วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2551

เรื่อง โรงพยาบาลเฮี้ยน




สวีสดีคะทีมงาน

คือหนูมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เป็นประสบการณ์จากแม่นะคะ

เกิดเมื่อประมาณ 22 ปีที่แล้ว เป็นโรงพยาบาลที่แม่ไปคลอดหนูเอง ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลนี้รู้สึกว่าจะถูกลื้อไปแล้วนะคะ เป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดหนึ่งก่อนถึงจังหวัดประจวบฯ

เรื่องมีอยู่ว่า ช่วงนั้นแม่ของหนูรับราชกาลอยู่ที่จังหวัดนั้นและท้องหนูด้วยแม่เจ็บท้องกระทันหันก็เลยไปคลอดหนูที่โรงพยาบาลนั้น พอแม่คลอด(โดยผ่าตัด) นางพยาบาลก็นำแม่ไปที่ห้องพักฟื้นซึ่งเป้นห้องพิเศษ ซึ่งมีแค่สองเตียงคือเตียงคนไข้ที่แม่นอนกับเตียงพักฟื้นซึ่งเตี้ยกว่าสำหรับคนเฝ้านอนซึ่งพ่อเป็นผู้นอนเตียงเตี้ยนั้น

แม่เล่าว่าพอแม่เริ่มเคลิ้มๆจะหลับในตอนดึกแม่ก็เห็นผู้หญิงแต่งชุดสีขาวผมยาว อวบ เหมือนคนจีน สาว กำลังขึ้นคล่อมตัวแม่อยู่และพยายามผลักแม่จะให้ตกเตียง แต่แม่ก็สู้คะแม่ร้องลั่นดิ้นๆจนพ่อซึ่งนอนอยู่ข้างๆได้ยินเสียงเลยยลุกมาดู แม่ก็เลยเล่าให้พ่อฟังแล้วบอกให้พ่อกลับบ้านไปเอาพระมาให้ แต่พ่อไม่เชื่อและยังท้าทายว่า ไม่กลัวถ้ามีจริงคืนนี้ก็มาเจอกันสิวะ

ปรากฎว่าพอตกกลางคืนแม่กับพ่อเปลี่ยนเตียงกันนอน คราวนี้พ่อเจอจะๆเลยคะ เขาขึ้นคล่อมตัวพ่อแล้วพยายามจะมัดตัวพ่อพ่อก็สู้ สู้กันอยู่สักพักแม่ที่นอนหลับอยู่ได้ยินเสียงพ่อร้องก็เลยตื่นขึ้นมาดูแล้วไปเขย่าตัว พอจึงหาย แม่บอกว่าพ่อตัวสั่นแล้วก็เล่าให้แม่ฟังว่าพอเจอดีแล้ว พ่อกับแม่ไม่ได้นอนจนถึงตีห้า ซึ่งเป้นเวลาที่พยาบาลจะมฉีดยาให้คนไข้ที่ห้องพักทุกคน

ปรากฎว่าคนไข้ทุกคนที่นอนอยู่ห้องแถวนั้นออกมานั่งข้างนอกไม่มีใครนอนสักคน จนพยาบาลแปลกใจเลยถามผลก็คือ คนไข้ทุกคนโดนหลอกหมดเลย โดยเหมือนๆกัน คือถูกผีสาวพยายามผลักให้ตกเตียง บางคนโดยจับมัดแทบตาย แม่ของหนูรีบออกจากโรงพยาบาลเลยคะไม่อยู่แล้ว ตอนนี้พวกหนูอยู่กันสามคน คือ แม่ พี่สาว และหนู ส่วนพ่อเลิกกันไปแล้ว แต่พวกหนูทั้งสามคนมีเซ้นท์ทุกคน แต่แม่มีมากสุดเจอผีประจำ


รองลงมาคือหนูแต่ส่วนมากจะเจอแบบเสียงกลิ่นมากกว่า แต่แม่นี่เจอแบบทั้งตัว จนบางครั้งชินคะไม่ค่อยกลัวเท่าไหร่ แฟลตที่อยู่ทุกวันนี้ก็เจอ ประจำ

แล้วจะเล่าถึงแฟลตนี้ให้ฟังนะคะ

เรื่อง ตัวอะไรไม่รู้




สวัดดีครับพี่ป๋อง

คือเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ป้าเล่าให้ฟังตอนเด็ก ๆ

คือเรื่องมีอยู่ว่า ปี พ.ศ. 2538 ที่น้ำท่วมครั้งใหญ่มาก ป้าผมมีบ้านอยู่ริมน้ำ เป็นบ้านสมัยก่อนมีสองชั้น ชั้นล่าง จะเป็นที่โล่ง ๆ ธรรมดาของบ้านต่างจังหวัด ส่วนพื้นช้นสองจะเป็นไม้ระแนง จะมีร่อง ๆ อยู่ที่พื้น

มีอยู่วันหนึ่งป้าผมนั่งอยู่หน้าห้องนอน รู้สึกว่ามีใครจ้องมองอยู่แต่ไม่รู้ว่าใคร แต่คุณยายเห็นว่ามีอะไรไม่รู้อยู่ที่ใต้บ้าน เป็นนิ้วมือคนสองข้างโผล่ขึ้่นมาจากไม้ระแนง ซึ่งเป็นมือที่เขียวซีด เล็บสีเหลือง และมีตาสองตาโผล่มาจากไม้ระแนงด้วย ซึ่งตาแดงมากคุณป้าบอกว่าน่ากลัวมาก

ทั้งคุณป้าและคุณยายตกใจมากเลยไปอยู่ในห้องนอนกัน และสักพักก็ออกมาดูใหม่ แต่กลับว่ามันหายไปแล้ว เขาก็ไม่ได้คิดอะไร นึกว่าพวกคนบ้ามั้งชอบมาแกล้งให้กลัวกัน ต่อมาอีกสองถึงสามวันไม่นานจากวันที่ได้เห็น

ประมาณตึสองกว่า ๆ คุณยายก็ได้ยินเสียงอะไรไม่รู้ อยู่ที่ข้างบ้านเสียงมันค่อย ๆ และเริ่ม ดังขึ้น ๆ ๆ มันเป็นเสียงเหมือนคนเอาเล็บข่วนฝาผนังข้างบ้านซึ่งมันเป็นไม้เสียงมันจะดังมาก คุณยายก็เริ่มสงสัยนึกว่าขโมยขึ้นบ้านจึงปลุกป้ามาช่วยกันดูหัวขโมย คุณยายแย้มหน้าต่าง เบา ๆ หลังจากคุณยายเปิดหน้าต่างคุณยายก็ทำหน้าไม่ดี

หน้าคุณยายซีดมากคุณป้าตกใจเลยขอไปดูบ้าง แต่ที่เห็นไม่ใช่หัวขโมย แต่เป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ซึ่งกำลังปีนจะขึ้นบ้านมาเล็บยาวมากคุณป้าเห็นถนัดมากเพราะวันนั้นเป็นคืนพระจันทร์เต็มดวง

คุณป้าบอกว่าเป็นคนแต่เล็บยาวมากและตัวผอม หนังหุ้มกระดูกเลย ผมยาวไปถึงเท้าตาสีแดงไม่มีลูกตาขาว คุณป้าตกใจมากเลยไปหยิบพระมาห้อยให้คุณยายและตัวเองซึ่งระหว่างนั้น ไอ้ตัวนั้นมันกระโดดน้ำดังจ๋อมไปแล้ว

หลังจากนั้นเด็กก็เสียชีวิตไปสัปดาห์ละ 1 คน ซึ่งพอเขาพบศพ ก็จะเป็นลักษณะเดียวกัน ซึ่งจะโดนผูกติดด้วยผมของคนที่ขาทุกราย

เรื่อง ผีถ้วยแก้วหลอน




เรื่องนี้คือเรื่องที่มีผู้ร่วมด้วยทั้งหมด 20 กว่าคนนะครับ


ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องจริงหมดเลย เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนผมได้ไปห้องสมุดที่ชั้น 3 ไปคนเดียวตอนประมาณ5-6โมงเย็นอ่ะครับ แล้ว มานจามีรูตรงประตูรูเล็กๆอ่ะครับ แล้วคงลมหรืออะไรซักอย่างเพื่อนผมวิ่งร้องไห้มาที่ห้อ ที่ผม กะเพื่อนเรียนอยู่ บอกว่าเจอ ผี พวกผมก็บอกว่าน่าลองว่ะ แล้วทีนี้มันก็เลยทำกระดานมาเล่น กัน ตอนแรกไม่เจออะไร ไปมาเพื่อนผมได้มองรุประตุห้องผิดตาย ไปเจอคนใส่ชุดโบราณในห้อง ผิดตายมันวิ่งไปคนแรกเลย


ทีนี้พวกผมก็ตามลงมามันบอกว่าเจอคน ผมจึงบอกว่าคิดมาก แล้ว ผมก็ได้ไปเล่นในห้องสมุดทีนี้เจอเลยครับแบบ เค้าบอกว่าเค้าเจอครูในโรงเรียนนี้ฆ่า ผมก็ไม่เชื่อ แล้วไปมาเคาบอกชื่ออาจารย์คนนั้นมา ซึ่งอาจารย์แกก็กำลังไป บวชชีอยู่ ผมก็คิดกะเพื่อนไป ไกลเลย แล้วทีนี้ เค้าก็บอกว่าเจอฝังที่หน้า รร ตรงใต้ต้นสน แล้ว ตรงต้นสนนั้นมันก็มีเหล็กกัน เด็กเข้าไปเหยียบ แล้วมี พวงมาลัย พวกผมก็เริ่มเชื่อ แล้ว พอมีครูคนนึงซึ่งพวกผมสนิทมากเล่า ให้ฟังเค้าว่างมงาย แล้วแก้วมันก็ตกอะเพราะมีเพื่อนผมไปโดน ปรากฎว่าไม่แตกอะ แก้วมัน กลิ้งไปที่ ครุแล้วค่อยแตกซึ่งระยะห่างก็ไกลพอสมควรเลยทีเดียวครับ


ทีนี้ผมได้ไปเล่นกันในวัน ที่ พวกครูประชุม ปรากฎว่าวันนี้ฝนตกหนักด้วย เพื่อนผม กับผม แล้วคนอื่นอีกทั้งดูทั้งเล่นก็เริ่ม งง เพราะแก้วเริ่มหมุนเป็นคำอะไรก็ไม่รู้ เพื่อนผมก็บอกว่าบ้า เลิกเหอะทีนี้ แก้วก็หมุนเร็วมาก ซึ่งเพื่อนผมบอกนิ้วมันจะหลุด ผมบอกว่าทนไว้ มันเหวี่ยงเร็วมาก แต่แก้วไม่คว่ำแล้วก็หมุนเร็ว เกิน พวกคุณคิดดูนะครับ เล่นกัน 4 คนแต่ถ้าหมุนคนนึง แก้วมันจะติดขัด แต่นี่ลื่นแล้วก็เร็วมาก ด้วย แล้วเค้าก็บอกว่า "พวกแกทุกคนกำลังจะตายด้วยเกมนี้"พอ ไม้โท จบ อาจารย์เปิดประตู มาผมอึ้งก่อน เพราะพออาจารย์มา แก้วหยุด ทีนี้โดนส่งฝ่ายปกครอง พอบอกอาจารย์ใหญ่เรื่อง ชื่อผี อาจารย์ใหญ่ก็อึ้งแล้วบอกว่างมงายมาก


แต่ทุกวันนี้ผมยังคงเชื่อว่าผีมีจริง ไม่ได้ลบหลู่นะ ครับ

เรื่อง หรือผมคิดไปเอง




สวัดดีพี่ the shock ทุกคนนะ ผมชื่อเอกครับ


ผมได้อ่านเรื่องของเพื่อนๆมาก็หลายเรื่องแล้วครับ ผมจึงอยากเรื่องส่งเรื่องมา เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ผมเนี้ยเป็นคนที่คิดมากคิดไปเรื่อยเปื่อยโดยเฉพาะเรื่อง ผีผี คือมันเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ผมเป็นนักเรืยนวงโยธวาธิตของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซึ่งในอีก 1 เดือนข้างหน้าจะมีงานที่ต้องไปโชว์ ซึ่งทุกคนในวงจะต้องมาเข้าค่าย(นอนค้างที่โรงเรียน) ฝึกซ้อม

หลังจากกินข้าวเย็นแล้ว(หกโมง)ก็มืดพอดี อาจารย์จึงเรียนซ้อมกลางสนามบอล ตอนซ้อมก็ยังไม่มีอะไร ผมเป็นคถากร ไม่ค่อยได้ลงไปเดินจึงขออนุญาติ อาจารย์ไปเอากระเป๋าเสื้อผ้าที่ตึก 4 (ซ้อมอยู่ที่ตึก 1) กว่าจะเดินถึงตึก 4 จะมีอาคารกั้นอยู่ 5 ตึก(ไกลมากๆ)


พอเอาเครื่องไปเก็บ ก็เดินออกมา กะว่าจะเดินไปข้างๆแต่ทางมันมืดมากไม่กล้าเดิน ผมเลยเดินมาทางหน้ามุกตึก 2 ซึ่งมีไฟสว่าง พอเดินพ้นชายคาตึก 2 รู้สึกเหมือนมีคนเดินตามหลังมามองไปที่ตึก3 มืดมากผมคิดว่าจะไปทางไหนดี รู้ไหมครับว่ผมไปทางไหน ผมตัดสินใจหันหลังกลับแล้ววิ่งสุดชีวิต วินาทีนั้นผมนี้แทบจะกรีด ร้องออกมา ผมวิ่งตรงที่เค้าซ้อมกันอยู่รอจนเค้าซ้อมเสร็จจึงไปเอากระเป๋า

คุณคิดเหมือนผมหรือป่าวว่าผมน่ะคิดไปเอง จริงๆแล้วมันไม่มี...........อะไรอยู่ข้างหลังคุณ?

เรื่อง วิญญาณหลอน





สวัสดีพี่ๆทีมงานshockfm ทุกๆคนคือว่ามีเรื่องลึกลับมาเล่าให้ฟัง


คือตอนนั้นคุณย่าของเพื่อนได้เสียชีวิตลงโดยไม่ทราบสาเหตุ วันนั้นได้เผาศพคุณย่าไปเรียบร้อยแล้วพอ 3 วันต่อมาเราได้ไปนอนบ้านเพื่อนคนนี้แหละตอนกลางคืนนอนด้วยกันรวมแล้ว 5 คนมีเรากับเพื่อน3คน แม่ของเพื่อนและพี่ชาย ตอนแรกคืนนั้นนอนดูทีวีกันอยู่ในห้องคุณแม่นอนหลับไปแล้วและหลับสนิทด้วยเหลือเรากับเพื่อน พี่ชายเพื่อนรวม 4 คนดูไปดูมาทุกคนก็ต้องอึ้งเพราะได้ยินเสียงคุณย่าของเพื่อนเรียกชื่อเพื่อนช้าๆแล้วบอกว่าให้มาหาย่าหลังบ้าน ทีนี้ลุกกันหมดเลยลงไปอยู่ในห้องครัวกัน4คน


ทีนี้เหลือแม่คนเดียวในห้องนอน สักพักแม่ก็วิ่งออกมาจากห้องนอนอย่างตกใจมากๆแล้วบอกว่าย่ามาหา ตอนนั้นทุกคนเลยจุดธูปกันบอกย่าว่าไม่ต้องมาอีกแล้วอยากอยู่แบบส่วนใครส่วนมันขอให้ย่าไปสู่สุคติ.....

เรื่อง เจอดีที่ข้างทาง


หวัดดี theป๋องและพี่ๆทีมงาน the shock ทุกๆคน

หนูเป็นแฟนคลับของ the shock มาก็เป็นเวลาเกือบหนึ่งปีแล้วค่ะ เพราะเพิ่งย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพ ลืมรายงานตัวไปเลยหนูชื่อ เอ ค่ะ ตอนนี้ก็กำลังเตรียมตัวสอบเข้า ม.4 อยู่ค่ะ อ่านหนังสือพอเครียดก็มาฟัง the shock ตอนแรกก็กลัวๆนะค่ะแต่พอฟังไปชักเชิน เอมีเรื่องมาเล่าให้ The ป๋องฟังค่ะ


เรื่องเกิดขึ้นกับพี่ชายเอ ช่วงประมาณต้นปีนี้เองค่ะ คือวันนั้นเพื่อนของพี่เขาจัดเลี้ยงรวมรุ่นกันที่บ้านที่ต่างจังหวัด(จ.ชัยภูมิ) ในวันนั้นพี่เขาก็กินเลี้ยงกันจนดึก ช่วงกลางดึกแม่ของเพื่อนพี่เขาโทรมาตามให้กลับบ้าน เลยต้องให้พี่เอไปส่งที่บ้านเพราะทุกคนต่างนอนหลับเพราะความเมา แต่พี่เอไม่กินเหล้าก็เลยไม่เมา เลยต้องไปส่งบ้านของเพื่อนพี่อยู่ห่างออกจากเขตเทศบาลออกไปก็ไกลพอสมควรเลยต้องขับรถไปไกลหน่อย ระหว่างทางที่ไปส่ง(ขาไป)ก็ไม่มีอะไรแต่พอขากลับซิค่ะ สุดจะสพรึงกลัว


พอขับรถมาพี่เอเห็นคนยืนอยู่ข้างทางแต่พี่เอเขาเคยได้ยินเขาเคยเล่าให้ฟังเรื่องผีข้างทางนี้บ่อยครั้ง และที่สำคัญแถวนั้นเกิดอุบัติเหติบ่อยครั้งก็เลยระวังเป็นพิเศษ พี่เอเห็นเขายืนเห็นเขายืนโบกรถตามสเต็บ แต่พี่เอไม่จอดเพราะคิดว่าจะผ่านไปเฉยแต่มันไม่เป็นอย่างที่คิด ปรากฏว่าผู้ชายนั้นวิ่งตามมากับรถพี่เอ ถ้าวิ่งเฉยๆเราอาจจะคิดว่าเป็นคนธรรมดา แต่ที่วิ่งตามมานั้นเป็นคนไม่มีหัว เท่านั้นแหละค่ะพี่เอบิดสุดเเรงเลยค่ะ แต่เอยอมรับเลยนะค่ะว่าพี่เขาใจแข็งมากที่ยังขับต่อไปได้โดยไม่เป็นอันตราย


เรื่องก็มีอยู่แค่นี้แหละค่ะ ขอบคุณ the ป๋อง ล่วงหน้านะค่ะที่อ่านเรื่องของเอออกอากาศ ขอให้ the ป๋อง และ พี่ๆ ทีมงาน the shock ทุกคนสุขภาพแข็งแรงนะค่ะ เอมีเรื่องเล่าหลายเรื่องมากที่จะเล่า แต่เอาไว้วันหลังก็แล้วกันนะค่ะสวัดดีค่ะ

เรื่อง ผีที่คิดถึงเพื่อน

เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนผมชื่อว่า เอ(นามสมมุติ)

เข้าได้นั่ง รถ มอเตอร์ไซค์ ไปโรงเรียน ปรากฎว่าได้ เกิดอุบัติเหตุขึ้น โดยที่สา(เพื่อนของเอ)ไม่เป็นอะไรเลย แค่ถลอก แต่เอ กลับตายคาที่ จึงได้เรียก รถ แท็กซี่ ไปโรงพยาบาล ซึ่ง สา บอกว่าเอยังไม่ตายยังคุยกะสาอยู่ในรถ แต่คนขับรถมอเตอร์ไซ ค์บอกว่า เเอตายคาที่แล้ว แต่สาบอกว่เห็นเอลืมตามาคุย ที่นีปรากฎว่า สา กะ เอ สนิทกันมาก พอตอนจะไปโรงเรียน สา ได้บอกกะเพื่อนที่โรงเรียนว่า "เอ มาเรียกให้ไปโรงเรียนด้วยกัน " ซึง บ้านของ เอ กะ สาวนั้นติดกัน ส่วนพ่อแม่ของ เอนั้นได้บอกว่า เห็นเอ ยืนร้องไห้หน้าบ้าน ส่วนวัน ที่ผม กับเพื่อนไปเผาศพนั้น ตอนเช้าแดด ดีมาก

พอเผาศพ ฝนดันตก ผมกะเพื่อนงงมาก แล้ว พระบอกว่า เอ ยังไม่อยากตาย ยังคิดถึงเพื่อน อยู่ เรื่องมีเท่านี้แหละคับ

เรื่อง คุณปู่มาให้หวย

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน

เมื่อปู่ของผมเขาเป็นป่วยเป็นโรค(ลืมไปแล้วว่าโรคอะไรเพราะหลายปีแล้ว)

จึงเข้าโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพเมื่อเดือนธันวาคม อาการของปู่หนักขึ้นทุกทีจนเป่สียชีวิตลง อยู่โรงพยาบาลได้3เดือน กว่าๆเขาเสียชีวิตเมื่อเดือนมีนาคม รวมอายุได้64ปี ก่อนเขาตายเขาบอกว่าให้นำศพไปเผาที่วัด.....(ไม่ขอเปิดเผย)

ผมก็บวชให้ปู่ด้วยสวดทั้งหมด7วัน เมื่อเผาศฑเสร็จ วันสองวันผ่านไป คนทั้งบ้านได้ฝันเห็นปู่หมดทุกคนเลยแม้แต่ผมและคนที่ปู่สนิทสนม ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมากที่ฝันถึงหมดทุกคนเลย ซึ่งย่าของผมเป็นคนชอบเล่นหวยมากๆ เวลาปู่ยังไม่ตายปู่ชอบบ่นเรื่องหวยกับย่าทุกที แล้วสรุปว่าหวยงวดนั้นออกเลขท้าย2ตัวคือ 63 เพราะว่าเขาเข้าโรงบาลก่อนเขาอายุจะ64(คนแถวนั้นเขาซื้อหวยกันเลข63ถูกกันระนาวเลยครับ บางรายถูกเป็นหลักหมื่นถึงหลักแสนก็มี)

เพราะเข้าโรงบาลตอนเดือนธันวาคม เขาเกิดเดือนกุมภาพันธ์ เขาเสียชีวิตเมื่อเดือนมีนาคม(ปู่คงไม่ทราบว่าคงถึงวันเกิดตัวเองแล้วเพราะเขาเข้าโรงบาลก่อนวันเกิด) แล้วงวดต่อมาหวยก็ออกมาอีกทีคราวนี้ออกเลข 20 ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่จะออกเลขแบบนี้กัน2งวดติดกันเลย ซึ่งเป็นหมายเลขที่เป็นวันเสียชีวิตของปู่ของผมและอายุของปู่ ซึ่งผมขอจบเรื่องที่ประหลาดเมื่อปู่ของผมเสียชีวิตเพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณครับ

จอมปลวกลองวิชา

สวัสดีท่านที่อ่านทุกท่าน

เรามีนามว่า สามเณร อาร์ต

ประมาณ 1เดือนมาแล้ว เราได้มาฝึก กรรมฐาน ที่วัดจันดาทอน ต.ตาโกน อ.เภอ เมืองจันทร์ จ. ศรีสะเกษ เราได้สามบัติถึงตติยฌาน สมาบัติ วันนั้น พระอาจารย์จะสร้าง ควายธนู โดยสั่งให้เราไปขุดจอมปลวกดินดำมา 7จอมปลวก เราก็ได้ไปหามาจน ครบ
แต่เวลาเราไปขุดไม่ได้ขอขมา เพราะว่า ลืม ไม่ไช่คิดว่าเราเก่งกว่านะ ลืม พอตกดึกวันนั้น เวลา 19.00น.


เราได้ไปที่กุฏิ ปากฏว่า มีปลวกสีดำ เต็มกุฏิเราเลย เราไม่รู้ว่ามันเกิดเข้นได้อย่างไร เราก็เลยมาหาพระอาจารย์ ๆ ท่านบอกว่า ผีจอมปลวกมาลองวิชา กล้าลองกับเขาไหม ความสู้คนของเรา ทำให้เราไม่กลัวเราเลยตอบไปว่า อยากลองก็มา เดี๊ยวจะได้รู้ว่าวิชาใครดีกว่ากัน พอไปถึงกุฏิของเรา คราวนี้ปลวกมีมากขึ้นกว่าเดิม จากประมาน 100-1000 ตัว



มันเพิ่มมาเป็น เกือบ เต็มห้อง ประมาณไม่ได้ๆ แต่มันเว้นไว้ตรง อาสนะ ที่เรานั่งทำพิธี พอเรานั่ง เข้าฌาณสมาบัติ ไม่ถึง5นาที มีชายแก่1คนเดิน เข้ามาชี้หน้าถามว่า อยากลองดี กับข้ารึ สามเณรน้อย เราก็ตอบว่า อยากลองดูสักครั้งว่าวิชาพระพุทธเจ้า กะวิชาของผีอันใหนจะแน่กว่ากัน ไม่ทันขาดคำ มันก้อ ส่ง ปลวกตัวใหญ่ กว่ากำปั้นมา ประมาน5-6ตัว เราเรย นึก ให้หุ่นพยน(มนุษย์หุ่นฟาง)

มาช่วย ทันใดนั้น ก็ปากฏ มีชายหนุ่มถือดาบ มาไล่ฟันปลวกพวกนั้น

ปลวกพวกนั้นตายหมด ชายแก่ เริ่ม ส่งมาอีก คราวนี้ มาเป็น ควาย ตัวใหญ่กว่าเรามา วิ่งชนเรา เรากับหุ่นพยน ช่ยกันดันไว้ เพราะมันตัวไหญ่เราเลยนึกถึงคายธนูของพระอาจารย์ที่เราบูชามา ทันได้นั้น ควาย ธนูก้อปากฏ ตัววใหญ่กว่า ของมัน 2-3เท่าตัว ชนควายของมันกระเด็น คราวนี้มันหมดทางสู้เพราะ ควายกะเด็นไปโดนมันเอง เราจึงสั่ง ควายธนูของ อาจารย์ให้ชน มันไปเรย ทันได้นั้น ชายแก่ก็หายตัวไปทันที พอเราเห็นอย่างนั้น เราจึง ออกจากสมาบัติ พอลืมตามาต้องตกใจ ปลวกที่เยอะๆ นั้น มันกลานเป็นใบไม้ใบเล็กๆ เต็มห้อง เราเลยเก็บมาให้พระอาจารย์ดู ท่านบอกว่า มันเสกใบมะขามเป็นปลวกมา เเต่เอ็ง ก็ชนะมันได้ ท่านอาจารย์เลยให้เราไปคอยช่วยปราบผีหรือ หรือสัมภเวสีที่ยังยึดถิ่นเกิดอยู่ช่วยไปจับมาส่งเขาไปเกิดเพื่อไม่ต้องมารับกรรม

ท่านใดประสบเหตุดังกล่าว กรุณาติดต่อ ที่ 0890669402หรือ 0879176614 สามเณรอาร์ต

ขอขอบคุณ สำหรับประสบการ์ณดีๆครับ

ท่านเปงคัย...

เริ่มเรื่องกันเลยนะค่ะ คือวันนั้นที่โรงเรียนเก่าของเรามีงานสถาปนาของโรงเรียนกันอยากจะบอกว่าพื้นที่ของโรงเรียนทั้งหมดเป็นของวัดค่ะและรอบๆโรงเรียนก็จะมีที่เก็บกระดู ศาลาสวดศพ เมรุเผ่า และที่เก็บศพก่อนเผ่า และพื้นที่ของโรงเรียนนั้นเป็นป่าช้าเก่าที่ถูกปรับ


พื้นที่ให้เป็นโรงเรียนจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งตอนนั้นเราอยู่กับเพื่อน 2 คนชื่อ กิ๊กกับต่อ เราก็นั่งเล่นกันหน้าห้องผอ. ซึ่งอยู่บนอาคารเรียนของเราแล้วตอนนั้นก็มีพระสวดและก็ทำพิธีต่างๆ จนเสร็จพวกเราเป็นคนเสียงดังกันเลยคุยเล่นกันเป็นเสียงดังปกติววึ่งเรากับกิ๊กได้หันไปในห้องผอ. ก็พบกับใครคนนึงยืนอยู่ตรงประตู ประตูนั้นเป็นกระจกสีดำ แล้วก็มีผ้าม่านปิดไว้ แต่ที่เรากับเพื่อนเห็นคือผู้ชายหนึ่งคนยืนหันหน้ามาทางพวกเรา ตัวอ้วน ใส่กางเกงสีดำ เสื้อแขนยาวสีน้ำตาล เรากับกิ๊กก็เลยบอกต่อว่าพูดเบาๆ หน่อยผอ.ออกมาแล้วนั้นอ่ะ และพวกเราก็นั่งเงียบๆกันสักพัก

ในที่สุดเราก็เห็นผอ.คนปัจุบันอยู่บนเวทีกำลังให้รางวัลพวกครูๆ และเรากับกิ๊กก็มองหน้ากันแล้วหันไปดูก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ามีประตูไม้มาปิดประตูกระจกตั้งแต่เมื่อไร หรือถ้ามีใครมาปิดก็ต้องผ่านหลังพวกเราอยู่ดี เราก็เลยชวนเพื่อนไปนั่งบนห้องเรียนกัน แต่เรื่องไม่จบแค่นั้นเพราะคนที่เราพบนั้นได้ตามเราไปทำบุญที่วัดเก่าที่พิษณุโลก พอเราเข้าเขตของจังหวัดเท่านั้นแหละเราก็ร้องไห้ปวดหัว ปวดคออย่างแรงเก็บอาการไม่อยู่เราเลยบอกป้า (ป้าๆกับลุงและครอบครัวของเราเป็นร่างทรงขององค์ต่างๆและเลี้ยงกุมารด้วยแต่เรากับกุมารสนิทกันตั้งแต่เด็กเราเลยไม่กลัวพวกเขา)

เขาก็จอดรถถามว่าไปเจอไรมาเพราะพวกเขาเห็นตั้งแต่เราขึ้นรถแล้วป้าเราก็เลยสวดมนต์ถอยหลัง แล้วลุงของเราท่านองค์ลงเลยบอกว่าใครมาทำหลานกูและลุงก็บอกให้พวกพี่กุมารจัดการและเราก็เงียบและหายเป็นปกติ พอถึงวัดเราถวายเทียนพรรษา 1 ต้นเลยให้เขาด้วยคนที่เราเจอ ป้าเราอีกคนก้อบอกว่าเขาแค่อยากมาทำบุญด้วยเพราะเป็นวัดพระใหญ่และหลังจากนั้นเรากับเพื่อนก็ไม่เคยเจอท่านอีกเลย และเราก็เลยลองถามยายของกิ๊กที่ทำงานในโรงเรียนเขาเลยบอกว่าเป็น "อาจารย์ใหญ่คนเก่าที่ตายไปแล้วหลายปี"


ลองคิดดูขนาดท่านตายไปแล้วยังอยากทำบุญเลยแล้วทำไมคนที่ยังมีชีวิตไม่อยู่ไม่อยากทำ...ลองคิดดูนะค่ะ


เรื่องเล่าของโรงเรียนเก่าของเรามีอีกมากถ้ามีโอกาสจะมาเล่าให้ฟังอีกนะค่ะ


...ขอบคุณที่อ่านนะค่ะ...

เสียงยามเย็น

ตอนที่อายุประมาณ 10 ขวบแม่เอาฉันไปฝากบ้านยายเเล้วแม่ก็ไปทำงาน

ช่วงนั้นเป็นเด็กที่กลัวอะไรไปหมดเเละดื้อมากๆชอบเจออะไรที่เเปลกๆเพราะความซนมั้ง ก็เลยเจอดีในวันนั้นเลยคือวิ่งเล่นแถวครัวหลังบ้านมีแม่บ้านหน้าตาหน้ากลัวหลอกว่าข้างหลังมีผีแต่ก็ไม่ฟังเค้า พอวิ่งไปหน้าห้องพักคนงานเก่าของบ้านยาย ได้ยินเสียงแม่เรียกว่าลูกอย่าซนนะๆ ก็เลยตกใจวิ่งไปบอกยายว่าทำไมได้ยินเสียงแม่ โดยที่รู้ว่าแม่ออกไปอยู่แล้ว

ยายเลยบอกว่าเเม่อยู่ที่ทำงานพึ่งโทรคุยกับยายตากี้นี้เอง ตกใจมากว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงของใคร...

วันอังคารที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2551

ห้อง 516 อำมาราธอน

สวัสดีคะ ผู้อ่านทุกท่าน เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ของคุณแม่ดิฉันเอง ที่เกิดขึ้นเมื่อ 12 ปี ที่ผ่านมา แม่ฉันเล่าให้ฟังว่า เมื่อสมัยที่คุณแม่ของดิฉันทำงานบริษัทในตำแหน่ง ผู้จัดการเขต รับผิดชอบเขตทางภาคอีสาน ณ วันนั้น คุณแม่ของดิฉันต้องไปดูงานสินค้าที่จังหวัด อุดรฯ และได้เข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางเมือง โรงแรมนั้นเป็นโรงแรมเก่า ปกติทุกเดือน คุณแม่ดิฉัน จะเข้าพักประมาณชั้น 2 - 3 แต่วันนั้น ไปถึงโรงแรมช่วงบ่ายโมง และช่วงนั้นเนี่ย ห้องล่างๆ เต็ม พนักงานก็เลยให้เข้าพักที่ชั้น 5 ห้อง 516 ซึ่งชั้น 5 นั้น เป็นลักษณะ ดาดฟ้าครึ่งนึง พอเช็คอินเสร็จเรียบร้อย ก็ไปทำงานตามปกติ กลับเข้าที่พักประมาณ 3 ทุ่ม แล้วก็อาบน้ำเพื่อที่จะเข้านอน ช่วงนั้นเป็นเวลา 5 ทุ่มแล้ว ทุกครั้งก่อนเข้านอนคุณแม่จะสวดมนต์ก่อนนอนเป็นประจำ พอสวดมนต์เสร็จ ก็เข้านอน พอตาเคลิ้มๆจะหลับ ตัวกะดุก กะดิกไม่ได้ นาทีนั้น คุณแม่ได้เห็น เงาสีดำ รูปร่างคน ลักษณะสูงใหญ่ ยืนอยู่ที่ปลายเตียง เหมือนเงานั้นมองมาที่ตัวคุณแม่ พอรู้ตัวว่าโดนผีอำ ด้วยความตกใจ คุณแม่สวดมนต์ ท่อง พุธโธ พุธโธ จนกะดุก กะดิก ตัวได้ แล้วมานั่งคิดว่า สงสัยนอนหงายผีเลยอำ เลยนอนตะแครง พอตากำลังจะปิดก็เห็นเหมือนเดิม คุณแม่ก็เลยเปิดไฟ ทั้งห้องให้สว่างแล้วไปนอนใหม่ พยายามที่จะนอนทั้งคืนเนี่ย ก็นอนไม่ได้ คือ จะนอนท่าไหนก็โดนอำ ตกลงว่า ทั้งคืน ก็ไม่ได้นอนเลย เวลาโดน กว่าจะหลุดเนี่ย ทำให้เหนื่อยและเพลียมากก็เลยมานั่งอ่านหนังสือพิมพ์ทั้งฉบับทุกตัวอักษร ที่โต๊ะเครื่องแปรง พอตอนเช้า เวลาประมาณตี 5 อยู่ๆคุณแม่ งีบหลับไป ได้ฝันเห็นแม่บ้าน เหมือนกับไปถามเค้าว่าห้องนี้มีอะไร ถึง นอนไม่ได้เลย แม่บ้านทำหน้าตกใจ แต่เค้าก็ไม่ตอบ ไม่ยอมพูดจากนั้น คุณแม่ก็สะดุ้งตื่น รีบอาบน้ำแต่เช้า แล้วรีบเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม พอไปถามพนักงานที่เคาเตอร์ข้างล่าง เค้าก็ไม่ยอมบอก ได้แต่มองหน้าเฉยๆ คุณแม่ดิฉันไม่ได้ว่าอะไร ก็เลยเดินทางกลับกรุงเทพฯวันนั้นเลย ปกติที่คุณแม่ทำงานมาเนี่ย ประมาณ 8 - 9 ปี พักโรงแรมทั่วทุกภาค จะไม่ค่อยเจอ แรงๆ เหมือนที่นี้ ครั้งนี้แรงสุด จบ

เสียงยามเย็น

ตอนที่อายุประมาณ10ขวบแม่เอาฉันไปฝากบ้านยายเเล้วแม่ก็ไปทำงาน ช่วงนั้นเป็นเด็กที่กลัวอะไรไปหมดเเละดื้อมากๆชอบเจออะไรที่เเปลกๆเพราะความซนมั้ง ก็เลยเจอดีในวันนั้นเลยคือวิ่งเล่นแถวครัวหลังบ้านมีแม่บ้านหน้าตาหน้ากลัวหลอกว่าข้างหลังมีผีแต่ก็ไม่ฟังเค้า พอวิ่งไปหน้าห้องพักคนงานเก่าของบ้านยาย ได้ยินเสียงแม่เรียกว่าลูกอย่าซนนะๆ ก็เลยตกใจวิ่งไปบอกยายว่าทำไมได้ยินเสียงแม่ โดยที่รู้ว่าแม่ออกไปอยู่แล้ว ยายเลยบอกว่าเเม่อยู่ที่ทำงานพึ่งโทรคุยกับยายตากี้นี้เอง ตกใจมากว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงของใคร...

ซ่อนแอบ!

คือเรื่องนี้ ดิฉันไม่ได้เจอกับตัวเองหรอกค่ะ เป็นคุณป้า ที่ เห็น มากับตัว ตั้งแต่สมัย ท่าน ยังเด็ก ท่านเล่าไห้ฟังว่า ตอนเด็กๆ ท่าน มีเพื่อน ประมาณ6-7 คนได้ก้อเลย ชวนกันเล่น ซ่อนแอบ ท่านไม่รู้ไงคะตามประสาเด็ก ก้อเลยเล่นกันประมาณ6โมงเย็นได้ โพล้เพล้ๆอะค่ะ ที นี้ คุณป้าดิฉัน ต้องเป็น คน หา ก้อตะโกน เรียก ชื่อเพื่อน เรียกๆ เพื่อนก้อไม่ตอบ แต่คุณป้าก้อเห็นนะคะ เห็นลางๆ ก้อเดินไปแถวใต้ บันได้ ก็ ไป จับเข้า กับ สิ่งหนึ่ง คุณป้า บอกว่า มันคล้ายๆ หัวคน แต่มันสากๆ คล้าย กระโหลก!คุณป้า ก็เรียกชื่อเพื่อนก้อเงียบ คุณป้ารู้สึกขนลุกและรู้สึกไม่ดี ก้อเลย วิ่งหนีและเอาผ้าเปิดตาออก


พอ มาถึงแถวหลัง บ้าน ปรากฎว่า เพื่อน แอบ อยู่หลังบ้านกันหมดเลย คุณป้าตกใจและกลัวเลยไม่กล้าเล่าไห้ใครฟังพอถึงเช้าถึงจะเล่าไห้ผู้ไหญ่ฟัง แล้วคุณล่ะค่ะคิดว่าไครที่คุณป้าดิฉันจับ!

ผีเจ้าที่หลอก 2เดือนเต็มๆ เรื่องนี้ส่งมาจาก : losonowar

ผมเป้นคนที่มีเซนส์เกี่ยวกับผีดีมาก มีหลายเรื่องเลย แต่วันนี้ขอเล่าเรื่องล่าสุดที่พบเจอ เหตุเกิด ที่ร้านขายของพี่ชายผมที่ นครพนม


วันหนึ่งผมต้องย้ายมาอยู่กับพี่ผม ก้าวแรกที่ผมยืนหน้าบ้าน ผมรุ้สึกได้เลยว่าบ้านหลังนี้ต้องมีอะไรสักอย่าง พร้อมกับบอกตัวเองว่า ต่อให้ผมเจออะไร ผมจะอยุ๋ แล้วก็ไม่ไปไหน และอีกอย่างผมเป็นคนไม่เคยไหว้เจ้าที่ เพราะคิดว่า ผมมาอยู่ท่านก้คงจะรู้ เพราะผมไม่ชอบลบหลุ่คงไม่เจออะไรแน่นอน บ้านหลังนี้มีห้องนอน2ห้อง


ผมนอนห้องหน้าคนเดียวที่ชั้น2 ปรากฏว่าคืนนั้น ผมนอนหลับอยู่ ผมได้ยินเสียงจากบนฝ้าดัง ตึง ดังมาก แต่ไม่มีเสียงหนูวิ่ง ไม่มีแมววิ่ง ดังตรงเสาของห้อง ผมก็คิดว่าคงไม่มีอะไร ผมก้นอนต่อจากนั้น


ผมก็ได้ยินเสียงคนเดินรอบที่นอนผมทั้งคืน ผมลุกขึ้นมานะครับ และยังได้ยินอยู่ ผมก็เอะใจว่าเสียงอะไร แต่ไม่กล้าเล่าให้พี่ฟังเพราะผม คิดว่าผมอาจคิดไปเอง และหลังจากนั้นจนครบ2เดือน ผมแทบไม่นอน เพราะเสียงดังขึ้นทุกวัน จนมีวันหนึ่งผมลุกขึ้นมาตะโกนว่า มืงจะเอายังไง กูง่วงนอนนะโว่ย ผมบอกให้นะครับว่า ผมไม่ได้ฝัน ผมมีสติทุกครั้งและลืมตาอยุ่ทุกครั้ง ที่มีเสียงเดิน ผมจะได้นอนก็ต่อเมื่อถึงตอนเช้า หลังจากโดนทั้ง ได้ยินเสียงเดิน สัลบกับการโดนผีอำ ผมทนไม่ไหว ผมเลยถามพี่ว่า มีคนเดินในห้องนอน แค่นั้นแหละครับ พี่ผมพูดว่า มืงก็เจอเหรอวะ กูนึกว่ามึงจะไม่เจอ ผมเลยพูดว่าอ่าว พี่เคยเจอทำไมไม่บอกวะ มันพูดว่าถ้าบอก มึงจะอยุ่เหรอ


มันก้เล่าว่ามันเคยเจอมาก่อน แล้วมันก้กลัวมาก คืนนั้นมันออกไปที่ระเบียงแล้วปีนไปบ้านข้างๆเรียกน้าที่บ้านติดกันว่าโดนผีหลอก


แล้วมันก้ย้ายไปนอนข้างหลัง ส่วนผมวันนั้นผมก็เลยไหว้เจ้าที่ แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอีกเลย แต่พักนี้ ไม่ค่อยได้ไหว้ ช่วงนี้บนบ้านผมมีคน เดินตลอดเวลา และ ผมขนลุกทุกครั้ง ที่เดินขึ้นบนบ้าน





..ใครที่ไปอยุ่ต่างถิ่น หรือ ที่แปลกๆ อย่าลืมไหว้ ศาลเจ้านะครับ ..





โน้ต โลโซ

เรื่อง ป่าหลอน หลอนป่า

สวัสดีครับทุกท่าน นี่เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์จริงของผมเมื่อไม่นานมานี้เอง เริ่มเลยนะครับ วันที่6กุมภาพันธ์ ผมไปเข้าค่ายฝึกนักศึกษาวิชาทหารที่กาญจนบุรีมา ซึ่งก็ยังม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงนั้น พอมาวันที่9กุมภาพันธ์ ขณะที่เดินทางลงจากเขาพร้อมเพื่อนในกองร้อย เพื่อที่จะกลับกองพันปกครอง ตอนนั้น เป็นเวลาสองทุ่มโดยประมาณ แต่ที่นั่น อยู่บนเขา ดังนั้น แสงสว่งไม่ต้องพูดถึง มีแต่แสงจันทร์ และแสงดาวเท่านั้น ผมกับเพื่อนในกองร้อยได้เดินทางลงจากเขาไปเรื่อยๆ ผ่านไร่อ้อยมากมาย แต่ระหว่างเดิน หางตาผมรู้สึกว่าเหมือนมีพวก รด. ด้วยกันมาเดินข้างๆ ทำท่าจะเข้าแทรก ผมก็หันหน้าไปเพื่อบอกให้เขาแซงขึ้นไปได้เลย แต่เมื่อหันไปแล้ว ไม่เจออะไร สองข้างทางเป็นแต่ไร่อ้อย ผมรู้สึกอย่างนี้ประมาณสามสี่ครั้งได้ กลับมาถึงกองพันปกครอง เพื่อนผมที่มาด้วยเขาไม่พูดอะไรเลย ผมก็พยายามถามเขา เขาบอกว่าผมก็โดนป่าหลอนเหมือนกัน แต่หนักกว่าผม คือ เห็นคนตั้งแถวอยู่ในป่า ซึ่งผมก็ไม่เห็นภาพนี้ (ลืมบอกไป ผมกับเพื่อนคนนี้เดินมาคนละชุดกัน และทั้งคู่ก็ห้อยพระไว้ และผมก็มีเหรียญที่เช่ากศูนย์รด.มาเหมือนกัน) เรื่องนี้ผมไม่ได้เล่าให้พวกที่โรงเรียนฟังเลย เกรงว่าจะเกิดโกลาหนขึ้น เพราะผมเปลี่ยนผลัดไปก่อน นับว่า ดินแดนแห่งนี้ เป็นสมรภูมิเก่ามาตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นราชธานี สิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรก็คุ้มครองท่านไม่ได้ หากท่านไปลบหลู่เขา แต่ผมกล้ายืนยันได้ว่า ผมกับเพื่อน รู้เรื่องสถานที่นี้เป็นอย่างดี และผมก็เชื่อเรื่องลึกลับต่างๆอย่างสนิทใจ จึงเป็นไปไม่ได้ว่า ผมกับเพื่อน จะไปลบหลู่อะไร ขอฝากเรื่องเล่าเรื่องนี้ไว้ให้เพื่อนๆพิจาณนาด้วยครับ

รีสอร์ท...สยอง

สวัสดีคือว่าเมื่อประมาณปีที่แล้วได้ไปเที่ยวรีสอร์ทที่พี่เป็นผู้จัดการอยู่ที่จังหวัด เลย ค่ะ ก็คือหนูไปมาหลายก่อนหน้านี้ประมาณ 2 ครั้งแล้ว แต่คราวนี้พอดีเดินทางไปทำบุญที่จังหวัดพิจิตรเลยกะว่าจะไปหาพี่สาวที่จังหวัดเลย ก็มีพ่อแม่แล้วก้อหนุไปด้วย ... รวมกันก็ 3 คนพอไปถึงก็ช่วงนั้นไม่มีคนมาพักที่รีสอร์ทนะค๊ะ เพราะว่ามันไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ก็เลยไม่มีคน คืนแรกหนูกับพ่อแม่ก้อพักที่ห้องริมน้ำเพราะว่าบรรยากาศดี แม่หนูก็เป็นที่แบบชอบสวดมนต์ถือศีลอะไรทำนองนี้นะค๊ะ แม่ก้อสวดมนต์ตลอดอยู่แล่ว เวลาไปไหน คืนแรกนอนไปก็ไม่มีอะไรค่ะ แต่ว่าตอนกลางคืนน่ากลัวมากค่ะ เพราะว่าทั้งรีสอร์ทไม่มีคนเลยค่ะ พี่ก็ไปนอนที่ห้องตัวเองข้างบน ที่นอนข้างล่างที่ริมน้ำนั้นมี 3 คน ลืมบอกไปรีสอรืทนี่ก็ประมาน ร้อยกว่าไร่ ๆ .. คือห้องนี้เตียงไม่พอค่ะ ก็เลยต้องแบ่งเป้น 2 ห้องคืนนี้หนูนอนกับแม่ค่ะ วันรุ่งขึ้นหนูเลยบอกพี่ว่าไปนอนบ้านข้างบนดีกว่า เพราะว่ามันจะเป็นเหมือนขึ้นภูเขาไปอ่ะค่ะ มีบ้านจะได้นอนรวมกันหลังเดียว ...ก็โอเคเราก็ย้ายกันขึ้นไปข้างบน พอตอนเริ่มเย็นแบบว่าโพล้เพล้ค่ะ พ่อของหนูก้อล้างรถอยู่หน้าบ้านค่ะ แม่ก็ยืนกวาดใบไม้รดน้ำต้นไม้ไรงี้หนูก็ช่วยพ่อล้างรถ....มันมีเสียงแก้วแตกดังมาจากในบ้านตกใจมากค่ะ แม่ก็เข้าไปดูคือแก้วอยุ่หลังตู้เย็นอยู่ในล๊อคพอดีมี 3 ใบแก้วที่ตกมาแตกเป็นใบกลาง น่าแปลกมั้ยค๊ะ บ้านนี้เปิดแอร์อยุ่แล้วปิดหน้าต่างทุกบาน ๆ ไม่มีสัตว์ซักตัวมันตกมาแตกได้ไง เท่านั้นยังไม่พ่อ ,, พ่อหนูไปอาบน้ำตอนออกมาหลอดไฟตกลงมาแตกไฟดับ ทั้งบ้าน ๆ หลังจากนั้นก็เริ่มกลัวกันแล่วค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น คือทางเข้าบ้านมีประตูสองทาง อยู่ดี ๆ ประตูอีกทางเปิดไม่ออกเฉย เลย ไม่ว่าจะเปิดข้างในหรือข้างนอก หลังจากนั้นไม่อยุ่แล่วค่ะ ออกไปทานข้าวข้างนอกเลย ๆ ไปซักพักให้มันลืมยังไงก็ไม่ลืมหรอกค่ะ กลับมาแม่หนูจุดธูปเลยอ่ะ แล้วก็กลับมานอนกันคืนนั้นผ่านไป อีกวันรุ่งขึ้นก็กลับบ้านเลยค่ะ พี่หนูก็เลยเล่าให้ฟังว่า ที่รีสอร์ทนั่นเมื่อก่อนเค้าเรียกว่า "ทุ่งนางครวญ"คือมีทหารไทยกับลาวรบกันแล่วตายหมดเหลือผู้หญิงคนเดียวเค้าก็ได้แต่ฝังศพไปทีละศพทุกทุกวันเค้าก็ร้องไห้ตลอด คนที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้นบางทียังได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้เลยค่ะ หลังจากนั้นก็กลัวอ่ะค่ะ ๆ ๆ ๆ เป็นอะไรที่ใครไม่เจอไม่รู้เลย ๆ ไม่ได้ให้มาเห็นแต่ทำขนาดนี้ ๆ ๆ นะค๊ะ ไม่ไหวค๊ะ















เรื่องนี้ก็จบลงเท่านี้น๊ะค๊ะ ๆ ๆ



ขอบคุณทุกคนที่อ่านกันจนจบค่ะ











ZOMMII

การแก้กรรมในการทำแท้งที่ดีที่สุดคือ

ทำแท้ง….กรรมมีจริงนะ





“ ทำท้องมันใช้อารมณ์กับความมันส์ แต่ทำแท้งต้องเสียเงิน เสียน้ำตาและเสียความรู้สึก แถมยังเจ็บตัวหรืออาจถึงตายได้” คิดให้ดีการจะทำอะไรลงไป กรรมมีจริงนะ





เราไม่ได้สนับสนุนให้เกิดการทำแท้งขึ้น แต่เป็นการช่วยแบ่งเบากรรม และสร้างความสบายใจให้แก่คนที่พลาดพลั้งไปในชีวิต จะเจตนาก็ดี ไม่เจตนาก็ดี เราไม่ได้หวังว่าจะส่งเสริมให้คนทำมากขึ้น แต่เป็นการแก้กรรมที่ถูกต้องที่ดีที่สุด เสียค่าใช้จ่ายน้อยที่สุด และได้รับประโยชน์สูงสุด สำหรับการแก้กรรมนี้ ใช้ได้ทั้งคนที่ไปทำแท้ง คนที่สนับสนุนการทำแท้ง เช่น แฟนของผู้หญิงที่ท้อง พ่อแม่ของผู้หญิงที่ท้อง และก็เพื่อนที่พาไปทำหรือแนะนำสถานที่ไปทำแท้ง ทุกคนที่กล่าวมานี้ล้วนมีกรรมในการกระทำครั้งนี้ ทางเราขอย้ำว่า เราไม่ได้สนับสนุน ส่งเสริมให้เกิดการทำแท้ง แต่เราต้องการให้แก้กรรมโดยถูกวิธีที่สุด





•การตักบาตรเป็นการสั่งสมบุญไปใช้ชาติหน้าไม่มีผลต่อการแก้กรรมในการทำแท้ง


•การทำสังฆทานเป็นการใช้กรรมให้แก่เจ้ากรรมนายเวรไม่มีผลต่อการแก้กรรมทำแท้ง








การแก้กรรมในการทำแท้งที่ดีที่สุดคือ


1.ต้องตั้งจิตอธิฐานว่า ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย จะไม่ทำแท้งอีก การแก้กรรมครั้งนี้ถึงจะได้ผล


2.ต้องบริจาคร่างกาย


3.ต้องบริจาคอวัยวะ


4.ต้องบริจาคเลือดอย่างน้อย 7 ครั้ง


5.ต้องบริจาคเงินเพื่อไถ่ชีวิตโค – กระบือ


6.ซื้อเครื่องมือแพทย์ บริจาคให้กับตามโรงพยาบาล


•ถ้าให้ดีที่สุดควรทำทุกอย่าง แต่ถ้าไม่มีความสามารถให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่ง รับรองว่าได้ผล 100 % แต่ต้องยึดมั่นข้อที่ 1 เป็นหลักคือ ไม่กลับไปทำแท้งอีก จึงจะได้ผล


•เมื่อท่านทำวิธีแก้กรรมครั้งนี้แล้ว ถ้ากลับไปทำแท้งอีกผลกรรมจะกลับมาหาท่านหลายร้อยเท่า พันเท่า


•และหลังจากที่ได้ทำบุญทุกอย่างแล้ว ท่านต้องกลับมาจุดธูป 16 ดอก เพื่อขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวรและเจ้าบุญนายคุณ และขอพรหลังจากอโหสิกรรมแล้ว ท่านจะสมหวังทุกประการ





ขอให้ทุกคนมีความสุขและสมหวัง





เพชร ท่าอิฐ - หญิง เมืองชล

มือใคร?

ย้อนไปเมื่อประมาณเกือบ10ปีที่แล้ว ช่วงนั้นเป็นช่วงที่คุณตาของดิฉันเสียชีวิต ทำให้ดิฉันและแม่ต้องไปนอนเป็นเพื่อนยายที่บ้านของท่าน คนแก่สมัยก่อนมักจะชอบนอนกับล้าน และยายของดิฉันก็นอนแบบนั้นด้วย ช่วงแรกที่เข้านอนก็ยังไม่มีอะไรแม่และยายได้หลับแล้ว คงเหลือแต่ดิฉันที่ยังคงไม่หลับ ในห้องที่เรานอนจะมีด้วยกัน 3 คน คือยาย แม่ และดิฉัน ยายนอนชิดกำแพงด้านในสุด และฉันนอนเป็นคนสุดท้ายติดกับประตูทางเข้าออกของห้อง



เวลาล่วงเลยไปสักประมาณเกือบจะ ตี 2-3 ขณะที่กำลังเคลิ้มจะหลับ



ดิฉันก็ต้องตกใจสุดขีด อยู่ๆก็มีมือใครก็ไม่รู้โผล่มาจากใต้ถุนล้านที่ดิฉันนอนมือนั้นได้จับไป

วิทยุหลอน

ตอนนี้ผมอยู่ประมาณป.6คับแล้วบ้านผมเป็นบ้านเทาส์เฮาส์

พอตอนกลางคืนประมาณสักเที่ยงคืนกว่าๆ ผมก็นอนไม่หลับก็เลยนอนฟังวิทยุอยู่พอฟังไปได้สักพักวิทยุก็เปลี่ยนคลื่นผมก็เลยลุกขึ้นไปดูพี่ที่นอนติดกับวิทยุพอผมลุกไปดู

ปรากฏว่าพี่ผมหลับไปนานแล้วผมก็ไม่ได้คิดอะไรสงสัยมือพี่จะไปโดนพี่เปลี่ยนคลื่นเลยนอนต่อพออีกแปบนึงวิทยุก็เปี่ลยนคลื่นอีกแต่คราวนี้วิทยุเปลี่ยนคลื่นไม่หยุดเปลี่ยนไปเรื่อยๆแล้วก็ดับผมชักกลัว

ก็เลยเรียกพี่จนพี่ตื่นแล้วโทรหาแม่ให้มาเปิดประตูบ้านอีกหลังพี่อยู่ตรงข้ามกัน แล้วพอตอนเช้าพี่ก็มาเล่าให้ฟังว่าพอพี่กลับขึ้นไปบนห้องพี่ก็ไปมองกระจกพอดีแล้วเห็นเป็นเงาคนค่อมเตียงที่พี่นอนที่ติดกับวิทยุอยู่ แล้วผมก็ไม่กล้านอนบ้านนี้อีกเลย เรื่องผมก็มีแค่นี้ละคับ

โค้งอาถรรพ์

สวัสดีคับพี่ๆ ครั้งนึงในชีวิตพี่ๆเชื่อกันหรือไม่ ผมขอบอกเลยนะครับสำหรับคนที่ยังไม่เคยประสบด้วยตัวเอง ว่าถ้าไม่เคยเจอกับตัวเองไม่รู้สึก เหมือนผมที่ไม่เคยเชื่อ แต่ก็เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาบ้าง...

วันนั้นผมขับมอร์ไซด์ออกจากบ้านตอนประมาณ 3 ทุ่ม จะไปรับเพื่อน เส้นทางที่ผมไปเป็นเส้นทางปกติที่ผมใช้ยู่เป็นประจำ เส้นทางนั้นจะมีโค้งอยู่โค้งหนึ่ง มีต้นมะขามเทศต้นใหญ่อยู่ตรงมุมหัวโค้ง

ซึ่งโค้งนี้ผมก็พอจะเคยได้ยินอยู่บ้างว่ามีคนเคยเจออะไรลักษณะนี้ และวันนั้นผมก็มุ่งหน้าไปรับเพื่อน ก็ไม่ได้คิดอะไร เมื่อผ่านโค้งที่ว่า ผมกลับรู้สึกตัวลอยๆ แต่ก็มีสติว่าขับรถอยู่ แต่ความคิดในหัวคือไม่รู้ว่าจะขับไปไหน

ขับขับไปผมก็มองกระจกหลัง สิ่งที่ผมเห็นคือผู้หญิงผมยาวนั่งซ้อนท้ายรถผมอยู่ ตอนนั้นผมเห็นแค่ผมยาวๆกับช่วงบ่า แต่หน้าตาไม่ทันมอง "นี่หรือเปล่าที่เขาเรียกว่าผี" นี่คือสิ่งแรกที่ผมคิดได้ในตอนนั้น

ผมกลัว ตัวสั่นเกร็ง แต่ก็บังคับตัวเองไม่ได้ จอดรถไม่ได้ คิดกับตัวเองว่าทำไงดี ผมหลับตาตั้งแต่ตอนแรกที่เห็น และผมก็ไม่รู้ว่าผมขับต่อมาได้ยังไง จนผมตัดสินใจที่จะลืมตาอีกครั้ง

ตั้งสติอยู่แป๊ปนึงก็ตัดสินใจที่จะมองกระจกหลังอีกครั้ง สิ่งที่เห็นและติดตาผมมาถึงวันนี้คือ หล่อนยิ้มให้ผม แต่ยิ้มของหล่อนทำให้ผมแทบช็อก ขนลุกทั้งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ทำเอาผมแทบหมดสติเลย

รอยยิ้มตรงมุมปากของหล่อนค่อยๆฉีกกว้างขึ้น ...กว้างขึ้น..ที่สำคัญผมไม่เห็นส่วนอื่นบนใบหน้าของหล่อนเลยเห็นเพียงปากที่กว้างขึ้น และในปากก็มีแต่สีดำมืดสนิทลึกเข้าไปด้านใน

และวูปนั้นผมก็รู้สึกว่าผมได้จอดรถ พอจอดรถได้และบังคับตัวเองได้ ผมก็เหลียวมองรอบตัวว่าผู้หญิงคนนั้นยังอยู่หรือเปล่า และผมอยู่ที่ไหน พอเหลียวไปก็ไม่เจอหล่อนแล้ว และที่ที่ผมอยู่

คือทุ่งนาโล่งๆตลอดสองข้างทาง ตอนนั้นสิ่งที่ผมคิดคือต้องออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด และผมก็บิดรถออกจากตรงนั้นมาอย่างไม่คิดชีวิต จนมาออกถนนใหญ่ มีรถพรุกพร่าน ผมจอดรถริมถนนตั้งสติ

ก่อนตัดสินใจขับรถไปรับเพื่อนซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น ผมไม่พูดอะไรกับเพื่อนมันซักคำ พามันไปส่งถึงบ้านก็ไม่ได้พูดกับมัน ส่งเพื่อนเสร็จผมก็ขับรถกลับบ้าน พอถึงบ้านเท่านั้นแหละ

ผมนั่งลงร้องไห้อย่างคนไร้สติ ญาติๆพากันตกใจว่าผมเป็นอะไร ผมไม่เคยร้องไห้อย่างงี้ ผมพูดอะไรไม่ออกได้แต่นั่งร้องอยู่งั้น... ซักพักใหญ่ๆผมเริ่มควบคุมสติได้ ผมจึงเล่าให้เหล่าญาติๆฟัง


ตั้งแต่นั้นผมก็เชื่อเรื่องผีอย่างสนิทใจ...อย่างไม่ต้องสงสัยว่ามีจริงหรือไม่เลย และอีกอย่างผมอยู่ที่ ยูเสริ้จโคราช ที่พี่นำเรื่องๆผีๆ


และสถานที่มาให้ และดาจิมก็มา ขอให้พี่นำเรื่องดีๆมามากๆ นะคับ

เรื่อง ป่าหลอน หลอนป่า

สวัสดีครับทุกท่าน นี่เป็นเรื่องเล่าที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์จริงของผมเมื่อไม่นานมานี้เอง เริ่มเลยนะครับ วันที่6กุมภาพันธ์ ผมไปเข้าค่ายฝึกนักศึกษาวิชาทหารที่กาญจนบุรีมา ซึ่งก็ยังม่มีอะไรเกิดขึ้นในช่วงนั้น พอมาวันที่9กุมภาพันธ์ ขณะที่เดินทางลงจากเขาพร้อมเพื่อนในกองร้อย เพื่อที่จะกลับกองพันปกครอง ตอนนั้น เป็นเวลาสองทุ่มโดยประมาณ แต่ที่นั่น อยู่บนเขา ดังนั้น แสงสว่งไม่ต้องพูดถึง มีแต่แสงจันทร์ และแสงดาวเท่านั้น ผมกับเพื่อนในกองร้อยได้เดินทางลงจากเขาไปเรื่อยๆ ผ่านไร่อ้อยมากมาย แต่ระหว่างเดิน หางตาผมรู้สึกว่าเหมือนมีพวก รด. ด้วยกันมาเดินข้างๆ ทำท่าจะเข้าแทรก ผมก็หันหน้าไปเพื่อบอกให้เขาแซงขึ้นไปได้เลย แต่เมื่อหันไปแล้ว ไม่เจออะไร สองข้างทางเป็นแต่ไร่อ้อย ผมรู้สึกอย่างนี้ประมาณสามสี่ครั้งได้ กลับมาถึงกองพันปกครอง เพื่อนผมที่มาด้วยเขาไม่พูดอะไรเลย ผมก็พยายามถามเขา เขาบอกว่าผมก็โดนป่าหลอนเหมือนกัน แต่หนักกว่าผม คือ เห็นคนตั้งแถวอยู่ในป่า ซึ่งผมก็ไม่เห็นภาพนี้ (ลืมบอกไป ผมกับเพื่อนคนนี้เดินมาคนละชุดกัน และทั้งคู่ก็ห้อยพระไว้ และผมก็มีเหรียญที่เช่ากศูนย์รด.มาเหมือนกัน) เรื่องนี้ผมไม่ได้เล่าให้พวกที่โรงเรียนฟังเลย เกรงว่าจะเกิดโกลาหนขึ้น เพราะผมเปลี่ยนผลัดไปก่อน นับว่า ดินแดนแห่งนี้ เป็นสมรภูมิเก่ามาตั้งแต่สมัยอยุธยาเป็นราชธานี สิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรก็คุ้มครองท่านไม่ได้ หากท่านไปลบหลู่เขา แต่ผมกล้ายืนยันได้ว่า ผมกับเพื่อน รู้เรื่องสถานที่นี้เป็นอย่างดี และผมก็เชื่อเรื่องลึกลับต่างๆอย่างสนิทใจ จึงเป็นไปไม่ได้ว่า ผมกับเพื่อน จะไปลบหลู่อะไร ขอฝากเรื่องเล่าเรื่องนี้ไว้ให้เพื่อนๆพิจาณนาด้วยครับ

เรื่อง วิญญาณสัมผัสได้

ผมมีประสบการณ์ตรงเรื่องหนึ่งจะเล่าให้ฟัง ขอตั้งเรื่องว่า "วิญญาณสัมผัสได้" เพื่อไม่ให้เสียเวลาขอ เล่าเลยนะครับ (แอบเขียนในที่ทำงาน)

เมื่อประมาณ 10 กว่าปีมาแล้ว ตอนนั้นผมอายุประมาณ 16-17 ปี ได้บวชเป็นสามเณรอยู่ ณ วัดพระพุทธ บาทตากผ้า อ.ป่าซาง จ. ลำพูน ที่วัดมีเนื้อที่กว้างขวางมาก และก็มีบางส่วนติดกับป่าด้วย ที่อยู่อาศัยของพระและเณรก็คือกุฏิ ซึ่งปลูกเป็นหลังเล็ก ๆ มีทางขึ้นและ เป็นห้องนอน (บางหลังก็มีห้องนำในตัว) อาศัยกุฏิละ 1 รูป ทั้งหมดก็มีประมาณ เกือบร้อยหลัง ผมอาศัยเป็นคนกลัวผีและเป็นน้องใหม่ จึงได้อาศัยอยู่ตรงกลางชุมชน หน่อย ก็ไม่กลัวเท่าไหร่ เรืองเกิดขึ้นตอนที่ หลวงพี่ที่สนิทกันท่านไปทำธุระต่างจังหวัด ผมเลยอาสาไปนอนที่กุฏิท่าน เนื่องจากมีห้องน้ำในตัว แต่อยู่ ตรงขอบป่า ใกล้กับสระน้ำใหญ่ประจำวัดอ คืนวันหนึ่งก่อนนอนผมก็ไม่ได้คิดอะไร อ่านหนังสือ ก็เผลอหลับไป แต่ก่อนนอนก็ไม่ลืมปิดหน้าต่าง (มีอยู่ บานเดียว) แต่ไม่สามารถลงกลอนได้เนื่องจากไม้ขยายตัว มันจึงฝึดมากปิดไม่สนิท (พยายามปิดให้มิดมากที่สุด) เผลอหลับไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีเมื่อ ได้ยินเสียง ปัง ของหน้าต่างเปิดเหมือนกับว่าโดนลมพัดอย่างแรง พอรู้สึกตัวผมได้ยินเสียงคนเดินภายในกุฏิรอบเตียงนอน (เตียงเล็ก ๆ และเตี้ย) เสียงน้ำหนักตัวผ่าน ทางปลายเท้าเวลากดลงพื้นได้ยินชัดเจนมาก (เป็นพื้นไม้แต่โครงสร้างเป็นปูน) เนื่องจากผมนอนตะแคง หูข้างหนึ่งจึงแนบกับพื้น พับ พับ เสียงยังดังเรื่อย ๆ ประมาณ 3 นาที ผมทนไม่ ได้ที่จะอยู่ในเหตุการณ์อย่างนี้อีกโดยไม่ได้ทำอะไร จึงตัดสินใจลุกพรวดขึ้นนั่ง และมองไปรอบ ๆ ห้อง ปรากฏว่า เห็นเงาดำ ๆ เป็นรูปร่างคน ยืนอยู่ตรง ปลายเท้า ตรงดวงตามีแสงสีแดง (เท่าแสงหิ่งห้อย) จึงตัดสินใจเปิดไฟฟ้าป็น ภายในห้อง ซึ่งสวิสอยู่ใกล้ ๆ มือ ก่อนเปิดไฟ มีสองทางให้เลือก (คิดในใจ) 1. ถ้าไม่เจออะไรก็แล้ว ไป 2. ถ้าเจอจะจะ คงต้องชอคตายแน่ ๆ พอเปิดไฟ ก็ไม่มีอะไร เพื่อความแน่ใจว่า แสงที่เห็นเป็นหิ่งห้อยหลุดเข้ามาในห้องหรือเปล่าจึงปิดไฟสำรวจอีกครั้งก็ไม่มี จึงสรุปว่าคงจะเป็น วิญญาณแรร่อนเดินผ่านมาทางกุฏิที่ผมนอน ผมสังเกตดูหน้าต่าง ไม่มีทาง ที่จะเปิดเองได้เลยเนื่องจากฝึดมาก และเป็นการเปิดจากในไปนอก หมายความว่าต้องมีลมดันจาก ข้างในห้องถึงจะเปิดได้ ถ้าเป็นลมพัดจากข้างนอกห้องก็ยิ่งจะทำให้หน้าต่าง ปิดสนิทมากขึ้นไปอีก ซึ่งหน้าต่าง เป็นแบบบานพับ เวลาจะเปิดต้องดันจากข้างใน และนอกจากนี้ประตู ห้องก็ปิดแล้วก่อนนอน จึงไม่มีใครจะมาเดินภายในห้องได้

สุดท้ายขอจบแค่นี้นะครับ ขอให้รายกายอยู่ตลอดไป

เรื่อง วิญญาณที่รอคอย

หวัดดีครับ ผมชื่อ ป้อมนะครับ ผมมีประสบการณ์สยองที่ผมเจอด้วยตัวเอง

เจอกันทั้งบ้านเลยครับ บ้านผมอยู่ใกล้ๆ โรงเรียนจันทร์หุ่นบำเพ็ญ ขอบอกแค่นี้ล่ะครับ เรื่องมีอยู่ว่า วิญญาณผู้หญิงคนนี้เคยเป็นแฟนพี่ชายผมเอง เมื่อ 3 ปีก่อน ก่อนที่พี่ผมจะไปเรียนต่อเมืองนอก มีแฟนคนนึงคือ ผู้หญิงคนนี้ เค้าสัญญากันว่าจะรักกันตลอดไป แล้วแฟนพี่ผมเค้าก็รอ จน 2 ปีผ่านไป พี่ชายผมเกิดไปมีแฟนใหม่อยุ่ที่โน่น ทำให้ผู้หญิงคนนี้เสียใจมาก เท่านั้นยังไม่พอ พี่ชายผมยังให้แฟนใหม่โทรศัพท์ไปว่า เมลไปว่าผู้หญิงคนนี้

ผู้หญฺงคนนี้ไม่รู้จะทำยังงัยก็เลยโทรมาที่บ้านผม มาบอกแม่ผม (จะว่าไปแล้วครอบครัวผมก็มีบาป ทำเค้าไว้เยอะเหมือนกัน) แต่แม่ผมปฏิเสธไม่ยอมรับรู้ แถมว่าผู้หญฺงคนนี้เสียๆหายๆอีก เค้าเลยทนไม่ไหว เลยกินยาฆ่าตัวตาย แล้วเกือบทุกวันเค้าจะมายืนอยู่หน้าบ้านผม แล้วมองเข้ามาในบ้าน บางวันก็จะนั่งบนหลังคา ซึ่งห้องผมจะอยู่หลังบ้านชั้นบน คือนอนรวมกันน่ะครับพี่น้อง ก็จะมีอู่ ผู้หญฺงคนนั้นก็นั่งบนหลังคาแล้วมองเข้ามาในห้อง แล้วก็ร้องไห้

บางทีก็เรียกชื่อพี่ชายผม บางวันผมแทบนอนไม่ได้เลย ผมเคยไปหาหลวงพ่อที่วัด ท่านก็รดน้ำมนต์แล้วบอกผมว่า ผู้หญิงคนนี้เค้าพยาบาทในสิ่งที่ครอบครัวผมทำกับเค้า แล้วเค้าก็รอพี่ผมด้วย ยิ่งตอนนี้พี่ผมกลับมาจากเมืองนอกแล้ว ยิ่งมาทุกวัน ที่น่าแปลกก็คือ หล่อนอุ้มเด็กทารกด้วย พี่ชายผมเลยถามคนใกล้ชิดกับผู้หญิงคนนี้ เค้าบอกว่า ผู้หญิงคนนี้ท้องได้ 2 เดือนกว่าแต่แท้งไป แต่พี่ผมไม่รุ้ เมื่อก่อนผมชอบไปยืนเล่นตรงระเบียงห้องผม แต่เดี๋ยวนี้ไม่กล้าเลย

พอเริ่มโพล้เพล้ ก็จะเห็นผู้หญิงคนนี้แล้วครับ เค้าคงอาฆาตรุนแรงกับครอบครัวผมมาก แต่ผมก็ยอมรับผิดนะครับที่ครอบครัวทำกับเค้า เรื่องมีแค่นี้ล่ะครับ

เรื่อง แฟลตอาถรรพ

เรื่อง แฟลตอาถรรพ
สวัสดีทีมงาน the shock ผมชื่อบิ๊กครับผมอาศัยอยู่แฟลตแห่งหนึ่ง วันนั้นเวลาประมาณ 4ทุ่มเศษ ผมกับแม่จะลงไปเอาของที่อยู่ในรถ ชึ่งอยู่ชั้นใต้ดิน ก่อนที่จะเดินลงบันไดนั้นเราต้องเดินผ่านห้องข้างๆชึ่งบ้านแต่ละบ้านจะมีหน้าต่างบานพับอยู่ชึ่งข้างบ้านผมนี้พึ่งมาอยู่ใหม่ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเราว่าเขาจัดบ้านยังไง ทำให้เราไปก้มดูที่หน้าต่าง แต่สิ่งที่ไม่เคยเจอก็เกิดขึ้น เมื่อผมได้ยินเสียงคนแก่พูดอยู่ใกล้หน้าต่างว่า มองอะไร อยู่2ครั้งพอผมได้ยินครั้งที่2 ผมวิ่งเลยครับ ผมก็พึ่งรู้ครับว่าผมตั้งเป็นอย่างไร ผมวิ่งไม่รอแม่เลยครับ พอต้งสติได้ผมจึงหันหลังไปดูแม่ แต่ภาพที่เห็นคือแม่นั่งคอพับคออ่อนอยู่ใต้บันได ผมจึงวิ่งไปหาแม่ แม่ผมตกใจมากแม่ถามผมว่าเห็นอย่างที่ฉันเห็นหรือเปล่า ผมบอกว่า ได้ยินเสียงคนแก่บอกว่า มองอะไรอยู่ 2ครั้ง แต่แม่ถามว่าไม่เห็นอะไรเหรอ ผมบอกไม่เห็นแต่แม่ผมเห็น เป็นชายแก่ไม่ใส่เสื้อยืนอยู่ชิดหน้าต่างแม่ผมเงยหน้าขึ้นดูเพราะเขาตัวสูงและแม่ผมก็วิ่งตามผมมาแต่ไปไม่ไหว พอแม่เล่าเสร็จเราก็รีบวิ่งผ่านห้องนั้นทันที เหตุที่หน้าเป็นไปได้ว่าไม่ใช้คนเพราะ บ้านแขวนกุญแจไว้และไปถามเจ้าของห้อง เขาบอกว่าอยู่กับภรรยาแค่2คนครับ และเหมือนเขาจะมาให้โชคเราถูหวยครับ ตั้งแต่วันนั้นเราจึงเชื่อครับว่า วิญญาณมีจริง

เรื่อง กลับบ้าน

เรื่อง กลับบ้าน
สวัสดีคะ นัทมีประสบการณ์ระทึกมาเล่าให้ฟัง คือเมื่อตอนอายุ10 ขวบ อากงของนัทเสีย แต่เสียที่บ้านเป็นมะเร็งที่หลอดลม จำได้ว่า ตอนใกล้จะสิ้นใจนาฬิกาตีบอกเวลา 5 โมงเย็นพอดี อากงนอนอยู่มีสายยางสอที่ปาก เรียกแม่ และลุงเข้าไป หา บอกว่า ทุกคนอย่าทิ้งกงไป กงไม่อยากอยู่คนเดียว กงกลัว พร้อมกับหลับตาลง และก็ลืมตาขึ้นมาอีก แม่นัทบอกว่า กงไม่ต้องห่วงที่บ้าน ไปสบายเถอะ อากงเรียกหา พ่อ นัทซึ่งไปทำงานอยู่เมืองนอก ต้องปลอบใจไปว่าเดี๋ยวก็มาสักพักกงก็จากพวกเราไป มันเป็นภาพที่ฝังใจเด็กอย่างพวกเรามากๆๆเลย ตอนนั้น นัทนั่งอยู่กับพี่ชาย กอดกันร้องไห้เลย เราติดต่อญาติ และนำศพไปทำพิธีที่ศีราชา สวดกงเต๊ก ตอนปันจุใส่โลง จำปา เนื่องจากว่าบ้านนัท เป็นบ้านไม้สองชั้น ประตู เข้าบ้านเล็กจึงไม่สามารถ นำโลงออกไ้ด้ ต้องรื้อประตูออก ที่หน้าบ้านปลูกต้นฝรั่งไว้ คนจีนถือว่ามันจะดูดกลิ่นศพไว้ จึงต้องตัดเอาออก แม่นัทนำเสื้อผ้าของใช้ของกงไปต้มแล้วบริจาคให้คนอื่น นำสเลดน้ำเหลืองที่กงอาเจียนออกไปทิ้งที่โคนต้นมะพร้าวแล้วไปงานศพที่ศรีราชา พอเสณ็จพิธี เราก็เดินทางกลับบ้่าน คืนนั้นเป็นคืนที่สาม หลังจากกงเสีย แม่ร้องไห้ และบอกพวกเรา ( นัท กับพี่ ) ว่า กงมาหาที่หน้าบ้านแต่บอกว่าเข้าไม่ได้ ข้างนอกหนาวมาก ในใจคิดว่าแม่คงจะฝันไป พอหลับต่อไปได้สักพัก รู้สึกมีลมเย็นๆๆผ่านหน้า สบาย ในใจคิดว่าแม่คงจะลุกขึ้นมาพัดให้ เพราะสมัยก่อนที่บ้านยังไม่มีไฟฟ้าใช้ เป็นบ้านสวน ที่ฝั่งธน จึง นอนตะแคง ตัว สลึมสลือ ค่อยลืมตา ภาพที่ปรากฎต่อหน้าคือกงมานั่งที่ปลายเท้าพัดให้เราอยู่ เรางี้ขนลุกไปหมดไม่กล้ากระดุกกระดิกเลย สักพักกงก็ลุกไป แล้วไปนั่งตรงเก้าอี้โยก จ้องมองมาที่พวกเรา เราอธิฐานในใจบอกกงว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรานะ แล้วก็ข่มตาหลับ ตอนเช้าตื่นมาเล่าให้แม่ฟังแม่ก็ร้องไห้อีกบอกว่าเห็นเหมือนกัน พี่ชายด้วย จึงไปทำบุญให้เผาเสื้อผ้าไปให้ แต่ทุกคนในบ้านก็ยังได้กลิ่นอยู่ ( กลิ่นยา + กลิ่นสเลด ) จนแม่ต้องไปเชิญซินแสมานำวิญญาณกงไปที่ฮวงซุ้ย ที่ศรีราชา หลังจากนั้นก็ไม่มีใครได้กลิ่น หรือเห็นกงอีกเลย

คืนนั้นไม่เคยลืม

เรื่อง คืนนั้นไม่เคยลืม
สวัสดีครับพี่ป๋องผมติดตามรายการ ของพี่ป๋องมานานแล้วตั้งแต่

สมายช็อกแล้วเข้าเรื่องเลยแล้วกันก้มีอยู่ว่าเมื่อประมาณปลายปีที่ผ่านมาผมจะจบการศึกษาในระดับปริญญาตรีแห่งหนึ่งผมได้ไปเอาวิทยานิพนธ์ที่บ้านเพื่อนขอไม่บอกแล้วกันว่าที่ไหนก็คือว่าผมไปเอารายงานที่บ้านนั่งแท็กซี่ไปบ้านมันอยู่หลังหมู่บ้านต้องนั่งรถเข้าอีกจังหวะเวลานั่นประมาณแค่ 23.00เองนะบ้านเป็นบ้านเก่าๆเพื่อนผมมันอาบนำอยู่ก็เลยบอกมันว่ามาเอารายงานแต่ว่าลืมบอกผมโทร

มาบอกมันก่อนแล้วเลยมาเอามันบอกว่าอยู่บนโต๊ะในห้องผมก็เลยเดินไปเอาในห้องเสร็จแล้วก็เลยกลับพอดีบอกแท็กซี่ให้จอดรอก่อนเสร็จก็นั่งรถกลับบ้านพอตอนเช้าผมก็บอกเพื่อนรายงานวิทยานิพนธ์ส่งแล้วอาจารย์ตรวจเรียบร้อยแล้วนะเพื่อนเมื่อคืนพูดว่าไปเอารายงานได้ไงเมื่อคืนมันไม่อยู่บ้านมันบอกว่าไปงานแต่งงานพี่สาวที่ต่างจังหวัดเพิ่งกลับมาตอน 07.00น.

นี่เองยังไม่ได้นอนเลยนะผมตกใจมากเลยที่เมื่อคืนไปเอารายงานกับใครที่บ้านมันเพราะมันบอกวาไม่อยู่แล้วใครที่บอกว่ารายงานอยู่บนโต๊ะ

สุดท้ายนี้ขอให้รายการเดอะซ็อกอยู่กับเราไปนานๆนะ

วันจันทร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2551

ซ่อนแอบ!

คือเรื่องนี้ ดิฉันไม่ได้เจอกับตัวเองหรอกค่ะ

เป็นคุณป้า ที่ เห็น มากับตัว ตั้งแต่สมัย ท่าน ยังเด็ก ท่านเล่าไห้ฟังว่า ตอนเด็กๆ ท่าน มีเพื่อน ประมาณ6-7 คนได้ก้อเลย ชวนกันเล่น ซ่อนแอบ ท่านไม่รู้ไงคะตามประสาเด็ก ก้อเลยเล่นกันประมาณ6โมงเย็นได้ โพล้เพล้ๆอะค่ะ ที นี้


คุณป้าดิฉัน ต้องเป็น คน หา ก้อตะโกน เรียก ชื่อเพื่อน เรียกๆ เพื่อนก้อไม่ตอบ แต่คุณป้าก้อเห็นนะคะ เห็นลางๆ ก้อเดินไปแถวใต้ บันได้ ก็ ไป จับเข้า กับ สิ่งหนึ่ง คุณป้า บอกว่า มันคล้ายๆ หัวคน แต่มันสากๆ คล้าย กระโหลก!คุณป้า ก็เรียกชื่อเพื่อนก้อเงียบ คุณป้ารู้สึกขนลุกและรู้สึกไม่ดี ก้อเลย วิ่งหนีและเอาผ้าเปิดตาออก


พอ มาถึงแถวหลัง บ้าน ปรากฎว่า เพื่อน แอบ อยู่หลังบ้านกันหมดเลย คุณป้าตกใจและกลัวเลยไม่กล้าเล่าไห้ใครฟังพอถึงเช้าถึงจะเล่าไห้ผู้ไหญ่ฟัง แล้วคุณล่ะค่ะคิดว่าไครที่คุณป้าดิฉันจับ!

เรื่อง ฮันนีมูนสยอง

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา โบได้ไปงานแต่งงานของญาติห่างๆแถวลาดพร้าว ทั้งคู่มีโครงการจะไปฮันนีมูนที่เมื่องไทยแต่ยังไม่คิดว่าจะไปที่ไหน โบเลยเสนอให้ไปแถวภาคเหนือทั้งคู่เห็นดีด้วย อาทิตย์ถัดมาพี่ไผ่กับพี่ชาติก็ออกเดินทางไปที่เชียงใหม่ เพราะอยากไปดูหมีแพนด้า ขาไปรถทัวร์แวะกินข้าวที่นครสวรรค์ พี่ไผ่ขอนอนอยู่บนรถส่วนพี่ชาติลงไปกินข้าว อยู่ดีๆก็มีคนมาทักพี่ไผ่ว่าเนี่ยเค้าเห็นพี่ชาติไม่มีหัวตอนลงไปจากรถ พี่ไผ่เป็นคนไม่ค่อยเชื่อเรื่องแบบนี้อยู่แล้วเลยเฉยๆ พอพี่ชาติเดินขึ้นรถมาพี่ไผ่จึงเล่าเรื่องนี้ให้ฟังพี่ชาติก้ไม่คิดอะไร



พอไปถึงที่เชียงใหม่ พี่เค้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่งที่ในตัวเมือง ช่วง 2-3 วันแรกเค้าก็ไปเที่ยวกันตามปกติ ตกตอนกลางคืนพี่ชาติก็ลงไปนั่งเล่นที่บาร์ข้างล่าง แต่พี่ไผ่ขออาบน้ำก่อนแล้วจะตามลงไป พี่ชาตินั่งรอพี่ไผ่ประมาณ2 ชั่วโมงเลยขึ้นไปดู พอไขกุญแจห้องเข้าไปพี่ชาติก็มองหาในห้องน้ำ แต่แทบจะเป็นลม พี่ไผ่นอนเสียชีวิตในอ่าวอาบน้ำ แต่พี่ชาติคิดว่าพี่ไผ่สลบไปเลยรีบพาไปส่งโรงพยาบาล แต่พี่ไผ่เสียชีวิตแล้ว พี่ชาติรีบโทรบอกญาติทุกคนให้รู้ แล้วเราก็ไปรับศพมาที่กรุงเทพระหว่างที่เอาศพกลับมามันค่อนข้างดึกมากๆประมาณเที่ยงคืนกว่าได้ แล้วพี่ชาติเค้าขอนั่งกระบะหลังกับโลงของพี่ไผ่ รถคันนั้นลุงโบเป็นคนขับและมีป้ากับพี่เพลงพี่ของพี่ไผ่อยู่ด้วย แล้วเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อก็เกิดขึ้น พี่เพลงหันไปเพื่อที่จะดูพี่ชาติว่าเป็นไง พี่เพลงแทบช็อกเพราะเห็นพี่ไผ่นั่งลูบหัวพี่ชาติที่กำลังหลับอยู่ข้างหลังรถ พี่เพลงสะกิดแม่คือป้าของโบให้หันไปมองพอป้าหันไปมองป้าร้องไห้ออกมาเลย ลุงเลยหยุดรถแล้วเรียกพี่ชาติมานั่งในรถ พี่ชาติทำหน้างงๆแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร รถของโบนำหน้าไปไกลแล้วเลยไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น พอสักตีสามกว่าๆพี่ไผ่ก็โผล่มาอีกทีนี้นั่งอยู่ข้างๆพี่ชาติเลย พี่เพลงร้องไม่ออกเลย ช็อคไปเลย ลุงเบรครถตัวโก่งเลย พี่ไผ่พูดว่าอย่าทิ้งไผ่ไป พี่ชาติร้องไห้ไม่หยุดเลย หลังจากนั้นพี่ชาติก็บวชมาตั้งแต่ช่วงปีใหม่ เคยถามเหมือนกันว่าจะบวชกี่พรรษา แต่คำตอบคือ ไม่รู้ บวชไปเรื่อยๆจนกว่าพี่ไผ่จะไปเกิด เชื่อไหมจนทุกวันนี้วิญญาณพี่ไผ่ยังคอยติดตามพี่ชาติอยู่เลย เพราะเค้าสองคนรักกันมากมั้งเลยทำให้พี่ไผ่ไม่อยากจากไปไหน

เรื่อง เส้นทางรถไฟสยอง เรื่องนี้ส่งมาจาก : คุณ จักร




เรื่อง เส้นทางรถไฟสยอง

สวัสดีครับพี่ๆ ทีมงาน The Shock
ผมมีประสบการณ์สยองมาเล่าให้ฟังครับ
เรื่องก็มีอยู่ว่า เมื่อตอนสมัยผมเรียนอยู่ชั้นม.3 ที่รร.แห่งหนึ่งย่านดินแดง
ตอนประมาณเดือนธันวาคมภายในปีการศึกษานั้นทางโรงเรียนก็ได้มีการเข้าค่ายลูกเสือที่ค่ายวชิราวุธ
จังหวัดอะไรนั้นผมจำไม่ได้แล้ว เป็นการเข้าค่ายใหญ่ภายในเขตที่โรงเรียนผมอยู่ร่วม ที่พักโรงเรียนของผมนั้นทางด้านหลังเป็นเหวลึกลงไป
ซึ่งภายในเหวนั้นได้มีรางรถไฟที่ยังใช้งานอยู่ แล้วเหตุการณ์มันเกิดขึ้นในคืนวันที่สามครับ กลุ่มผมได้รับมอบหมายให้อยู่เวรกลางคืนกัน พวกผมจึงพากันเดินเวร
พอสักราวๆ ตี2 กว่าๆ เพื่อนผมได้เอ่ยปากชวนกันไปนั่งกันตรงบริเวณเหว นั่งคุยกันสักพักผมก็ได้ยินเสียงวูดรถไฟ
ผมก็ไม่ได้สงสัยอะไรเพราะเส้นทางรถไฟสายนี้ยังคงใช้งาน เพราะช่วงบ่ายๆ ผมก็ยังได้ยินเสียงรถไฟวิ่งผ่านอยู่
จนกระทั่งได้ยินเสียงของรถไฟวิ่ง พี่ๆ คงเคยได้ยินเสียงล้อรถไฟใช้มั้ยครับ ผมกับเพื่อนๆ ก็ได้มองลงไป ปรากฎว่าสิ่งที่พวกผมต้องตกใจก็คือ มันไม่มีรถไฟวิ่งมาครับ
แต่ได้ยินเสียงรถไฟวิ่งผ่าน ได้ยินกันชัดเจนมาก แล้วที่ผมแน่ใจว่ามองไม่เห็นรถไฟแน่ๆ คือ บริเวณข้างทางรถไฟมันมีเสาไฟที่ส่องบริเวณรางรถไฟไงครับ ทำให้ผมแน่ใจว่า
ไม่ได้คิดไปเองแน่นอน พวกผมทั้งหมดจึงพากันลุกขึ้นวิ่งกลับเข้าเต็นท์พากันนอนคลุ้มโปงจนเผลอหลับไปถึงเช้าครับ เรื่องราวของผมก็มีอยู่เท่านี้ครับ

เจ้าที่หรือปล่าว





เรื่อง เจ้าที่หรือปล่าว


สวัสดีครับ ผมชื่อโหน่งครับ เรื่องนี้เกิดขึ้น ตอนผมอยู่ ป.4 ครับ

ตอนนี้ผมอยู่ ม.4 แล้ว ตอนนั้นเป็นวันที่ผมเข้าค่ายที่โรงเรียนครับ ก็พอตกกลางคืน ลูกเสือ และเนตรนารี ทุกคนก็ต้องเข้านอนครับ และพวกคุณครูก็ไปประชุมที่โรงอาหาร ซึ่ง อยู่ไกลจาก ตัวอาคารที่ลูกเสือนอนกัน ซึ่งไม่มีครูเฝ้าเลยลูกเสือเลย ระหว่างโรงอาหาร กับ ตึกอาคารที่ลูกเสือนอน จะมีสนามใหญ่ครับ มีไฟเปิดสว่างโล่ครับ ซึ่งไปจากสนาม ก็ทะลุมาถึงในห้องที่นอนกันครับ ตอนเข้านอนเวลา 4 ทุ่มครับ เมื่อไม่มีครู พวกลูกเสือก็คุยกัน จีอกแจ๊ก จอแจ เลยครับ


แล้วพอประมาณ 5 ทุ่ม ก็เริ่มเงียบกัน ผมก็เริ่มง่วงนอนแล้ว ก็เริ่มหลับตาแบบหรี่ๆ พอดี มุมมองผม มองออกไปนอกหน้าต่างพอดีครับ เลยเห็นไฟตรงห้องน้ำ ผมเห็นมันติดๆดับ ผมก็ไม่ได้คิดไรครับ แล้วผมก็หลับตา แต่ยังไม่หลับนะครับ ตอนนี้เพื่อนเงียบหมดแล้ว แล้วซักพักก็มีเพื่อนคนนึงพูดกับเพื่อนของเค้าว่า เฮ้ย มะกี้ เห็นใคร เดินผ่านประตูอ้ะปล่าว (ประตูจะมีกระจกบานเล็กๆ มองลอดอกไปได้ครับ) ทุกคนแถบทั้งห้องก็บอก เห็น แต่ฝั่งผมทั้งฝั่งไม่เห็นนะครับ แล้วก็มีเพื่อนคนนึงพูดว่า "เราเห็นคนผมยาวๆ ปิดหน้า แล้วเห็นไหล่เสื้อขาว" แล้วก็มีเพื่อนอีกหลายคนพูดว่า "เออ เราก็เห็น" แล้วมีเพื่อนคนนึงครับ แอบเปิดประตูออกไป แล้วก็มองไปทางที่เค้าเห็นคนเดินไป แล้วก็เค้ามาบอกว่า "ไม่เห็นมีใครเลย" ซึ่งเป็นทางที่ยาวมากเลยครับ


ซึ่งคนที่เดินผ่านหน้าห้องไป ไม่น่าจะเดินได้เร็วขนาดนั้น แล้วไฟหน้าห้องก็เริ่มติดๆ ดับๆ ครับ แล้วเพื่อนในห้องก็บอก "เอาแล้วไง เจอของเข้าแล้ว" แล้วซักพัก ไฟก็หายเป็นปรกติครับ แล้วครูก็เปิดประตูเข้ามา ก็มามองๆ ดูความเรียบร้อย แล้วก็ไปครับ ซึ่งตอนนั้นผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ไฟดวงนั้น กลับเป็นปรกติแล้วครับ ผมก็เลยคิดว่า โดนแหงม รีบหลับๆ ให้มันผ่านไปดีกว่า แล้วผมก็หลับไป ตื่นขึ้นมา เพื่อนๆ ในห้องก็คุยเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืนกัน ก็มีคนส่วนใหญ่บอกกันว่า "เจ้าที่หรือปล่าว อย่าไปคิดมากเลย" ผมก็พยายามเชื่อครับ ไม่คิดไรมาก เพราะผมเป็นคนกลัวผีมากๆ เลย แต่ชอบดูอะไรเกี่ยวกับผีๆ นะครับ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก

www.shockfmclub.com

Blog ที่เกียวข้อง