าขึ้นไปด่าแต่พอหนูออกไปยืนดูมั่งมันมืดหมดเลยค่ะไม่มีแม้แต่แสงทีวีลอดออกมาแว๊บๆก้อไม่มีแล้วมันมืดทั้งแถบเลยค่าเหมือนไม่มีคนอยู่เลยพอเห็นยังงั้นก้อคิดว่ามันแปลกๆละเลยเข้าห้องมานอนเลยเปิดไฟนอนสว่างทั้งห้องเลยหนูก้ออุ่นใจหน่อยนึงเลยหลับไปแต่ก้อต้องสะดุ้งตื่น
เพราะเพื่อนหนูคนที่เค้าด่าอ่ะอยู่ดีดีก้อร้องกรี๊ดกร๊าดเลยทั้งๆที่เพื่อนคนนี้เป็นทอมทุกคนตกใจตื่นหมดเลยคะถามเพื่อนว่าเป็นอะไรก้อไม่บอกพูดแต่ว่าอยู่ไม่ได้แล้วๆเก็บของๆไม่ถึง5นาทีพวกเราลงมาถึงข้างล่างแล้วเพื่อนหนูคนที่เปนทอมเค้าไปถามพนักงานว่าห้องข้างบนของห้อง604ห้องอะไรเค้าก้อบอกว่า704แล้วก้อถามต่อไปว่ามีคนอยู่ไหมเค้าก้อไม่บอกถามเรากลับด้วยว่าจะรู้ไปทำไมตอนนั้นก้อตี1กว่าๆ
แล้วเราเลยเดินออกจากที่นั่นพอดีไปเจอกับแม่บ้านคนนึงหนูจำหน้าแกได้ตอนจะขึ้นลิฟท์เราสวนกันเลยไปถามแกแกก้อบอกว่าชั้น7มีคนอยู่ไม่กี่ห้องแล้วก้อชั่วคราวทั้งนั้นเลยแต่ฝั่งห้อง704ไม่มีคนทั้งแถบเลยฟังแค่นั่นพวกหนูก้อจ้ำอ้าวออกมาเลยค่ะพวกเราเลยมาอาศัยป้ายรถประจำทางและแสงไฟจาก7-11เพื่อนคนที่เป็นทอมเค้า
ก้อเล่าให้ฟังว่าตอนนอนอยู่อ่ะนอนไม่หลับเลยพลิกตัวมองโน่นมองนี่ไปเรื่อยๆเพื่อนคนนี้นอนริมทางระเบียงแล้วม่านก้อไม่ได้รูดปิดเค้าก้อมองออกไปที่ระเบียงอยู่ๆก้อมีเหมือนเปนผมคนค่อยๆเลื่อนๆๆลงมาตามด้วยหน้าคนค่ะเพื่อนบอกว่าเป็นหน้าผู้หญิงตาโตมากมายหน้าเค้านิ่งๆมองมาทางเพื่อนเพื่อนหนูขยับตัวไม่ได้จ้องตากะเค้าประมานครึ่งนาทีพอขยับตัวได้ก้อเลยร้องขึ้นมาเลยค่ะพวกหนูเลย
สรุปกันว่าเราไปหยาบคายใส่เค้าแล้วก้อยังไปชะโงกมองเค้าอีกเค้าเลยมามองเราบ้างจากนั้นมาไม่มีใครกล้าเฉียดไปแถวนั้นเลยค่ะเข็ดเลยไม่อยากจะรู้ต้นตอของเรื่องนี้ด้วย เรื่องอาจจะไม่น่ากัวนะคะแต่พวกหนูยังสยองไม่หายเลยค่ะโดน2คืนติด2เด้งเลยอ่า
- -"ปล.อยากโทไปเล่าจังเลยแต่ก่อนอยู่กทม.ฟังทุกสัปดาห์เลยค่าพอมาอยู่พิษณุโลกได้แต่ฟังแห้ง.อิอิ. นู๋อิง พิดโลก
วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
เรื่องเล่าผีๆ 1
เรื่องผีอันดับหนึ่งของ มหาลัย... ในแง่ของความเศร้า
ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่ทราบแน่ชัดแต่สถานที่เกิดคือ หอหญิง ในสมัยที่มหาลัย ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรังถนนหน้าฝนเป็นโคลน รถไปมาลำบาก ตอนกลางคืนมืด ไม่มีแสงไฟ เรื่องเกิดกับ นักศึกษาสาว คู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3ของหอ ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่ ประมาณว่านักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย
อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ำแล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่จึงไปไม่ไหว อยากพักผ่อน พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองก็ได้ แล้วจะห่อข้าวมาฝากเพื่อนคนที่ไม่สบายก็บอกว่า ยังไงฝากซื้อลาดหน้า (หรือผัดไทซักอย่างที่เป็นเส้นๆ) มาให้ทีละกันกินแล้วจะได้กินยา เมทคนนั้นก็บอกว่าได้เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับ หลังจากที่เพื่อนออกไปจากห้องคนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่ออ่านได้ซักพักก็ไม่ไหว เพราะไข้ขึ้น จึงนอนตอนนอนอยู่นั้นสลึมสลืออยู่ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้ว
เพื่อนทำไมยังไม่กลับมาซะทีตกดึก ฝนเริ่มตก นักศึกษาคนนั้นก็ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือต่อในใจเป็นห่วงเพื่อนเพราะออกไปนานมากยังไม่กลับ ซักพักนักศึกษาคนนั้นได้ยินเสียงเบาๆ ดังจากชั้นล่าง จากทางบันได ”ป๊อก…………ป๊อก………ป๊อก………ป๊อก…….” เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามาจากทางบันได ดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมาและเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่ แล้วเสียงก็เปลี่ยนไป “ครื……..ด……..ครื………..ด…….ค..รื…ด” เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซักอย่างใกล้เข้ามาเรื่อย จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง
นักศึกษาหญิงเริ่มเอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่ยังเงียบ ได้อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” แล้วเงียบไป นักศึกษาสะดุ้งสุดตัว คิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อลาดหน้าแขวนอยู่ พอเห็นห่อลาดหน้า ก็งง แล้วเพื่อนอยู่ไหน ทำไมไม่กลับมา หรือติดฝนเลยฝากคนอื่นเอามาให้ แต่ทำไมต้องเอามาแขวนไม่รอเจอกันก่อน จะได้รู้ว่าเป็นใคร แล้วทำไมเดินเร็วจัง มีแต่รอยเปียกน้ำเป็นทางจากบันได….คิดต่างๆนา แต่แล้วก็แกะห่อลาดหน้าออกทานเสร็จก็ทานยาตาม
ได้ซักพักก็ม่อยหลับไปรุ่งเช้า…………….มีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืนตรงพงหญ้าข้างทางคาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ ลักษณะศพสภาพแขนและขาทั้งสองข้างหักอาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาด(ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหินหรือตลาดต้นพะยอม)หลังจากทานข้าวเสร็จทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว
โดยเพื่อนฝากซื้อข้าวห่อคนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ แล้วลาดหน้าเมื่อคืนล่ะ?ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด แต่จากที่ฟังกันมาคือหลังจากที่ตายไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเพราะว่าไม่สบาย และยังหิว นำห่อลาดหน้าที่ซื้อ มาฝากไปส่งให้แต่จะไปส่งยังไง แขนหัก ขาหัก หมดแล้วลักษณะที่เขาเล่ามาคือพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุงแล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพักแล้วใช้คางเกยบันไดลากตัวเองขึ้นมา
เป็นเสียง“ป๊อก ป๊อก” เสียง “ครืด”ที่ได้ยินคือเสียงลากตัวเองจากบันได มาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกันหลังจากส่งห่อลาดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง….
ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่าแต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆห้องยืนยันว่าในคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังยกของหนักและลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมาแล้วทุกคนต่างเชื่อสนิทใจมิตรภาพอยู่เหนือความตาย….
ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์ไม่ทราบแน่ชัดแต่สถานที่เกิดคือ หอหญิง ในสมัยที่มหาลัย ยังเป็นที่รกร้างอยู่มาก ถนนยังเป็นลูกรังถนนหน้าฝนเป็นโคลน รถไปมาลำบาก ตอนกลางคืนมืด ไม่มีแสงไฟ เรื่องเกิดกับ นักศึกษาสาว คู่หนึ่งอาศัยอยู่ที่ประมาณ ชั้น 2 หรือ 3ของหอ ช่วงนั้นเป็นช่วงสอบ นักศึกษาต่างกำลังอ่านหนังสือกันอยู่ ประมาณว่านักศึกษาหญิงคนหนึ่งไม่สบาย
อ่านหนังสือในห้องตอนหัวค่ำแล้วรูมเมทชวนไปทานข้าว แต่เพราะเป็นไข้อยู่จึงไปไม่ไหว อยากพักผ่อน พอเมทคนนั้นเห็นเพื่อนไม่สบาย ด้วยความเป็นห่วง จึงบอกว่าเดี๋ยวไปทานข้าวเองก็ได้ แล้วจะห่อข้าวมาฝากเพื่อนคนที่ไม่สบายก็บอกว่า ยังไงฝากซื้อลาดหน้า (หรือผัดไทซักอย่างที่เป็นเส้นๆ) มาให้ทีละกันกินแล้วจะได้กินยา เมทคนนั้นก็บอกว่าได้เดี๋ยวจะรีบไปรีบกลับ หลังจากที่เพื่อนออกไปจากห้องคนที่ไม่สบายก็นั่งอ่านหนังสือต่ออ่านได้ซักพักก็ไม่ไหว เพราะไข้ขึ้น จึงนอนตอนนอนอยู่นั้นสลึมสลืออยู่ แต่มีความรู้สึกว่านานมากแล้ว
เพื่อนทำไมยังไม่กลับมาซะทีตกดึก ฝนเริ่มตก นักศึกษาคนนั้นก็ตื่นขึ้นมาอ่านหนังสือต่อในใจเป็นห่วงเพื่อนเพราะออกไปนานมากยังไม่กลับ ซักพักนักศึกษาคนนั้นได้ยินเสียงเบาๆ ดังจากชั้นล่าง จากทางบันได ”ป๊อก…………ป๊อก………ป๊อก………ป๊อก…….” เสียงนั้นดังเป็นระยะๆ ใกล้เข้ามาจากทางบันได ดังขึ้นเรื่อยๆ เสียงเหมือนคนกำลังแบกของหนักบางอย่างขึ้นมาและเสียงนั้นก็ดังมาจนถึงชั้นที่ห้องนักศึกษาหญิงคนนั้นอยู่ แล้วเสียงก็เปลี่ยนไป “ครื……..ด……..ครื………..ด…….ค..รื…ด” เสียงเหมือนคนกำลังลากอะไรซักอย่างใกล้เข้ามาเรื่อย จนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้อง
นักศึกษาหญิงเริ่มเอะใจ และมองไปทางประตู ในใจนึกว่าเพื่อนกลับมาแล้ว แต่ยังเงียบ ได้อึดใจนึงก็มีเสียงเคาะห้อง“ก๊อก ก๊อก ก๊อก” แล้วเงียบไป นักศึกษาสะดุ้งสุดตัว คิดว่าไม่ใช่เพื่อนแน่แล้ว ถ้างั้นทำไมไม่เปิดเข้ามาเลย จึงเดินไปเปิดประตู ตรงลูกบิดประตูมีถุงใส่ห่อลาดหน้าแขวนอยู่ พอเห็นห่อลาดหน้า ก็งง แล้วเพื่อนอยู่ไหน ทำไมไม่กลับมา หรือติดฝนเลยฝากคนอื่นเอามาให้ แต่ทำไมต้องเอามาแขวนไม่รอเจอกันก่อน จะได้รู้ว่าเป็นใคร แล้วทำไมเดินเร็วจัง มีแต่รอยเปียกน้ำเป็นทางจากบันได….คิดต่างๆนา แต่แล้วก็แกะห่อลาดหน้าออกทานเสร็จก็ทานยาตาม
ได้ซักพักก็ม่อยหลับไปรุ่งเช้า…………….มีคนมาเคาะห้องบอกว่าเพื่อนตายแล้ว นักศึกษาหญิงคนนั้นถูกฆ่าข่มขืนตรงพงหญ้าข้างทางคาดว่าเหตุเกิดประมาณหัวค่ำ ลักษณะศพสภาพแขนและขาทั้งสองข้างหักอาจเกิดจากการที่คนร้ายเอาท่อนไม้ทุบตีเพื่อไม่ให้หนี นักศึกษาหญิงที่ตายกำลังเดินทางกลับจากตลาด(ไม่แน่ใจว่าเป็นฝายหินหรือตลาดต้นพะยอม)หลังจากทานข้าวเสร็จทุกทีจะไปกับเพื่อน แต่เพื่อนไม่สบายจึงไปคนเดียว
โดยเพื่อนฝากซื้อข้าวห่อคนร้ายอาจเห็นว่าเป็นคนเดียวจึงลงมือ แล้วลาดหน้าเมื่อคืนล่ะ?ไม่มีใครรู้คำตอบแน่ชัด แต่จากที่ฟังกันมาคือหลังจากที่ตายไปแล้ว ด้วยความเป็นห่วงเพื่อนเพราะว่าไม่สบาย และยังหิว นำห่อลาดหน้าที่ซื้อ มาฝากไปส่งให้แต่จะไปส่งยังไง แขนหัก ขาหัก หมดแล้วลักษณะที่เขาเล่ามาคือพื่อนคนนั้นใช้ปากคาบถุงแล้วใช้คางเกยพาตัวเองมาจนถึงหอพักแล้วใช้คางเกยบันไดลากตัวเองขึ้นมา
เป็นเสียง“ป๊อก ป๊อก” เสียง “ครืด”ที่ได้ยินคือเสียงลากตัวเองจากบันได มาจนถึงหน้าห้องปรากฎเป็นรอยเปียกน้ำยาวติดต่อกันหลังจากส่งห่อลาดหน้าให้ได้แล้วก็หมดห่วง….
ตอนแรกทุกคนไม่เชื่อที่นักศึกษาคนนั้นเล่าแต่หลังจากที่นักศึกษาที่พักอยู่ข้างๆห้องยืนยันว่าในคืนนั้นได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังยกของหนักและลากของหนักจากข้างล่างขึ้นมาแล้วทุกคนต่างเชื่อสนิทใจมิตรภาพอยู่เหนือความตาย….
เจ้าที่มาเตือน
วันนี้เรามีอีกหนึ่งประสบการณ์มาเล่าสู่กันฟังค่ะ
เหตุการณ์นี้ก้อเกิดขึ้นกับตัวเราอีกเช่นเคยค่ะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนน่ะค่ะ คือตอนนั้นลูกชายเราอายุยังไม่ถึง 1 ขวบเลยค่ะ เราไม่ได้ทำงานนะคะ เพราะว่าต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก แต่การเลี้ยงลูกเอง กลับทำให้เราเหนื่อยยิ่งกว่าการต้องออกไปทำงานข้างนอกอีก เพราะจะต้องดูแลลูกเกือบจะ 24 ชม. ต่อวัน คือพอดีว่าวันนั้น หลังจากที่เราเอาลูกเรานอนกลางวัน เราก้อมาเริ่มทำงานบ้าน เก็บกวาด
เช็ดถูบ้านทำงานไปเรื่อยเปื่อย แล้วก้อนึกขึ้นมาได้ว่า เรายังไม่ได้ต้มขวดนมลูกเลย เราก้อเลยจัดการนำขวดนมกับอุปกรณ์ปั๊มนมของลูกมาทำความสะอาดแล้วก้อต้มรวมกัน แล้วเราก้อมานั่งเล่นประมาณว่าจะรอให้มันเดือดแล้วจะไปปิด ปรากฏว่าด้วยความที่เหนื่อยมากๆ เราก้อเผลอหลับไป นานเท่าไรไม่รู้ได้ แต่แล้วก้อมีเสียงมาเรียกชื่อเราให้ตื่น บอกว่าตื่นเดี๋ยวนี้นะ มาเรียกอยู่ 2-3 รอบ รอบแรกเรารู้สึกแค่ว่ามีเสียงคนมาเรียกแต่ไม่ได้สนใจ คิดว่าฝันอยู่ แต่เสียงก้อยังดังอยู่ เราก้อเลยลืมตาตื่น ปรากฏว่า พอลืมตาขึ้นมา บ้านทั้งบ้านมีแต่ควันโขมงเลยค่ะ
เราก้อตกใจ แล้วก้อรีบมาดูที่เตา ก้อมาเจอหม้อที่เราต้มขวดนมกับต้มที่ปั๊มนมของลูก ไหม้หมดเลยไม่ว่าจะขวดนมหรอที่ปั๊มนมไหม้แห้งติดกับหม้อเลยค่ะ แถมใกล้กันก้อมีกระดาษเช็ดมือเราวางไว้ในครัว คืออยู่ใกล้กับเตามากๆ ตอนนั้นยังกลัวเลยว่าจะติดไฟ พอสงบสติอารมณ์เรื่องไฟได้ เราก้อมานั่งคิดว่าเอเมื่อกี้ใครนะที่มาเรียกให้เราตื่น เพราะว่าบ้านทั้งบ้านนอกจากเราก้อมีแค่ลูกชายที่อยู่ในบ้านเท่านั้น
ซึ่งลูกชายก้อยังพูดไม่ได้ด้วยซ้ำไป แถมยังนอนหลับอยู่ในห้องนอนไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก แล้วใครล่ะคะที่มาปลุกเรา?
เหตุการณ์นี้ก้อเกิดขึ้นกับตัวเราอีกเช่นเคยค่ะเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อประมาณ 2 ปีก่อนน่ะค่ะ คือตอนนั้นลูกชายเราอายุยังไม่ถึง 1 ขวบเลยค่ะ เราไม่ได้ทำงานนะคะ เพราะว่าต้องอยู่บ้านเลี้ยงลูก แต่การเลี้ยงลูกเอง กลับทำให้เราเหนื่อยยิ่งกว่าการต้องออกไปทำงานข้างนอกอีก เพราะจะต้องดูแลลูกเกือบจะ 24 ชม. ต่อวัน คือพอดีว่าวันนั้น หลังจากที่เราเอาลูกเรานอนกลางวัน เราก้อมาเริ่มทำงานบ้าน เก็บกวาด
เช็ดถูบ้านทำงานไปเรื่อยเปื่อย แล้วก้อนึกขึ้นมาได้ว่า เรายังไม่ได้ต้มขวดนมลูกเลย เราก้อเลยจัดการนำขวดนมกับอุปกรณ์ปั๊มนมของลูกมาทำความสะอาดแล้วก้อต้มรวมกัน แล้วเราก้อมานั่งเล่นประมาณว่าจะรอให้มันเดือดแล้วจะไปปิด ปรากฏว่าด้วยความที่เหนื่อยมากๆ เราก้อเผลอหลับไป นานเท่าไรไม่รู้ได้ แต่แล้วก้อมีเสียงมาเรียกชื่อเราให้ตื่น บอกว่าตื่นเดี๋ยวนี้นะ มาเรียกอยู่ 2-3 รอบ รอบแรกเรารู้สึกแค่ว่ามีเสียงคนมาเรียกแต่ไม่ได้สนใจ คิดว่าฝันอยู่ แต่เสียงก้อยังดังอยู่ เราก้อเลยลืมตาตื่น ปรากฏว่า พอลืมตาขึ้นมา บ้านทั้งบ้านมีแต่ควันโขมงเลยค่ะ
เราก้อตกใจ แล้วก้อรีบมาดูที่เตา ก้อมาเจอหม้อที่เราต้มขวดนมกับต้มที่ปั๊มนมของลูก ไหม้หมดเลยไม่ว่าจะขวดนมหรอที่ปั๊มนมไหม้แห้งติดกับหม้อเลยค่ะ แถมใกล้กันก้อมีกระดาษเช็ดมือเราวางไว้ในครัว คืออยู่ใกล้กับเตามากๆ ตอนนั้นยังกลัวเลยว่าจะติดไฟ พอสงบสติอารมณ์เรื่องไฟได้ เราก้อมานั่งคิดว่าเอเมื่อกี้ใครนะที่มาเรียกให้เราตื่น เพราะว่าบ้านทั้งบ้านนอกจากเราก้อมีแค่ลูกชายที่อยู่ในบ้านเท่านั้น
ซึ่งลูกชายก้อยังพูดไม่ได้ด้วยซ้ำไป แถมยังนอนหลับอยู่ในห้องนอนไม่รู้เรื่องอีกต่างหาก แล้วใครล่ะคะที่มาปลุกเรา?
วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
มาช่วยเฝ้า...
สวัสดีครับพี่ๆทีมงานทุกๆคน...บ้านผมอยู่อำเภอหนึ่งในฉะเชิงเทราแล้วก้อยู่ใกล้วัดเสียด้วย
ผมไปๆมาที่วัดนี้อยู่บ่อยและสนิทกับพระในวัดมีอยู่วันหนึ่ง..พระท่านจะต้องเดินทางไปปริวาส(อยู่กรรม)ที่จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ท่านจึงให้ผมและเพื่อนๆไปนอนเฝ้าวัดเนื่องจากพระท่านไปกันเกือบหมดวัดวันนั้นผมและเพื่อนๆได้ไปอยู่วัดตั้งแต่หัวค่ำเพราะจะต้องไปส่งพระไปประจวบตอนเวลาตีสาม กว่าจะถึงประจวบก็เช้า พอส่งเสร็จก็กลับฉะเชิงเทรากันเลยกลับมาถึงก็เกือบเย็นแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้านอาบน้ำกินข้าวเพราะกลางคืนต้องมานอนเฝ้าวัด
ผมได้ออกจากบ้านเวลาสามทุ่มครึ่งได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาถึงวัดก็เห็นหมานนอนอยู่เป็นจำนวนหลายตัว เมื่อขี่รถผ่านหมาก็วิ่งไล่จนมาถึงช่วงที่ต้องผ่านต้นมะขามใหญ่อยู่ๆหมาก็หยุดวิ่งไล่ แล้ววิ่งไปล้อมวงเห่าที่ต้นมะขามช่วงเวลานั้นผมก็เริ่มใจไม่ค่อยดี รู้สึกหวาดๆ ก็รีบขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาเพื่อนที่รออยู่กุฏิ(กุฏินี้มีสามห้องห้องกลางมีเสาตกน้ำมัน และประตูห้องกลางตรงกับประตูโบสถ์และเคยมีประสบการณ์หลายครั้งจึงไปรวมกันอยู่ห้องแรกห้องเดียว)พอขี่ไปเกือบถึงกุฏิ ก็เห็นเพื่อนสองคนขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจากปากทางวัดอีกทางหนึ่งมันหันรถกลับทันที
ผมก็ตะโกนถามเพื่อนสองคนนั้นว่า "ไปใหน "มันบอกว่า" เห็นผู้หญิงสองคนยืนอยู่ตรงต้นพิกุลปากทางวัด"ผมไม่ได้เอะใจอะไร ผมก็เลยไปนั่งรออยู่ที่กุฏิ พอเพื่อนสองคนกลับมาผมก็ถามว่า " ผู้หญิงสองคนนั้นสวยมั้ยว่ะ" มันก็บอกว่า " หาผู้หญิงสองคนนั้นไม่เจอ คนอะไรเดินเร็วฉิบหาย"แล้วผมก็บอก " สงสัยมีคนรับไปแล้วมั้ง "เพื่อนก็บอกกลับมาว่า " กุไปถึงถนนใหญ่ไม่เห็นมีรถซักคันเลย "(จากปากทางวัดถึงกุฏิระยะประมาณสามสิบเมตรแล้วเป็นทางตรงด้วย)ผมก็รู้สึกกลัวคิดว่าต้องมีอะไรแปลกแย่ๆเพราะเมื่อกี้ตรงต้นมะขามใหญ่ก็ทีนึงแล้วเวลาประมาณเที่ยงคืน...ก็เริ่มรู้สึกหิว
ผมและเพื่อนๆก็ลงมาจากกุฏิเพื่อไปต้มข้าวต้มกินกันระหว่างที่กินอยู่นั้นเพื่อนคนหนึ่งได้หันไปเห็นผู้หญิงใส่สไบยืนโบกมือแล้วยิ้มให้(ตรงนั้นเป็นศาลเก่า)เพื่อนคนนั้นก็ตกใจแล้วหันมาพูดให้เพื่อนๆฟังพอผมและเพื่อนๆคนอื่นหันไปดูก็ไม่เห็นอะไรก็นั่งกินข้าวต่อนึกว่าเพื่อนคนนั้นมันล้อเล่นพอกินข้าวกันเสร็จก็ขึ้นไปบนกุฏินั่งคุยกันถึงเรื่องที่เห็นผู้หญิงใส่สไบแล้วเรื่องตรงต้นพิกุล
เพื่อนสองคนที่เห็นผู้หญิงสองคนยืนอยู่ก็ชวนผมลงไปดูตรงต้นพิกุลอีกรอบแล้วสามคนก็เดินไปดูอยู่ตรงหน้ากุฏิ พอผมหันไปมองที่ต้นพิกุลผมก็เห็นผู้หญิงห้อยหัวลงมาจากต้นพิกุลผมเธอยาวถึงพื้นผมก็วิ่งขึ้นบนกุฏิอย่างไม่คิดอะไรเลยพอเพื่อนผมเห็นผมวิ่งมันก็วิ่งตามขึ้นไปด้วยแล้วเพื่อนก็ถามว่า
"เห็นอะไรว่ะ"ผมเลยเล่าให้เพื่อนๆฟังในสิ่งที่ผมเห็นทั้งหมดตั้งแต่ที่ต้นมะขามใหญ่ตอนที่มาวัดและที่ผมเห็นที่ต้นพิกุลเมื้อกี๊คืนนั้น..ผมและเพื่อนๆไม่ได้หลับได้นอนกันทั้งคืนเลยจนพระท่านกลับมาก้เล่าเรื่องให้พระฟังแล้วท่านก็บอกว่า " คงไม่มีหรอกมั้ง เค้าคงมาช่วยเฝ้าวัดด้วย "จบแล้วครับ
ผมไปๆมาที่วัดนี้อยู่บ่อยและสนิทกับพระในวัดมีอยู่วันหนึ่ง..พระท่านจะต้องเดินทางไปปริวาส(อยู่กรรม)ที่จังหวัด ประจวบคีรีขันธ์ท่านจึงให้ผมและเพื่อนๆไปนอนเฝ้าวัดเนื่องจากพระท่านไปกันเกือบหมดวัดวันนั้นผมและเพื่อนๆได้ไปอยู่วัดตั้งแต่หัวค่ำเพราะจะต้องไปส่งพระไปประจวบตอนเวลาตีสาม กว่าจะถึงประจวบก็เช้า พอส่งเสร็จก็กลับฉะเชิงเทรากันเลยกลับมาถึงก็เกือบเย็นแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกลับบ้านอาบน้ำกินข้าวเพราะกลางคืนต้องมานอนเฝ้าวัด
ผมได้ออกจากบ้านเวลาสามทุ่มครึ่งได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาถึงวัดก็เห็นหมานนอนอยู่เป็นจำนวนหลายตัว เมื่อขี่รถผ่านหมาก็วิ่งไล่จนมาถึงช่วงที่ต้องผ่านต้นมะขามใหญ่อยู่ๆหมาก็หยุดวิ่งไล่ แล้ววิ่งไปล้อมวงเห่าที่ต้นมะขามช่วงเวลานั้นผมก็เริ่มใจไม่ค่อยดี รู้สึกหวาดๆ ก็รีบขี่มอเตอร์ไซค์ไปหาเพื่อนที่รออยู่กุฏิ(กุฏินี้มีสามห้องห้องกลางมีเสาตกน้ำมัน และประตูห้องกลางตรงกับประตูโบสถ์และเคยมีประสบการณ์หลายครั้งจึงไปรวมกันอยู่ห้องแรกห้องเดียว)พอขี่ไปเกือบถึงกุฏิ ก็เห็นเพื่อนสองคนขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจากปากทางวัดอีกทางหนึ่งมันหันรถกลับทันที
ผมก็ตะโกนถามเพื่อนสองคนนั้นว่า "ไปใหน "มันบอกว่า" เห็นผู้หญิงสองคนยืนอยู่ตรงต้นพิกุลปากทางวัด"ผมไม่ได้เอะใจอะไร ผมก็เลยไปนั่งรออยู่ที่กุฏิ พอเพื่อนสองคนกลับมาผมก็ถามว่า " ผู้หญิงสองคนนั้นสวยมั้ยว่ะ" มันก็บอกว่า " หาผู้หญิงสองคนนั้นไม่เจอ คนอะไรเดินเร็วฉิบหาย"แล้วผมก็บอก " สงสัยมีคนรับไปแล้วมั้ง "เพื่อนก็บอกกลับมาว่า " กุไปถึงถนนใหญ่ไม่เห็นมีรถซักคันเลย "(จากปากทางวัดถึงกุฏิระยะประมาณสามสิบเมตรแล้วเป็นทางตรงด้วย)ผมก็รู้สึกกลัวคิดว่าต้องมีอะไรแปลกแย่ๆเพราะเมื่อกี้ตรงต้นมะขามใหญ่ก็ทีนึงแล้วเวลาประมาณเที่ยงคืน...ก็เริ่มรู้สึกหิว
ผมและเพื่อนๆก็ลงมาจากกุฏิเพื่อไปต้มข้าวต้มกินกันระหว่างที่กินอยู่นั้นเพื่อนคนหนึ่งได้หันไปเห็นผู้หญิงใส่สไบยืนโบกมือแล้วยิ้มให้(ตรงนั้นเป็นศาลเก่า)เพื่อนคนนั้นก็ตกใจแล้วหันมาพูดให้เพื่อนๆฟังพอผมและเพื่อนๆคนอื่นหันไปดูก็ไม่เห็นอะไรก็นั่งกินข้าวต่อนึกว่าเพื่อนคนนั้นมันล้อเล่นพอกินข้าวกันเสร็จก็ขึ้นไปบนกุฏินั่งคุยกันถึงเรื่องที่เห็นผู้หญิงใส่สไบแล้วเรื่องตรงต้นพิกุล
เพื่อนสองคนที่เห็นผู้หญิงสองคนยืนอยู่ก็ชวนผมลงไปดูตรงต้นพิกุลอีกรอบแล้วสามคนก็เดินไปดูอยู่ตรงหน้ากุฏิ พอผมหันไปมองที่ต้นพิกุลผมก็เห็นผู้หญิงห้อยหัวลงมาจากต้นพิกุลผมเธอยาวถึงพื้นผมก็วิ่งขึ้นบนกุฏิอย่างไม่คิดอะไรเลยพอเพื่อนผมเห็นผมวิ่งมันก็วิ่งตามขึ้นไปด้วยแล้วเพื่อนก็ถามว่า
"เห็นอะไรว่ะ"ผมเลยเล่าให้เพื่อนๆฟังในสิ่งที่ผมเห็นทั้งหมดตั้งแต่ที่ต้นมะขามใหญ่ตอนที่มาวัดและที่ผมเห็นที่ต้นพิกุลเมื้อกี๊คืนนั้น..ผมและเพื่อนๆไม่ได้หลับได้นอนกันทั้งคืนเลยจนพระท่านกลับมาก้เล่าเรื่องให้พระฟังแล้วท่านก็บอกว่า " คงไม่มีหรอกมั้ง เค้าคงมาช่วยเฝ้าวัดด้วย "จบแล้วครับ
ลุยบ้านร้าง
สวัสดีคัฟพี่TheShockและเพิ่ลที่ฟังด้วยนะคัฟ
ผมชื่อว่าอาร์ตคัฟเปงอาสาสมัครกู้ภัยอยู่ฒูลนิธิป่อเต๊กตึ๊งวเละ ศูนย์วิทยุมีนบุรีผมมีเรื่องจะมาเล่าไห้ฟังเรื่องมันเกิดขึ้น เมื่อ วานนี้เองเพื่อนผมมันชวนผมกะ เพิ่ลๆอีก ประมาน2-4คนไปบ้านรางแถวๆนิมิตรใหม่ได้ข่าวว่า มันเป็นบ้านร้างมีคนตาย ถึง 6ศพเเละมีคนเจอวิญญานผมเป็นคนที่ชอบเรื่องอย่างนี้อยู่เเล้วเลยนัดกัลไปว่า คืนนี้ตอน 23.00น เราจะออกเดินทาง
และต้องถึงก่อนเวลา เที่ยงคืน เราออกเดินทางตอนเวลา 23.00 กว่าๆไปถึงก้อประมาน 23.30 นเพราะไม่ไกลจากบ้านมากนักสภาพบ้านเป็นคล้ายบ้านแบบ ทาวเฮ้า คือมีเรียงๆกัลไปประมาน 5หลังก่อนเข้าบ้านผมถามความสมัครใจของเพิ่ลก่อนเเล้วว่า ใครจะเข้าก้อเข้าใครไม่เข้าให้รออยู่ข้างนอก เเล้วกัลมีไรไห้เรียกชื่อผมดังๆแล้วผมจะไปหา เพราะผมเปงคนไม่กลัวผีอยู่เเล้วพวกเราเข้าไปกัล 4คนมีผมมเเละเพื่อนอีก 3คนรุ่นน้องคนนึง
มันปาก บอนดันไปท้าว่า ท่าบ้านนี้มีผีขอให้ออกมาที จะได้ขอหวยพี่คัฟ พุดไม่ทัรขาดคำ มีเสียงคนวิ่งขึ้นบนบรรได แต่ที่แปลกใจ มันไม่มีบรรไดขึ้นชั้น2 ผมเริ่มรับรู้ว่าเขามาตามคำขอของเพื่อนผมเเล้วตอนที่เราเดินสำรจในบ้าน ก้อมีเสียงคนเดินตาม เเละมีคนขว้างก้อนหิน
ลงมาจากข้างบน ตลอดเวลาผมเลยท้าไห้เพื่อนๆมันลองทำวิธีเห็นผี ลองมองลอดใต้หว่างขาแล้วสิ่งที่เพื่อนผมมันท้าก้อคือ เห็น ผู้หญิง ใส่ชุดสีขาว มายืนมองพวกเราอยู่พอมันเห็นแค่นั้นมันวิ่ง หนีออกมานอกบ้าน เเล้ว ก้อรีบขับมอไชค์ของมันกลับบ้านแต่ มันขับได้ไม่ไกล รถมันดับผทมเลยวิ่งเข้าไปถามมันว่าเจออะไรมันก้อเล่าไหเผมฟังผมเลยบอกว่า
กลับเข้าไปในบ้านเเล้วจุดธูปขอขมาเขาก่อนเพราะมันได้ไปพุดอวดดีกะเขาใว้........................................................................
ผมชื่อว่าอาร์ตคัฟเปงอาสาสมัครกู้ภัยอยู่ฒูลนิธิป่อเต๊กตึ๊งวเละ ศูนย์วิทยุมีนบุรีผมมีเรื่องจะมาเล่าไห้ฟังเรื่องมันเกิดขึ้น เมื่อ วานนี้เองเพื่อนผมมันชวนผมกะ เพิ่ลๆอีก ประมาน2-4คนไปบ้านรางแถวๆนิมิตรใหม่ได้ข่าวว่า มันเป็นบ้านร้างมีคนตาย ถึง 6ศพเเละมีคนเจอวิญญานผมเป็นคนที่ชอบเรื่องอย่างนี้อยู่เเล้วเลยนัดกัลไปว่า คืนนี้ตอน 23.00น เราจะออกเดินทาง
และต้องถึงก่อนเวลา เที่ยงคืน เราออกเดินทางตอนเวลา 23.00 กว่าๆไปถึงก้อประมาน 23.30 นเพราะไม่ไกลจากบ้านมากนักสภาพบ้านเป็นคล้ายบ้านแบบ ทาวเฮ้า คือมีเรียงๆกัลไปประมาน 5หลังก่อนเข้าบ้านผมถามความสมัครใจของเพิ่ลก่อนเเล้วว่า ใครจะเข้าก้อเข้าใครไม่เข้าให้รออยู่ข้างนอก เเล้วกัลมีไรไห้เรียกชื่อผมดังๆแล้วผมจะไปหา เพราะผมเปงคนไม่กลัวผีอยู่เเล้วพวกเราเข้าไปกัล 4คนมีผมมเเละเพื่อนอีก 3คนรุ่นน้องคนนึง
มันปาก บอนดันไปท้าว่า ท่าบ้านนี้มีผีขอให้ออกมาที จะได้ขอหวยพี่คัฟ พุดไม่ทัรขาดคำ มีเสียงคนวิ่งขึ้นบนบรรได แต่ที่แปลกใจ มันไม่มีบรรไดขึ้นชั้น2 ผมเริ่มรับรู้ว่าเขามาตามคำขอของเพื่อนผมเเล้วตอนที่เราเดินสำรจในบ้าน ก้อมีเสียงคนเดินตาม เเละมีคนขว้างก้อนหิน
ลงมาจากข้างบน ตลอดเวลาผมเลยท้าไห้เพื่อนๆมันลองทำวิธีเห็นผี ลองมองลอดใต้หว่างขาแล้วสิ่งที่เพื่อนผมมันท้าก้อคือ เห็น ผู้หญิง ใส่ชุดสีขาว มายืนมองพวกเราอยู่พอมันเห็นแค่นั้นมันวิ่ง หนีออกมานอกบ้าน เเล้ว ก้อรีบขับมอไชค์ของมันกลับบ้านแต่ มันขับได้ไม่ไกล รถมันดับผทมเลยวิ่งเข้าไปถามมันว่าเจออะไรมันก้อเล่าไหเผมฟังผมเลยบอกว่า
กลับเข้าไปในบ้านเเล้วจุดธูปขอขมาเขาก่อนเพราะมันได้ไปพุดอวดดีกะเขาใว้........................................................................
วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
ใครคือวาสนา
เรื่องเกิดขึ้นว่าดิฉันไปผ่าตัดคลอดลูกที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถว ๆ
สวนลุมคงพอนึกออกนะว่าที่ไหน วันนั้นเป็นวันแรกที่เอาลูกมาเลี้ยงเอง ประมาณ 4 ทุ่มกว่าแล้วอยู่ดี ๆ ลูกก็ร้องไม่หยุดแม่ดิฉันเลยให้ไปนอนเดี๋ยวดูหลานให้เอง พอนอนได้สักพักฝันว่า อุ้มลูกหนีใครสักคนที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ปากก็ร้องตะโกนว่าอย่าเอาลูกฉันไป อย่าทำอะไรลูกฉัน แล้วก็ตกใจตื่น ได้ยินเสียงลูกร้องไม่หยุดอยู่ที่มุมห้องอีกด้านนึง จู่ จู่ ก็มีพยาบาล 3 คนเข็นกล่องเด้กเข้ามาแล้ว
พูดว่า "คุณวาสนาคะ เอาลูกมาส่งคะ" ดิฉันงงมากห้องนี้มีดิฉันแค่คนเดียว วาสนาคือใคร มองหน้าพยาบาลดูแปลก ๆ ดูคล้ำ ๆ ดำ ๆ พิกลก็เลยมองกล่องเด้กที่เค้าเข็นมา ในกล่องมีโหลเด็กดองอยู่ เท่านั้นแหละ ดิฉันก็ตัวชาหมดเลย ตอนนั้นดิฉันนอนตะแคงอยู่จะลุกขึ้นมาเหมือนมีใครล็อกแขนจากข้างหลัง ขณะนั้นในหูยังได้ยินเสียงลูกร้องอยู่ใกล้ ๆ พยายามเรียกแม่ให้มาช่วยแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากใครเลย
ดิฉันไม่ได้มองเค้าตรง ๆ นะเพราะว่าเค้าอยู่ด้านหลัง แต่รู้สึกได้ว่าเค้าตัดผมหน้ามา ผมสั้น ใสเสื้อลายขวางสีขาวดำ น่าแปลกจริง ๆ ที่ดิฉันไม่ได้หันไปมองแต่นึกหน้าเค้าออก ยื้อกันอยู่สักพักโดยที่เค้าไม่พูดอะไรสักคำ แต่เค้าล็อกแขนแน่นมาก แล้วฉันก็ลืมตาหลุดจากภวังค์ มันเหมือนฝันแต่ดิฉันยืนยันว่าไม่ได้ฝันเป็นเรื่องจริงเพราะฉันยังรู้สึกเจ็บแขนอยู่เลย และในขณะที่เค้าล้อกแขนดิฉันอยู่เสียงลูกร้องยังดังอยู่ในหูฉันตลอดเวลา
พอลงจากเตียงได้ฉันก็ไปนอนที่โซฟาโดยที่ไม่บอกให้แม่รู้เดี๋ยวจะกลัว คืนนั้นดิฉันอุ้มลูกจนถึง 6 โมงเช้าด้วยความกลัวว่าใครจะมาทำอะไรลูก จนถึงวันนี้ก้ยังไม่มีใครรู้ว่า วาสนาคือใคร เค้ามาหาดิฉันเพราะต้องการอะไร พอออกจาโรงพยาบาลดิฉันก็เลยใส่บาตรไปให้เค้าเพื่อความสบายใจ แต่ที่แน่ ๆ ตอนอยู่โรงพยาบาล ตั้งแต่คืนนั้นดิฉันไม่เคยนอนที่เตียงคนไข้อีกเลย กลัว
สวนลุมคงพอนึกออกนะว่าที่ไหน วันนั้นเป็นวันแรกที่เอาลูกมาเลี้ยงเอง ประมาณ 4 ทุ่มกว่าแล้วอยู่ดี ๆ ลูกก็ร้องไม่หยุดแม่ดิฉันเลยให้ไปนอนเดี๋ยวดูหลานให้เอง พอนอนได้สักพักฝันว่า อุ้มลูกหนีใครสักคนที่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ปากก็ร้องตะโกนว่าอย่าเอาลูกฉันไป อย่าทำอะไรลูกฉัน แล้วก็ตกใจตื่น ได้ยินเสียงลูกร้องไม่หยุดอยู่ที่มุมห้องอีกด้านนึง จู่ จู่ ก็มีพยาบาล 3 คนเข็นกล่องเด้กเข้ามาแล้ว
พูดว่า "คุณวาสนาคะ เอาลูกมาส่งคะ" ดิฉันงงมากห้องนี้มีดิฉันแค่คนเดียว วาสนาคือใคร มองหน้าพยาบาลดูแปลก ๆ ดูคล้ำ ๆ ดำ ๆ พิกลก็เลยมองกล่องเด้กที่เค้าเข็นมา ในกล่องมีโหลเด็กดองอยู่ เท่านั้นแหละ ดิฉันก็ตัวชาหมดเลย ตอนนั้นดิฉันนอนตะแคงอยู่จะลุกขึ้นมาเหมือนมีใครล็อกแขนจากข้างหลัง ขณะนั้นในหูยังได้ยินเสียงลูกร้องอยู่ใกล้ ๆ พยายามเรียกแม่ให้มาช่วยแต่ไม่มีเสียงตอบรับจากใครเลย
ดิฉันไม่ได้มองเค้าตรง ๆ นะเพราะว่าเค้าอยู่ด้านหลัง แต่รู้สึกได้ว่าเค้าตัดผมหน้ามา ผมสั้น ใสเสื้อลายขวางสีขาวดำ น่าแปลกจริง ๆ ที่ดิฉันไม่ได้หันไปมองแต่นึกหน้าเค้าออก ยื้อกันอยู่สักพักโดยที่เค้าไม่พูดอะไรสักคำ แต่เค้าล็อกแขนแน่นมาก แล้วฉันก็ลืมตาหลุดจากภวังค์ มันเหมือนฝันแต่ดิฉันยืนยันว่าไม่ได้ฝันเป็นเรื่องจริงเพราะฉันยังรู้สึกเจ็บแขนอยู่เลย และในขณะที่เค้าล้อกแขนดิฉันอยู่เสียงลูกร้องยังดังอยู่ในหูฉันตลอดเวลา
พอลงจากเตียงได้ฉันก็ไปนอนที่โซฟาโดยที่ไม่บอกให้แม่รู้เดี๋ยวจะกลัว คืนนั้นดิฉันอุ้มลูกจนถึง 6 โมงเช้าด้วยความกลัวว่าใครจะมาทำอะไรลูก จนถึงวันนี้ก้ยังไม่มีใครรู้ว่า วาสนาคือใคร เค้ามาหาดิฉันเพราะต้องการอะไร พอออกจาโรงพยาบาลดิฉันก็เลยใส่บาตรไปให้เค้าเพื่อความสบายใจ แต่ที่แน่ ๆ ตอนอยู่โรงพยาบาล ตั้งแต่คืนนั้นดิฉันไม่เคยนอนที่เตียงคนไข้อีกเลย กลัว
ตู้เสื้อผ้าสยอง
เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของคุณน้าที่อยู่ต่างจังหวัดซึ่งเล่าให้เราฟัง
......คุณน้าได้ซื้อตู้เสื้อผ้าไม้หลัง1มาซึ่งสวยมากและราคาถูกตั้งไว้ที่ห้องเก็บของเพราะห้องนอนไม่มีที่เก็บ ตกดึกคืนหนึ่งคุณน้าเข้านอนแล้วได้ยินเหมือนมีคนเดินอยู่ที่ห้องเก็บของและคุณน้าก็ลองลุกไปดูแต่ไม่เห็นใครซึ่งทั้งคืนคุณน้าได้ยินเสียงคนเดินตลอดจนแทบไม่หลับ......
พอคืนที่2 ก็ได้ยินอีกลุกไปดูก็ไม่เห็นใครอีกคราวนี้คุณน้าลองเปิดประตูแง้มๆหน่อยและลองยืนดูข้างนอกเผื่อจะเห็นใครอยู่ในห้องเก็บของ.....เห็นจะๆกับตา มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายเดินออกมาจากตู้เสื้อผ้าไปมาไปมาซึ่งเห็นไม่ชัดนักเพราะเป็นตอนกลางคืนแต่ยังพอเห็นลางๆอยู่คุณน้ารีบวิ่งไปห้องนอนคลุมโปงตอนเช้า ........คุณน้านิมนต์พระรูป1มาที่บ้านให้ดูตู้เสื้อผ้าหลังนั้นพระบอกว่า ประตูของตู้นี้ทำมาจากฝาโลงศพ
ซึ่งคุณน้าตกใจมากและจึงเอาไปถวายวัด..... เรื่องนี้อาจไม่ค่อยน่ากลัว แต่นำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ ขอบคุณค่ะ
......คุณน้าได้ซื้อตู้เสื้อผ้าไม้หลัง1มาซึ่งสวยมากและราคาถูกตั้งไว้ที่ห้องเก็บของเพราะห้องนอนไม่มีที่เก็บ ตกดึกคืนหนึ่งคุณน้าเข้านอนแล้วได้ยินเหมือนมีคนเดินอยู่ที่ห้องเก็บของและคุณน้าก็ลองลุกไปดูแต่ไม่เห็นใครซึ่งทั้งคืนคุณน้าได้ยินเสียงคนเดินตลอดจนแทบไม่หลับ......
พอคืนที่2 ก็ได้ยินอีกลุกไปดูก็ไม่เห็นใครอีกคราวนี้คุณน้าลองเปิดประตูแง้มๆหน่อยและลองยืนดูข้างนอกเผื่อจะเห็นใครอยู่ในห้องเก็บของ.....เห็นจะๆกับตา มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายเดินออกมาจากตู้เสื้อผ้าไปมาไปมาซึ่งเห็นไม่ชัดนักเพราะเป็นตอนกลางคืนแต่ยังพอเห็นลางๆอยู่คุณน้ารีบวิ่งไปห้องนอนคลุมโปงตอนเช้า ........คุณน้านิมนต์พระรูป1มาที่บ้านให้ดูตู้เสื้อผ้าหลังนั้นพระบอกว่า ประตูของตู้นี้ทำมาจากฝาโลงศพ
ซึ่งคุณน้าตกใจมากและจึงเอาไปถวายวัด..... เรื่องนี้อาจไม่ค่อยน่ากลัว แต่นำมาเล่าสู่กันฟังค่ะ ขอบคุณค่ะ
วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
คุยกะผี
สวัสดีคับทุก ๆคนและสวัสดีทีมงานเดอะช๊อกด้วยคับ
วันนี้ผมจะมาเหล่าประสบการณ์ที่ผมได้พบและเจอมาผมขอบอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้แล้วแต่คับว่าใคร
จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันแล้วแต่วิจารณ์นยานของคนฟังผมขอเหล่าเรื่องเลยนะคับ วันนั้นผมไปต่างจังหวัดที่จังหวัดศรีสะเกษนั้นคือบ้านพ่อผมเองคับทุก ๆปีในวันปีใหม่ผมก้จะกลับต่างจังหวัดกับพ่อและแม่เป็นประจำผมไปทุกปีก้ไม่เจอเรื่องลาวแปลก ๆเท่าไหร่
แต่พอมาปีนี้ผมรู้สึกว่ามันแปลกและแปลกมากคือมีวันหนึ่งเวลาประมาณตี2ผมตื่นขึ้นมาเพราะผมได้ยินเสียงคล้าย ๆว่าเหมือนมีเหงาดำ ๆลอยผ่านไปผ่านมาตรงหน้าต่าง
วันนี้ผมจะมาเหล่าประสบการณ์ที่ผมได้พบและเจอมาผมขอบอกก่อนเลยว่าเรื่องนี้แล้วแต่คับว่าใคร
จะเชื่อหรือไม่เชื่อมันแล้วแต่วิจารณ์นยานของคนฟังผมขอเหล่าเรื่องเลยนะคับ วันนั้นผมไปต่างจังหวัดที่จังหวัดศรีสะเกษนั้นคือบ้านพ่อผมเองคับทุก ๆปีในวันปีใหม่ผมก้จะกลับต่างจังหวัดกับพ่อและแม่เป็นประจำผมไปทุกปีก้ไม่เจอเรื่องลาวแปลก ๆเท่าไหร่
แต่พอมาปีนี้ผมรู้สึกว่ามันแปลกและแปลกมากคือมีวันหนึ่งเวลาประมาณตี2ผมตื่นขึ้นมาเพราะผมได้ยินเสียงคล้าย ๆว่าเหมือนมีเหงาดำ ๆลอยผ่านไปผ่านมาตรงหน้าต่าง
วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
ทำไมมันเปิดไม่ได้
สวัสดีครับ! เรื่องที่ผมจะเล่านั้นเกิดขึ้นกับเพื่อนและผมเองโดยตรง
ซึ่งอาจจะดูไม่น่ากลัวมากสักเท่าไหร่ครับ แต่สำหรับผมและเพื่อนแล้ว มันเป็นเรื่องที่แปลกและน่าขนลุกมากครับ โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียงเก่าผมตอนนั้นผมและเพื่อนประมาณ ม.6 ได้ ซึ่งโรงเรียนนี้ตั้งอยู่ที่ จ.สระบุรี ครับ เรื่องมีอยู่ว่า ผมและเพื่อน ได้ไปช่วยงานอาจารย์ที่ห้องสมุด กว่าจะเสร็จก็ประมาณ 6 โมงเย็นแล้วละครับ ซึ่งระหว่างขากลับเพื่อนผมนั้นกลับปวดท้องขึ้นมาเลยชวนผม ไปเข้าห้องน้ำ โดยห้องน้ำที่ผมไปนี้เป็นห้องน้ำที่ค่อนข้างเก่าพอสมควร แต่โดยรวมก็สะอาดนะ ซึ่งผมก็ไปด้วย เพราะผมก็รู้สึกปวดฉี่เหมือนกัน
เราทั้งสองคนจึงตัดสินใจเข้าห้องน้ำกัน เพื่อนผมเข้าห้องน้ำห้องที่ 2 จากทางขวาสุดของห้องน้ำส่วนผมก็ทำธุระของผมไป พอเสร็จธุระ ผมก็ไปล้างมือที่ก๊อกน้ำข้างนอก ระหว่างนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่านตัวผมไปแรงมาก แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ผมก็รอเพื่อนผมหน้าห้องน้ำ ซักประมาณ 5 นาทีผมเห็นว่าเริ่มจะมืดแล้วจึงตะโกนบอกเพื่อนอยู่หน้าห้องน้ำไปว่า เสร็จรึยังว่ะ! จะมืดแล้วนะเฟ้ย แปลกครับ! ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากเพื่อนผมข้างในห้องน้ำเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรแต่พอสัก 10 นาทีต่อมาเริ่มผิดปกติแล้ว
ผมจึงเข้าไปเคาะประตูหน้าห้องน้ำที่เพื่อนผมใช้อยู่ ปรากฏว่าเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย แต่ประตูห้องน้ำนั้นก็ล๊อคอยู่ แสดงว่าเพื่อนผมก็ต้องอยู่สิ เพราะว่าไม่มีทางที่เพื่อนผมจะออกมาก่อนโดยที่ผมไม่เห้น เพราะผมรออยู่หน้าห้องน้ำนั้นตลอดเวลาและห้องน้ำนี้มีทางออกแค่ทางเดียวคือทางที่ผมรออยู่เท่านั้น ยังไงผมก็ต้องเห็น ผมพยายามเคาะประตูอยู่นานประมาณ 5 นาที ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากข้างในอีก พอขึ้นนาทีที่ 7 เริ่มได้ยินเสียงอื้ออึงว่า ช่วยด้วย! อย่างเบาๆ ใช่ครับ! เสียงเพื่อนผมแน่นอน ผมพยายามเคาะประตูและพยายามเปิดประตูอยุ่นาน 10 นาที
จึงตัดสินใจพังประตูเข้าไป ตกใจมากครับ!ผมเจอเพื่อนอยู่ในสภาพที่หมดเรี่ยวหมดแรงอย่างมาก ระหว่างทางเดินไปที่จอดรถมอเตอร์ไซต์ ผมก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น! เพื่อนผมจึงเล่าว่าพอตัวเขาทำธุระเสร็จ เขาก็มาคลายล๊อคที่ประตูเพื่ออกไปข้างนอก แต่ปรากฏว่าประตูเปิดไม่ออก เหมือนมีใครมาดึงประตูไว้ ซึ่งครั้งแรกเพื่อนผมคิดว่าผมแกล้ง ผมก็ตอบไปว่าไม่ได้แกล้ง เพื่อนผมบอกว่าเขาพยายามเรียกผมอยู่หลายครั้ง
แล้วถามผมว่ามรึงไม่ได้ยินเสียงกรูเลยหรอไงว่ะ! กรูตะโกนจนเส้นเสียงจะอักเสบแล้ว! ผมก็ตอบไปว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แถมยังบอกต่อไปอีกว่านึกว่ามรึงปีนหน้าต่างห้องน้ำออกไปแล้วซะอีก เท่านั้นแหละ เพื่อนผมทรุดแล้วยังบอกกับผมอีกว่า ก่อนที่เขาจะหมดเรี่ยวหมดแรงเขาเห็นเงาดำๆ ผ่านที่หน้าต่างด้านบนด้วย เขาจึงเรียกผมว่าช่วยด้วย เพราะเขาคิดว่าตัวเขาเองคงเจอดีเข้าแน่ๆ จนประตูห้องน้ำเปิดออก และพอถึงที่จอดรถมอเตอร์ไซต์ เพื่อนผมและผมเหลือบมองไปที่ห้องน้ำนั้นอีกครั้ง ช๊อคครับ! ผมเห็นผู้ชายเดินเข้าห้องน้ำนั้นไปในสภาพที่ลอยเหมือนไม่มีขา
เท่านั้นแหละผมและเพื่อนผมรีบใส่ตีนสุนัขซ้อนมอเตอร์ไซต์เข้าบ้านนอนคลุมโปงเลยทั้งผมและเพื่อนเลย ซึ่งผมและเพื่อนก็ไม่เล่าให้ใครฟัง และคิดว่าจะไม่เข้าห้องน้ำตรงนั้นอีกแล้ว
ซึ่งอาจจะดูไม่น่ากลัวมากสักเท่าไหร่ครับ แต่สำหรับผมและเพื่อนแล้ว มันเป็นเรื่องที่แปลกและน่าขนลุกมากครับ โดยเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงเรียงเก่าผมตอนนั้นผมและเพื่อนประมาณ ม.6 ได้ ซึ่งโรงเรียนนี้ตั้งอยู่ที่ จ.สระบุรี ครับ เรื่องมีอยู่ว่า ผมและเพื่อน ได้ไปช่วยงานอาจารย์ที่ห้องสมุด กว่าจะเสร็จก็ประมาณ 6 โมงเย็นแล้วละครับ ซึ่งระหว่างขากลับเพื่อนผมนั้นกลับปวดท้องขึ้นมาเลยชวนผม ไปเข้าห้องน้ำ โดยห้องน้ำที่ผมไปนี้เป็นห้องน้ำที่ค่อนข้างเก่าพอสมควร แต่โดยรวมก็สะอาดนะ ซึ่งผมก็ไปด้วย เพราะผมก็รู้สึกปวดฉี่เหมือนกัน
เราทั้งสองคนจึงตัดสินใจเข้าห้องน้ำกัน เพื่อนผมเข้าห้องน้ำห้องที่ 2 จากทางขวาสุดของห้องน้ำส่วนผมก็ทำธุระของผมไป พอเสร็จธุระ ผมก็ไปล้างมือที่ก๊อกน้ำข้างนอก ระหว่างนั้นผมก็รู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่านตัวผมไปแรงมาก แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร ผมก็รอเพื่อนผมหน้าห้องน้ำ ซักประมาณ 5 นาทีผมเห็นว่าเริ่มจะมืดแล้วจึงตะโกนบอกเพื่อนอยู่หน้าห้องน้ำไปว่า เสร็จรึยังว่ะ! จะมืดแล้วนะเฟ้ย แปลกครับ! ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากเพื่อนผมข้างในห้องน้ำเลยแม้แต่นิดเดียว แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไรแต่พอสัก 10 นาทีต่อมาเริ่มผิดปกติแล้ว
ผมจึงเข้าไปเคาะประตูหน้าห้องน้ำที่เพื่อนผมใช้อยู่ ปรากฏว่าเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย แต่ประตูห้องน้ำนั้นก็ล๊อคอยู่ แสดงว่าเพื่อนผมก็ต้องอยู่สิ เพราะว่าไม่มีทางที่เพื่อนผมจะออกมาก่อนโดยที่ผมไม่เห้น เพราะผมรออยู่หน้าห้องน้ำนั้นตลอดเวลาและห้องน้ำนี้มีทางออกแค่ทางเดียวคือทางที่ผมรออยู่เท่านั้น ยังไงผมก็ต้องเห็น ผมพยายามเคาะประตูอยู่นานประมาณ 5 นาที ก็ไม่ได้ยินเสียงตอบกลับจากข้างในอีก พอขึ้นนาทีที่ 7 เริ่มได้ยินเสียงอื้ออึงว่า ช่วยด้วย! อย่างเบาๆ ใช่ครับ! เสียงเพื่อนผมแน่นอน ผมพยายามเคาะประตูและพยายามเปิดประตูอยุ่นาน 10 นาที
จึงตัดสินใจพังประตูเข้าไป ตกใจมากครับ!ผมเจอเพื่อนอยู่ในสภาพที่หมดเรี่ยวหมดแรงอย่างมาก ระหว่างทางเดินไปที่จอดรถมอเตอร์ไซต์ ผมก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น! เพื่อนผมจึงเล่าว่าพอตัวเขาทำธุระเสร็จ เขาก็มาคลายล๊อคที่ประตูเพื่ออกไปข้างนอก แต่ปรากฏว่าประตูเปิดไม่ออก เหมือนมีใครมาดึงประตูไว้ ซึ่งครั้งแรกเพื่อนผมคิดว่าผมแกล้ง ผมก็ตอบไปว่าไม่ได้แกล้ง เพื่อนผมบอกว่าเขาพยายามเรียกผมอยู่หลายครั้ง
แล้วถามผมว่ามรึงไม่ได้ยินเสียงกรูเลยหรอไงว่ะ! กรูตะโกนจนเส้นเสียงจะอักเสบแล้ว! ผมก็ตอบไปว่าไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย แถมยังบอกต่อไปอีกว่านึกว่ามรึงปีนหน้าต่างห้องน้ำออกไปแล้วซะอีก เท่านั้นแหละ เพื่อนผมทรุดแล้วยังบอกกับผมอีกว่า ก่อนที่เขาจะหมดเรี่ยวหมดแรงเขาเห็นเงาดำๆ ผ่านที่หน้าต่างด้านบนด้วย เขาจึงเรียกผมว่าช่วยด้วย เพราะเขาคิดว่าตัวเขาเองคงเจอดีเข้าแน่ๆ จนประตูห้องน้ำเปิดออก และพอถึงที่จอดรถมอเตอร์ไซต์ เพื่อนผมและผมเหลือบมองไปที่ห้องน้ำนั้นอีกครั้ง ช๊อคครับ! ผมเห็นผู้ชายเดินเข้าห้องน้ำนั้นไปในสภาพที่ลอยเหมือนไม่มีขา
เท่านั้นแหละผมและเพื่อนผมรีบใส่ตีนสุนัขซ้อนมอเตอร์ไซต์เข้าบ้านนอนคลุมโปงเลยทั้งผมและเพื่อนเลย ซึ่งผมและเพื่อนก็ไม่เล่าให้ใครฟัง และคิดว่าจะไม่เข้าห้องน้ำตรงนั้นอีกแล้ว
วันจันทร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551
วันปล่อยผี
สวัสดีค่ะพี่ๆ ทีมงานเดอะช็อค และเพื่อนๆ สมาชิกทุกท่าน
เราเองก้อเป็นคนนึงที่ติดตามอ่านประสบการณ์สยองของเพื่อนๆ ท่านอื่นมานานแต่ยังไม่มีโอกาสได้เขียนเรื่องราวของตัวเองสักที วันนี้พอดีมีเวลาว่างๆ เลยอยากจะนำเรื่องของเรามาแชร์ให้คนอื่นๆ ได้รับทราบกันบ้างค่ะ ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจก้อต้องขอโทษด้วยนะคะ เรื่องนี้จากประสบการณ์จริงของเราเองนะคะเริ่มเรื่องเลยนะคะ คือเมื่อ ปีก่อน 2007 เรามีโอกาสไปเที่ยวที่จีนซึ่งเป็นบ้านเกิดของแฟนเรา
(คือแฟนเราเป็นคนจีน อาศัยอยู่ในชนบทน่ะค่ะ) พอดีว่าช่วงที่ไปเป็นเดือนสิงหาคม ซึ่งถ้าจะนับไป ก้อคือเป็นช่วงที่เค้าจะปล่อยให้วิญญาณกลับมาเยี่ยมบ้านอะไรทำนองนั้นนะคะ ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบกับเทศกาลในเมืองไทยก้อจะเป็นช่วงเทศกาลเทกระจาดของบ้านเรา ช่วงที่เราไปนั้น ตรงกับวันที่ทางบ้านแฟนเค้าจะไหว้บรรพบุรุษของเค้า แต่เรากับแฟน ด้วยความที่ว่าปกติจะอยู่ออสเตรเลียกัน
จะมีโอกาสได้กลับไปก้อปีละ 1 ครั้ง แฟนก้อเลยอยากจะพาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ของเค้า ซึ่งอยู่ต่างเมืองกัน ก้อเผอิญวันที่ไปเที่ยวก้อดันมาตรงกับ 1 วันก่อนจะถึงวันไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งในวันไหว้บรรพบุรุษเค้าจะต้องทำพิธีไหว้กันในตอนเช้า แต่ในเช้าวันนั้นเรากับแฟนยังอยู่อีกเมืองนึงกับเพื่อนของแฟน พอช่วงเย็นเราได้เดินทางกลับมาบ้านของแฟน ซึ่งระหว่างทางนั่งรถกลับ เราได้บอกกับแฟนว่า เธอคืนนี้ปู่กับย่าเธอจะมาหาชั้นอีกหรือป่าวเนี่ย (คือเมื่อ 1 ปีก่อนหน้าที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเราไปบ้านแฟนเหมือนกันและได้มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น
แต่จะขอยกไปเล่าคราวหน้านะคะ) แฟนก้อบอกว่าอย่าคิดมากสิ ไม่มีอะไรหรอก และถึงมีก้อไม่น่ากลัวหรอก เพราะว่าวิญญาณที่จะมาหาก้อคือ ปู่ย่า ตายาย ของเค้า แหมดูเค้าพูดสิคะ ก้อใช่สิ เป็นปู่ย่า ตายายของตัวเองก้อไม่กลัวสิ แต่เราเป็นแค่สะใภ้ก้อต้องกลัวเป็นธรรมดาพอช่วงกลับไปถึงบ้านตอนหัวค่ำ เหตุการณ์ก้อยังปกตินะคะ จนกระทั่งดึก ต่างคน(หมายถึง พ่อแม่และพี่ชายพี่สะใภ้แฟน รวมถึงตัวเรากับแฟนด้วย) ก้อต่างแยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน ซึ่งพี่ชายและพี่สะใภ้แฟนเนี่ยเค้าแยกกลับไปบ้านเค้าซึ่งปลูกใกล้ๆ บ้านของพ่อแม่แฟน
ส่วนพ่อแม่แฟนเค้ามีห้องนอนอยู่ชั้นล่างของบ้าน และห้องนอนของเรากับแฟนอยู่ส่วนด้านบนของบ้านนะคะ ซึ่งจะขออธิบายก่อนว่า บันไดของบ้านนี้เค้าจะสร้างแยกออกจากตัวบ้าน คือถ้าคุณจะขึ้นชั้นสอง พอคุณขึ้นบันไดมาปุ๊บจะเจอระเบียงบ้านก่อนเลย แล้วจากระเบียงก้อจะมีประตูเข้าไปในตัวบ้านอีกทีนึง ซึ่งพอเปิดประตูปุ๊บ คุณจะเจอห้องรับแขกก่อน แล้วจากห้องรับแขกเดินเข้าไปอีกนิดถึงจะเจอประตูห้องนอนของเรา ตอนนั้นคิดว่าเวลาประมาณ สี่ทุ่มกว่าๆ แต่สำหรับบ้านนอกนั้นบ้านอื่นๆ เค้าก้อเข้านอนกันตั้งแต่ 2 ทุ่มกว่าๆ แล้ว แถวนั้นจึงเงียบกันหมด
แต่ไอ้ที่ไม่เงียบก้อคือ หมาแถวบ้านซึ่งหอนกันจริงๆ จนทำให้เรารู้สึกกลัว เราก้อบอกกลับแฟนว่าเอาอีกแล้วไง มากันแล้ว สักพักเราก้อได้ยินเสียงเคาะประตู ซึ่งเสียงนี้ดังมาจากประตูระเบียงข้างนอกซึ่งล็อคกลอนอยู่นะคะ ตอนแรกก้อไม่ได้คิดอะไร คิดว่าพ่อแม่แฟนคงจะเอาน้ำหรือของกินเล่นมาให้ พอดีว่าเรากำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปอาบน้ำ เลยบอกกับแฟนว่า เธอไปเปิดประตูหน่อยมีคนมาเคาะประตู แฟนก้อบอกว่าไม่เห็นมาใครมาเคาะเลย เราบอกว่ามีสิ แฟนก้อเงี่ยหูฟัง ทีนี้ เสียงที่ดังกลับเป็นเสียงเคาะประตูหน้าห้องนอน ซึ่งจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อ
ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ยินเสียงคนเปิดประตูระเบียงเข้ามาในบ้านเลย พอเสียงเคาะดังปุ๊บเราก้อเริ่มกลัวเพราะว่าเริ่มแปลกๆ อีกแล้ว แล้วจู่ๆ ไฟชั้นบนก้อดับค่ะ เท่านั้นแหล่ะดิฉันกรี๊ดขึ้นทันที แล้วก้อร้องหาแฟนว่าอยู่ไหน แฟนก้อรีบเดินมาหา แล้วก้อพากันเดินแบบมืดๆ เพื่อที่จะเปิดประตูลงไปข้างล่างกัน ขอบอกว่าตอนนั้นรู้สึกกลัวมากๆ เพราะคิดแล้วว่า ปู่ย่า เค้าต้องมาหาเราแน่ๆ พอออกไประเบียงข้างนอกปุ๊บ ปรากฏว่าไฟที่ดับ คือดับแต่ข้างบน แต่ไฟข้างล่างยังสว่างกันอยู่เลย เราก้อยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ อะไรกันทำไม่จะต้องจำเพาะมาดับแต่ข้างบน ทีนี้เราเป็นคนเดินลงข้างล่างนำหน้าแฟนเลยค่ะ เพราะกลัวมากๆ แฟนก้อไปบอกพ่อเค้าว่าเนี่ยข้างบนไฟดับ ให้ช่วยดูแผงไฟหน่อย พ่อเค้าก้อไปเช็คแผงไฟแล้วก้อคงจะเปลี่ยนฟิว
พอเปลี่ยนเสร็จ ไฟมา ทีนี้เรากับแฟนก้อเลยกลับไปข้างบนกันใหม่ แต่พอเหยียบเข้าห้องปุ๊บ ไฟดับอีกรอบ ทีนี้เราเลยบอกกับแฟนว่า เธอชั้นว่าเราน่าจะไปจุดธูปบอกปู่กับย่าเธอนะ ว่าเรามาเที่ยว ไม่งั้นคืนนี้คงไม่ได้นอนแน่เลยแฟนเราเค้าก้อเห็นด้วย ซึ่งตอนที่ไฟดับครั้งแรกเราได้บอกเค้าแล้วแต่ด้วยความที่เค้าไม่เชื่อ เค้าบอกว่าไม่เอาหรอก เดี๋ยวพ่อแม่เค้าหาว่าไร้สาระ แต่พอดับอีกรอบ ทีนี้เค้าก้อเลยบอกพ่อแม่เค้าว่าเนี่ยอยากจุดธูปบอกกับปู่ย่านะว่าเรากลับมาเที่ยวกัน ให้ช่วยคุ้มครองด้วย ซึ่งหลังจากปักธูปแล้ว ไฟก้อติดแล้วก้อไม่ดับอีกเลย ซึ่งทำให้ที่บ้านเค้าเกิดความประหลาดใจกันมาก ต้องบอกเลยนะคะว่าปกติที่บ้านแฟนเค้าจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องวิญญาณกันน่ะคะ แต่ที่ไหว้บรรพบุรุษก้อไหว้กันตามธรรมเนียมเท่านั้น
เรื่องของเราก้อมีเท่านี้แหล่ะค่ะ ถ้าอ่านไม่เข้าใจก้อต้องขออภัยมาณที่นี้ด้วยนะคะ แล้วก้อต้องขอโทษด้วยนะคะที่พิมพ์มาซะยืดยาว
เราเองก้อเป็นคนนึงที่ติดตามอ่านประสบการณ์สยองของเพื่อนๆ ท่านอื่นมานานแต่ยังไม่มีโอกาสได้เขียนเรื่องราวของตัวเองสักที วันนี้พอดีมีเวลาว่างๆ เลยอยากจะนำเรื่องของเรามาแชร์ให้คนอื่นๆ ได้รับทราบกันบ้างค่ะ ถ้าอ่านแล้วไม่เข้าใจก้อต้องขอโทษด้วยนะคะ เรื่องนี้จากประสบการณ์จริงของเราเองนะคะเริ่มเรื่องเลยนะคะ คือเมื่อ ปีก่อน 2007 เรามีโอกาสไปเที่ยวที่จีนซึ่งเป็นบ้านเกิดของแฟนเรา
(คือแฟนเราเป็นคนจีน อาศัยอยู่ในชนบทน่ะค่ะ) พอดีว่าช่วงที่ไปเป็นเดือนสิงหาคม ซึ่งถ้าจะนับไป ก้อคือเป็นช่วงที่เค้าจะปล่อยให้วิญญาณกลับมาเยี่ยมบ้านอะไรทำนองนั้นนะคะ ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบกับเทศกาลในเมืองไทยก้อจะเป็นช่วงเทศกาลเทกระจาดของบ้านเรา ช่วงที่เราไปนั้น ตรงกับวันที่ทางบ้านแฟนเค้าจะไหว้บรรพบุรุษของเค้า แต่เรากับแฟน ด้วยความที่ว่าปกติจะอยู่ออสเตรเลียกัน
จะมีโอกาสได้กลับไปก้อปีละ 1 ครั้ง แฟนก้อเลยอยากจะพาไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ของเค้า ซึ่งอยู่ต่างเมืองกัน ก้อเผอิญวันที่ไปเที่ยวก้อดันมาตรงกับ 1 วันก่อนจะถึงวันไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งในวันไหว้บรรพบุรุษเค้าจะต้องทำพิธีไหว้กันในตอนเช้า แต่ในเช้าวันนั้นเรากับแฟนยังอยู่อีกเมืองนึงกับเพื่อนของแฟน พอช่วงเย็นเราได้เดินทางกลับมาบ้านของแฟน ซึ่งระหว่างทางนั่งรถกลับ เราได้บอกกับแฟนว่า เธอคืนนี้ปู่กับย่าเธอจะมาหาชั้นอีกหรือป่าวเนี่ย (คือเมื่อ 1 ปีก่อนหน้าที่เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นเราไปบ้านแฟนเหมือนกันและได้มีเหตุการณ์แปลกๆ เกิดขึ้น
แต่จะขอยกไปเล่าคราวหน้านะคะ) แฟนก้อบอกว่าอย่าคิดมากสิ ไม่มีอะไรหรอก และถึงมีก้อไม่น่ากลัวหรอก เพราะว่าวิญญาณที่จะมาหาก้อคือ ปู่ย่า ตายาย ของเค้า แหมดูเค้าพูดสิคะ ก้อใช่สิ เป็นปู่ย่า ตายายของตัวเองก้อไม่กลัวสิ แต่เราเป็นแค่สะใภ้ก้อต้องกลัวเป็นธรรมดาพอช่วงกลับไปถึงบ้านตอนหัวค่ำ เหตุการณ์ก้อยังปกตินะคะ จนกระทั่งดึก ต่างคน(หมายถึง พ่อแม่และพี่ชายพี่สะใภ้แฟน รวมถึงตัวเรากับแฟนด้วย) ก้อต่างแยกย้ายกันกลับห้องใครห้องมัน ซึ่งพี่ชายและพี่สะใภ้แฟนเนี่ยเค้าแยกกลับไปบ้านเค้าซึ่งปลูกใกล้ๆ บ้านของพ่อแม่แฟน
ส่วนพ่อแม่แฟนเค้ามีห้องนอนอยู่ชั้นล่างของบ้าน และห้องนอนของเรากับแฟนอยู่ส่วนด้านบนของบ้านนะคะ ซึ่งจะขออธิบายก่อนว่า บันไดของบ้านนี้เค้าจะสร้างแยกออกจากตัวบ้าน คือถ้าคุณจะขึ้นชั้นสอง พอคุณขึ้นบันไดมาปุ๊บจะเจอระเบียงบ้านก่อนเลย แล้วจากระเบียงก้อจะมีประตูเข้าไปในตัวบ้านอีกทีนึง ซึ่งพอเปิดประตูปุ๊บ คุณจะเจอห้องรับแขกก่อน แล้วจากห้องรับแขกเดินเข้าไปอีกนิดถึงจะเจอประตูห้องนอนของเรา ตอนนั้นคิดว่าเวลาประมาณ สี่ทุ่มกว่าๆ แต่สำหรับบ้านนอกนั้นบ้านอื่นๆ เค้าก้อเข้านอนกันตั้งแต่ 2 ทุ่มกว่าๆ แล้ว แถวนั้นจึงเงียบกันหมด
แต่ไอ้ที่ไม่เงียบก้อคือ หมาแถวบ้านซึ่งหอนกันจริงๆ จนทำให้เรารู้สึกกลัว เราก้อบอกกลับแฟนว่าเอาอีกแล้วไง มากันแล้ว สักพักเราก้อได้ยินเสียงเคาะประตู ซึ่งเสียงนี้ดังมาจากประตูระเบียงข้างนอกซึ่งล็อคกลอนอยู่นะคะ ตอนแรกก้อไม่ได้คิดอะไร คิดว่าพ่อแม่แฟนคงจะเอาน้ำหรือของกินเล่นมาให้ พอดีว่าเรากำลังจะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อไปอาบน้ำ เลยบอกกับแฟนว่า เธอไปเปิดประตูหน่อยมีคนมาเคาะประตู แฟนก้อบอกว่าไม่เห็นมาใครมาเคาะเลย เราบอกว่ามีสิ แฟนก้อเงี่ยหูฟัง ทีนี้ เสียงที่ดังกลับเป็นเสียงเคาะประตูหน้าห้องนอน ซึ่งจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อ
ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ยินเสียงคนเปิดประตูระเบียงเข้ามาในบ้านเลย พอเสียงเคาะดังปุ๊บเราก้อเริ่มกลัวเพราะว่าเริ่มแปลกๆ อีกแล้ว แล้วจู่ๆ ไฟชั้นบนก้อดับค่ะ เท่านั้นแหล่ะดิฉันกรี๊ดขึ้นทันที แล้วก้อร้องหาแฟนว่าอยู่ไหน แฟนก้อรีบเดินมาหา แล้วก้อพากันเดินแบบมืดๆ เพื่อที่จะเปิดประตูลงไปข้างล่างกัน ขอบอกว่าตอนนั้นรู้สึกกลัวมากๆ เพราะคิดแล้วว่า ปู่ย่า เค้าต้องมาหาเราแน่ๆ พอออกไประเบียงข้างนอกปุ๊บ ปรากฏว่าไฟที่ดับ คือดับแต่ข้างบน แต่ไฟข้างล่างยังสว่างกันอยู่เลย เราก้อยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ อะไรกันทำไม่จะต้องจำเพาะมาดับแต่ข้างบน ทีนี้เราเป็นคนเดินลงข้างล่างนำหน้าแฟนเลยค่ะ เพราะกลัวมากๆ แฟนก้อไปบอกพ่อเค้าว่าเนี่ยข้างบนไฟดับ ให้ช่วยดูแผงไฟหน่อย พ่อเค้าก้อไปเช็คแผงไฟแล้วก้อคงจะเปลี่ยนฟิว
พอเปลี่ยนเสร็จ ไฟมา ทีนี้เรากับแฟนก้อเลยกลับไปข้างบนกันใหม่ แต่พอเหยียบเข้าห้องปุ๊บ ไฟดับอีกรอบ ทีนี้เราเลยบอกกับแฟนว่า เธอชั้นว่าเราน่าจะไปจุดธูปบอกปู่กับย่าเธอนะ ว่าเรามาเที่ยว ไม่งั้นคืนนี้คงไม่ได้นอนแน่เลยแฟนเราเค้าก้อเห็นด้วย ซึ่งตอนที่ไฟดับครั้งแรกเราได้บอกเค้าแล้วแต่ด้วยความที่เค้าไม่เชื่อ เค้าบอกว่าไม่เอาหรอก เดี๋ยวพ่อแม่เค้าหาว่าไร้สาระ แต่พอดับอีกรอบ ทีนี้เค้าก้อเลยบอกพ่อแม่เค้าว่าเนี่ยอยากจุดธูปบอกกับปู่ย่านะว่าเรากลับมาเที่ยวกัน ให้ช่วยคุ้มครองด้วย ซึ่งหลังจากปักธูปแล้ว ไฟก้อติดแล้วก้อไม่ดับอีกเลย ซึ่งทำให้ที่บ้านเค้าเกิดความประหลาดใจกันมาก ต้องบอกเลยนะคะว่าปกติที่บ้านแฟนเค้าจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องวิญญาณกันน่ะคะ แต่ที่ไหว้บรรพบุรุษก้อไหว้กันตามธรรมเนียมเท่านั้น
เรื่องของเราก้อมีเท่านี้แหล่ะค่ะ ถ้าอ่านไม่เข้าใจก้อต้องขออภัยมาณที่นี้ด้วยนะคะ แล้วก้อต้องขอโทษด้วยนะคะที่พิมพ์มาซะยืดยาว
คุณตา
วันที่ตาเราตายเป็นวันที่เราเสียใจที่สุดเป็นวันจันทร์เราจำได้แม่นเพราะเราไปโรงเรียนวันแรกแต่เราไม่อยากไปโรงเรียนเป็นห่วงตามากกว่า
แล้วพอตอนสายๆสัก11โมงน้าเราก็มาที่โรงเรียนบอกว่าตาตายแล้วเราเสียใจมากร้องไห้ตลอดทางกลับบ้านเลยทั้งที่เมื่อเช้าเรายังป้อนข้าวป้อนน้ำตาอยู่เลยแล้วก็มีเหตุการณ์ที่น่ากลัวเกิดขึ้น สวดตาวันแรกเรานอนกันในมุ้งมียาย น้า แล้วก็เรานอนกัน3คนนอนเฝ้าตาที่บ้าน(สวดศพที่บ้าน)
เหตุการณ์ก็ปกติดีแต่พอประมาณตี1 น้าก็รู้สึกแปลกๆเลยลืมตาขึ้นมาแล้วสิ่งที่น้าเห็นมันไม่น่ากลัวในสายตาน้าเลยน้าเห็นตามานั่งพัดให้เราน้าเห็นอยู่นานมากจึงไม่คิดว่าตาฟาดแน่นอนแล้วน้าก็ปลุกยายกับเรา
พอเราตื่นมาน้าก็เล่าให้ฟังยายบอกว่าตาคงไม่อยากให้เราตื่นมาเห็นเพราะตารู้ว่าเรากลัวผีมากเพราะตาเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กพัดให้เรานอนตอนเด็กๆทุกคืนคืนนั้นก็ผ่านไปพอคืนที่2น้าก็เห็นอีกน้าเลยคุยกับตาว่าอย่าห่วงเลยยายกับน้าจะดูแลเราเองพ่อกับแม่เราก็เหมือนกันตาก็เลยไปไม่มาให้น้าเห็นอีกพอวันเผาตาเราร้องไห้ตั้งแต่ศพตาวางบนที่เผาศพพอจะเผาตาต้องเอาน้ำมะพร้าวล้างหน้าศพตาของตาก็ลืม
ยายก็เลยบอกตาว่าไม่ต้องห่วงพวกเราน่ะไปสบายเถอะตาของตาเลยปิดลงพอเข้าเตาเผาเรากับยายและครอบครัวต้องกลับบ้านรอมาเก็นกระดูกตอนเช้าเอาไปทำบุญตอนขากลับหมาหอนตลอกทางทั้งที่ข้างทางไม่มีบ้านคนมีแต่นาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเสียงหมาหอนมาจากไหนพอเราใกล้ถึงทางเข้าบ้านเสียงหมาหอนเลยเงียบไปมีแต่กลิ่นน้ำมันใส่ผมที่ตาชอบใส่ยายก็เลยบอกตาว่าไม่ต้องมาส่งแล้วถึงบ้านแล้วกลับไปวัดเถอะพวกเราเลยเข้าบ้านกัน
ตอนเช้าพวกเราก็ไปเก็บกระดูกตาแล้วเอามาทำบุญกันตามประเพณี
แล้วพอตอนสายๆสัก11โมงน้าเราก็มาที่โรงเรียนบอกว่าตาตายแล้วเราเสียใจมากร้องไห้ตลอดทางกลับบ้านเลยทั้งที่เมื่อเช้าเรายังป้อนข้าวป้อนน้ำตาอยู่เลยแล้วก็มีเหตุการณ์ที่น่ากลัวเกิดขึ้น สวดตาวันแรกเรานอนกันในมุ้งมียาย น้า แล้วก็เรานอนกัน3คนนอนเฝ้าตาที่บ้าน(สวดศพที่บ้าน)
เหตุการณ์ก็ปกติดีแต่พอประมาณตี1 น้าก็รู้สึกแปลกๆเลยลืมตาขึ้นมาแล้วสิ่งที่น้าเห็นมันไม่น่ากลัวในสายตาน้าเลยน้าเห็นตามานั่งพัดให้เราน้าเห็นอยู่นานมากจึงไม่คิดว่าตาฟาดแน่นอนแล้วน้าก็ปลุกยายกับเรา
พอเราตื่นมาน้าก็เล่าให้ฟังยายบอกว่าตาคงไม่อยากให้เราตื่นมาเห็นเพราะตารู้ว่าเรากลัวผีมากเพราะตาเลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กพัดให้เรานอนตอนเด็กๆทุกคืนคืนนั้นก็ผ่านไปพอคืนที่2น้าก็เห็นอีกน้าเลยคุยกับตาว่าอย่าห่วงเลยยายกับน้าจะดูแลเราเองพ่อกับแม่เราก็เหมือนกันตาก็เลยไปไม่มาให้น้าเห็นอีกพอวันเผาตาเราร้องไห้ตั้งแต่ศพตาวางบนที่เผาศพพอจะเผาตาต้องเอาน้ำมะพร้าวล้างหน้าศพตาของตาก็ลืม
ยายก็เลยบอกตาว่าไม่ต้องห่วงพวกเราน่ะไปสบายเถอะตาของตาเลยปิดลงพอเข้าเตาเผาเรากับยายและครอบครัวต้องกลับบ้านรอมาเก็นกระดูกตอนเช้าเอาไปทำบุญตอนขากลับหมาหอนตลอกทางทั้งที่ข้างทางไม่มีบ้านคนมีแต่นาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเสียงหมาหอนมาจากไหนพอเราใกล้ถึงทางเข้าบ้านเสียงหมาหอนเลยเงียบไปมีแต่กลิ่นน้ำมันใส่ผมที่ตาชอบใส่ยายก็เลยบอกตาว่าไม่ต้องมาส่งแล้วถึงบ้านแล้วกลับไปวัดเถอะพวกเราเลยเข้าบ้านกัน
ตอนเช้าพวกเราก็ไปเก็บกระดูกตาแล้วเอามาทำบุญกันตามประเพณี
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)